Cook With Heart, Feed With Love™

ตรวจเลือดแมว เรื่องสำคัญที่เจ้าทาสไม่ควรละเลย

การ ตรวจเลือดแมว เป็นการใส่ใจสุขภาพน้องแมวขั้นพื้นฐาน และเป็นเรื่องสำคัญที่ทาสแมวไม่ควรละเลยเพราะอะไร? มาหาคำตอบกัน 

 

สำคัญมากก! ทาสแมวมือเก๋าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการตรวจเลือดแมวเป็นประจำ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่ควรมองข้ามเลย อีกทั้งยังถือเป็นการประเมินสุขภาพน้องแมวเบื้องต้นได้อีกด้วย ซึ่งมือใหม่หรือหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันจำเป็นต้องตรวจเลือดแมวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 1 ปีเลยจริงหรือ? ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป ไม่ได้ตรวจเฉย ๆ อย่างแน่นอน  

 

ทำไมต้อง ตรวจเลือดแมว 

เพราะน้องแมวเองมีร่างกาย และอุปนิสัยเฉพาะตัวที่แตกต่างจากคนและสัตว์ชนิดอื่นมากค่ะ เราจะแบ่งเรื่องสำคัญที่ทำให้น้องแมวทุกตัวควรผ่านการตรวจเลือดเป็น 3 ข้อหลักด้วยกัน 

  • ธรรมชาติของแมวจะเก็บอาการเจ็บป่วยไว้ไม่ให้ใครรู้ ตามสัญชาตญาณของนักล่าและผู้ถูกล่าในตัวค่ะ ดังนั้นทำให้กว่าคุณจะเริ่มจับสังเกต จับอาการป่วยของเขาได้ ก็แสดงว่าอาการป่วยของเขามีมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว ที่เห็นอาการเพราะป่วยระยะ 2 – 3 แล้ว ความเจ็บป่วยเพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว จนเก็บไว้ไม่อยู่ 

 

  • น้องแมวมีโรคเฉพาะตัวที่แตกต่างกันทั้งช่วงอายุ สายพันธุ์ ลองตรวจเลือดปีนี้อาจจะไม่เจอความผิดปกติ แต่อีก 3 ปีข้างหน้าคุณอาจจะเจอโรคแปลก ๆ ที่ฟ้องออกมาจากผลเลือดก็ได้ค่ะ ซึ่งโรคที่เจอได้บ่อยจะแบ่งเป็นกลุ่มแมวเด็ก อายุยังน้อยไปจนถึงแมวแก่อายุมาก ดังนี้  

กลุ่มแมวเด็ก : มักพบปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัส แบคทีเรียบ่อย เนื่องจากอวัยวะภายในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ยังทำงานได้แบบไม่สมบูรณ์ 

กลุ่มแมวแก่ : มักพบปัญหาจากความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ อาทิ ตับ ไต หัวใจ โดยเฉพาะปัญหาจากไต ดูจากภายนอกคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าไตของน้องแมวกำลังเสียหายในระยะเริ่มต้น แต่กว่าจะรู้ กว่าจะแสดงอาการ หลาย ๆ เคสพบว่าค่าไตของเจ้าเหมียวสูญเสียการทำงานไปแล้วอย่างน้อย 60 – 75% 

ตรวจเลือดแมว

 

  • สำหรับใครที่เลี้ยงเจ้าตัวป่วนเยอะ ๆ มีน้องแมวมากกว่า 2 ตัวในบ้านยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ เพราะโรคบางโรคสามารถแพร่จากแมวสู่แมวด้วยกันเองได้ ยิ่งบวกกับธรรมชาติของแมวที่มักจะเก็บความเจ็บป่วยเอาไว้ยิ่งทำให้คุณยากต่อการสังเกตอาการ ซึ่งโรคบางโรคไม่ได้ส่งผลแค่สุขภาพร่างกายของน้องแมวเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดความเครียดอีกด้วยค่ะ 

 

โดยการตรวจเลือดแมวจะเน้นไปที่การตรวจค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ดูค่าเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด การตรวจค่าเคมีต่าง ๆ อาทิ การตรวจค่าเอนไซม์ตับ การตรวจค่าไต เจ้าของควรพาน้องแมวมาตรวจสุขภาพ ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายและเข้ารับการตรวจเลือดเป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเจ้าแมวตัวแสบของคุณจะไม่มีโรค หรือปัญหาอะไรแอบซ่อนอยู่ค่ะ 

ในท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาสุขภาพมากกว่า 80% เกิดจากการเลี้ยงดู ความเอาใจใส่โดยเฉพาะอาหารที่เขากินอยู่ทุกวัน มาเปลี่ยนสุขภาพแมวให้ดีขึ้นง่าย ๆ ด้วยอาหารแมวจาก Buzz Pet Food เพิ่มสมดุลทางโภชนาการได้แบบครบถ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของน้องเหมียวค่ะ 

 

กำราบน้องหมาชอบทำลายข้าวของ ต้องทำอย่างไร?

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ ชอบกัด ชอบเล่นสิ่งของต่าง ๆ จนพัง คุณสามารถฝึกเขา ทำให้เขารู้ได้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ควรทำได้ด้วยตัวคุณเอง 

 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ จะมองว่าเป็นพฤติกรรมปกติตามธรรมชาติของสุนัขก็ได้ ถ้าน้องหมาเลือกกัด เลือกเล่นเฉพาะของเล่น หรือสิ่งที่ของที่เราซื้อมาเพื่อรองรับนิสัยส่วนตัวของเขา แต่ถ้าวันใดน้องหมาเริ่มเพิ่มเลเวลการทำลายข้าวของไปที่เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงของที่มีมูลค่าสูงเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มมองแล้วค่ะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอแล้ว เพราะนอกจากจะสร้างความปวดหัว ปวดใจกับเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อของใช้ใหม่โดยใช่เหตุแล้ว เรื่องนี้ยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับน้องหมา จนคุณอาจจะเผลอทำร้าย ตี จนเกิดความระแวงกันทั้ง 2 ฝ่ายโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรผิดค่ะ 

ดังนั้น การเข้าใจนิสัยสุนัขก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกเขา สอนเขาให้รู้ว่าพฤติกรรมของน้องหมาที่ชอบทำลายข้าวของเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จะถือเป็นทางออกระยะยาว ที่จะทำให้น้องหมาที่คุณรักกลายเป็นสัตว์เลี้ยงนิสัยดี ที่ไม่สร้างความลำบากใจในเรื่องชอบทำลายข้าวของอีกต่อไปค่ะ  

 

พฤติกรรมชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากอะไร? 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งระดับการทำลายล้างสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของน้องหมาต้องสังเกตพฤติกรรมก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ  

  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 1 : จะเริ่มจากการกัด แทะ สิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน (นอกเหนือจากของเล่น) แทะขอบเฟอร์นิเจอร์ ขาโต๊ะ รถ ชอบขุดดิน เคี้ยวต้นไม้ มักจะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้เวลาเจ้าของไม่อยู่บ้าน 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 2 : จะเริ่มทำลายข้าวของให้เจ้าของเห็น เพื่อเรียกร้องความสนใจ 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 3 : ไม่ใช่แค่แทะหรือกัดแค่อย่างเดียวแล้ว แต่น้องหมาจะเริ่มกินสิ่งที่กัดเข้าไปด้วย มีพฤติกรรมกัด – แทะเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีโอกาสทำทั้งที่เจ้าของอยู่ และเจ้าของไม่อยู่ 

หมาชอบทำลายข้าวของ

วิธีแก้ไขพฤติกรรมน้องหมาชอบทำลายข้าวของ 

ปัญหานี้ควรแบ่งการแก้ปัญหาออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเริ่มต้นจากตัวคุณเอง 

  • เก็บของใช้ต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นให้พ้นเงื้อมมือสุนัข โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ แว่นตา หรือของใช้อื่น ๆ ที่คุณหยิบจับบ่อยจนเขารู้ว่าคุณต้องสนใจ หรือใช้งานของชิ้นนั้น ๆ เป็นพิเศษแน่ ๆ  
  • เก็บของมีค่าราคาแพงไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด เพราะน้องหมาเขาไม่มารู้นะ ว่าของชิ้นไหนแพง ของชิ้นไหนถูก 
  • พอน้องหมาเริ่มโตแล้ว ควรหยุดให้ของใช้ส่วนตัวกับสุนัขเพื่อเอาไว้เล่นค่ะ เพราะเขาจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนของเก่า ของใหม่ พาลจะกัดเล่นเละเทะไปเสียหมดได้
  • ห้ามตะคอก หรือทำร้ายน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นความผิดในครั้งแรก หรือหลาย ๆ ครั้งก็ตาม เรายังเชื่ออยู่ว่าการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุยังคงเป็นเรื่องดีที่สุด

การแก้ไขปัญหาจากตัวน้องหมา 

หลังจากที่เราจัดการของใช้ ของมีค่าต่าง ๆ ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการทำความเข้าใจน้องหมากันบ้างค่ะ 

  • ดูวัยของเขาก่อน ในช่วง 3 – 5 เดือนแรก อาจจะอยู่ในช่วงคันฟัน กัดนู้นกัดนี้เละไปหมด แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ฝึกน้องหมาง่ายที่สุด เริ่มแรกทำให้เขารู้จักว่าอะไรเล่นได้หรือเล่นไม่ได้ก่อน แนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ชมเขาทุกครั้งที่เขาเล่นของเล่นของตัวเอง เฝ้าสังเกตบ่อย ๆ หากน้องหมาเริ่มวอกแวกจะกลับไปกัดแทะข้าวของอื่น ๆ ให้ส่งเสียเตือนก็พอ 
  • หากน้องหมามีอาการ หรือสัญญาณที่ความไม่ปกติ ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดให้เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาให้ตรงจุดก่อนค่ะ ให้เวลา ให้ความรัก ความเอาใจใส่เขาบาง พาไปจูง พาไปวิ่งเล่นออกกำลังกายให้น้องหายเครียด คลายความกังวลบ้างค่ะ 
  • สิ่งสำคัญที่ห้ามทำเลยคือการลงโทษค่ะ ถึงแม้ว่าน้องจะเผลอกัดแทะสิ่งของจนพังไม่นานมานี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีน้องหมาก็ไม่รู้แล้วค่ะว่าเขาผิดอะไรถึงถูกลงโทษ หากน้องโดนดุ โดนลงโทษบ่อย ๆ จนหวาดกลัว ระแวงคุณมากขึ้นไปอีกไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ดุร้ายออกมาอย่างแน่นอนค่ะ 

 

เพราะการสังเกตสุนัขของตัวเอง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความเป็นเขาอย่างมากขึ้นจะเป็นเรื่องที่คุณสามารถใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับน้องหมาได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องน้องหมาชอบทำลายข้าวของเท่านั้นนะคะ แต่สิ่งนี้ถือเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง 

นอกจากการใส่ใจในเรื่องพฤติกรรม ลักษณะนิสัยของสุนัขแล้ว อย่าลืมดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพของน้องหมาด้วยอาหารที่เหมาะสม และตอบโจทย์ในด้านโภชนาการอย่างแม่นยำมากที่สุด ด้วย BUZZ อาหารสุนัขที่เข้าใจน้องหมามากที่สุด มีให้เลือกหลายสูตร ตั้งแต่สูตรมาตรฐาน สูตรสำหรับสุนัขเล็ก สุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขพันธุ์ใหญ่ รวมไปถึงสูตรพิเศษที่จะเน้นเพิ่มการดูแลให้น้องหมามากเป็นพิเศษค่ะ 

 

โรคข้อสะโพกเสื่อม ปัญหายอดฮิตของเจ้าตูบตัวยักษ์

โรคข้อสะโพกเสื่อม สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อการเคลื่อนไหวของเจ้าตูบตัวยักษ์ เพื่อให้เจ้าตูบวิ่งเล่นสนุกไปกับคุณได้อีกนาน เราจึงต้องหาทางป้องกันก่อนเกิดปัญหานี้

โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia ) เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับสุนัขสายพันธ์ุใหญ่ โดยเกิดจากโครงสร้างข้อสะโพกมีรูปร่างและการเคลื่อนที่ผิดปกติ ทำให้กระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้ากับเบ้าสะโพกได้พอดี จึงนำไปสู่การอักเสบของกระดูกและข้อ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของสุนัข ด้วยอาการเจ็บและปวดบริเวณข้อสะโพก ส่งผลให้ลุก นั่ง ก้าวขึ้นที่สูงลำบาก เดินกะเผลก ลักษณะการยืนก็จะผิดปกติ โดยขาหลังจะชิดกัน แต่ปลายขา และเท้าชี้ออกด้านข้าง จนสุนัขไม่อยากทำกิจกรรม เดิน และยืน เมื่อขาไม่ได้ถูกใช้งานนาน กล้ามเนื้อจะลีบ ทำให้เกิดอาการสองขาหลังอ่อนแรงได้

โรคข้อสะโพกเสื่อม

โรคข้อสะโพกเสื่อมเกิดขึ้นจากอะไร ?

สาเหตุของโรคข้อสะโพกเสื่อม มักถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม พบมากในสุนัขพันธ์ุใหญ่บางสายพันธ์ุ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, ร็อตไวเลอร์, เยอรมัน เชพเพิร์ด, เซนต์เบอน์นาร์ด, ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อีก คือ

  • สุนัขอายุมาก กระดูกเสื่อม และการดูดซึมแคลเซียมน้อยลง
  • สุนัขน้ำหนักเกิน เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม
  • เลี้ยงสุนัขบนพื้นลื่น ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อสะโพกได้ง่าย
  • เลี้ยงสุนัขในพื้นที่จำกัดมาก ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกาย เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อลีบ และขาหลังอ่อนแรงได้

เมื่อเริ่มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรืออาการเจ็บปวดที่สุนัขแสดงออก ควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการวินิจฉัยอาการของโรค จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยในปัจจุบันโรคข้อกระดูกเสื่อมสามารถรักษาได้หลายวิธี ดังนี้

การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อม

  • การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อมด้วยยา เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้อาหารเสริมจำพวกกลูโคซาไมด์ และคอนดรอยติน เพื่อเสริมสร้างกระดูกอ่อน และน้ำไขข้อ
  • การผ่าตัด ในกรณีที่มีการบาดเจ็บและอักเสบของข้อสะโพกรุนแรง
  • การกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวด ฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณข้อ และช่วยให้สุนัขกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติ

 

หากโรคข้อกระดูกเสื่อมยังไม่เกิดกับเจ้าตูบตัวยักษ์ของคุณก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าชะล่าใจไป เราควรหาทางป้องกันก่อนเกิดโรคไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการพาเจ้าตูบตัวยักษ์ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักเจ้าตูบให้อยู่ที่เกณฑ์ที่เหมาะสม โดยเลือกอาหารสุนัขที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอย่าง Healthy life Limited Ingredients สูตรเนื้อแกะแท้ บำรุงข้อกระดูก ที่มีกลูโคซามีน และคอนดรอยติน ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก ป้องกันความผิดปกติของกระดูก และชะลอการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อต่อ จึงเหมาะกับสุนัขพันธ์ุใหญ่เป็นอย่างมาก เพื่อให้เจ้าตูบได้วิ่งเล่นกับคุณไปนาน ๆ 

 

เทคนิค อาบน้ำแมว เพื่อขนสวยสุขภาพดี

อาบน้ำแมว อาจเป็นเรื่องปวดหัวของทาสแมวบางคนที่มีแมวไม่ชอบอาบน้ำ แต่ถ้าคุณได้รู้เทคนิคเหล่านี้ เชื่อได้ว่าการอาบน้ำแมวจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปทันที

อาบน้ำแมวจำเป็นอย่างไร ?

การอาบน้ำแมวถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ทาสควรทำให้แมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวขนยาว แม้เจ้าเหมียวจะเป็นสัตว์รักสะอาดที่มักจะเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ แต่มันก็เทียบเท่าการอาบน้ำไม่ได้ เพราะการอาบน้ำจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวหนังและขนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันปรสิตอย่างเห็บ และหมัดได้อีกด้วย การอาบน้ำแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลขนและผิวหนังให้มีสุขภาพดี

แมวอาบน้ำ

อาบน้ำแมวทำได้บ่อยแค่ไหน ?

แม้จะเป็นวิธีดูแลความสะอาดที่สำคัญ แต่การอาบน้ำแมวก็ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ขนของเจ้าเหมียวอ่อนแอลงได้ เนื่องจากสูญเสียน้ำมันเคลือบขน และอาจเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้แมวป่วยได้ด้วย ดังนั้น ทาสจึงควรอาบน้ำแมว 1 ครั้ง / 1 – 3 เดือน เท่านั้น

 

เทคนิคการอาบน้ำแมว

แต่ปัญหาใหญ่ของการอาบน้ำแมวที่ทาสหลายคนต้องประสบ คือ เจ้าเหมียวไม่ชอบอาบน้ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยพื้นฐานแมวเป็นสัตว์ที่กลัวน้ำอยู่แล้ว การที่จะทำให้แมวยอมอาบน้ำได้ง่าย ๆ จึงต้องฝึกให้แมวคุ้นชินกับน้ำตั้งแต่ยังเด็ก โดยเมื่อแมวอายุได้ 2 เดือน ให้เริ่มจับเท้าของน้องมาจุ่มน้ำอุ่น ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับน้ำจนอาบน้ำได้ ซึ่งในขณะที่อาบน้ำให้น้องทาสจะต้องใจเย็น ไม่ดุ ตี หรือจับหนังคอน้อง เพราะมันอาจทำให้น้องเครียด และฝังใจจนไม่อยากอาบน้ำอีกต่อไป

แต่ถ้าคุณไม่ได้ฝึกน้องมาตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องเตรียมใจว่าอาจเกิดรอยขีดข่วนบนตัวคุณได้เลย เป็นเหตุให้ทาสหลายคนต้องพึ่งร้านอาบน้ำสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าคุณอยากอาบน้ำให้เจ้าเหมียวเอง ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่

  • แชมพูสำหรับอาบน้ำแมวโดยเฉพาะ
  • ผ้าเช็ดตัวแมว 
  • แปรงสำหรับแปรงขนแมว
  • ไดร์เป่าผม
  • อ่างอาบน้ำ
  • น้ำอุ่น ๆ 

และทาสจะต้องใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด โดยมีความหนาพอสมควร เพื่อป้องกันเจ้าเหมียวข่วน ถ้าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเริ่มอาบน้ำแมวกันเลย !

  • ตรวจเช็กร่างกายของแมว และสภาพอากาศ หากแมวซึม ไม่ร่าเริง ไม่กินอาหาร หรือขับถ่ายผิดปกติ อีกทั้งหากอากาศเย็น ชื้น หรือมีฝนตก ทาสไม่ควรอาบน้ำให้น้อง
  • แปรงขนให้น้องเหมียวก่อนอาบน้ำ
  • พาน้องลงอ่างน้ำอุ่นช้า ๆ โดยเริ่มจากเอาขาน้องจุ่มน้ำ รอจนน้องนิ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ทำให้ตัวน้องเปียกโดยระวังอย่างให้เข้าตา และจมูก ในกรณีที่ใช้ฝักบัวในการอาบ ต้องเปิดน้ำให้เบาที่สุด
  • ผสมแชมพูกับน้ำก่อนลูบไล้ลงบนตัวน้องอย่างเบามือ ถูให้ทั่วทั้งตัว ยกเว้นบริเวณใบหน้า 
  • ล้างแชมพูออกให้หมด ส่วนบริเวณใบหน้าจะทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบา ๆ 
  • เมื่ออาบน้ำเสร็จ ต้องเช็ดตัวน้องให้แห้ง และเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมโดยไม่ใช้ความร้อนให้แห้งสนิท จากนั้นแปรงขนน้องอีกครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

อาบน้ำแมว ไม่ใช่เรื่องยาก และถือเป็นวิธีในการดูแลสุขภาพขนและผิวหนังของเจ้าเหมียวที่สำคัญ ส่วนการดูแลจากภายในที่ลืมไม่ได้ ก็คือการเลือกอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นขนและผิวหนังโดยตรง อย่าง Buzz Advanced Nutrition สูตรบำรุงเส้นขน เเละ ผิวหนัง อาหารแมวสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ ด้วยโภชนาการสารอาหารที่สมดุล พร้อมเพิ่มคอลลาเจน กรดไขมันโอเมก้า 6 และกรดไขมันโอเมก้า 3 เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เงางาม เจ้าเหมียวของคุณจึงมีขนสวย นุ่ม น่ากอด

 

6 สัญญาณเตือน น้องแมวป่วย อยู่หรือเปล่า?

แมวป่วย อยู่หรือเปล่า? บางทีพฤติกรรมบางอย่างของน้องแมว อาจจะเป็นสัญญาณเตือนที่เขากำลังจะบอกอะไรเราอยู่ก็ได้ 

 

ถึงน้องแมวจะพูดไม่ได้ แต่เจ้าของอย่างเราก็สามารถรับรู้อาการป่วยของเขาจากความผิดปกติต่าง ๆ ที่เจ้าเหมียวกำลังส่งสัญญาณเตือนมาเพื่อบอกเราได้ แต่จะมีสัญญาณเตือน หรือพฤติกรรมแบบไหนที่เราควรจะระวัง และควรเฝ้าดูอาการมากเป็นพิเศษ วันนี้เรามี 6 สัญญาณเตือน ดูให้รู้ว่าน้องแมวป่วยอยู่หรือเปล่ามาฝากกันค่ะ 

 

  1. น้องแมวอาเจียน หรือขับถ่ายผิดปกติ

ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่คุณสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าน้องแมวกำลังมีความผิดปกติในร่างกายค่ะ หากเขามีการขับถ่ายที่ผิดปกติ ถ่ายเหลว ถ่ายบ่อย ปัสสาวะบ่อยเกินไป หรือมีอาเจียนร่วมด้วย ให้คุณเฝ้าดูอาการภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ดีขึ้น หรือในระหว่างนี้น้องแมวมีการขับถ่ายออกมาเป็นสีที่ผิดปกติ อาทิ ถ่ายเป็นสีดำ, สีแดง ให้รีบพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุทันที สำหรับน้องแมวที่เฝ้าดูอาหารภายใน 24 ชั่วโมงแล้วหายเป็นปกติ ส่วนนี้อาจเกิดจากอาหารที่ผิดสำแดง น้องแมวอาจไปเล่นซนจนเผลอกินอะไรแปลกปลอมเข้า 

ในส่วนการอาเจียนของน้องแมว สามารถสันนิษฐานได้จากสี และลักษณะของเหลวที่เขาสำรอกออกมาค่ะ 

  • อ้วกเป็นสีเหลือง/อ้วกเป็นอาหาร : ปัญหาหลักคือเกิดจากการที่น้องแมวกินไว กินเร็วเกินไป กินแล้วไม่เคี้ยว หากอ้วกบ่อยเกิน 3 ครั้ง/วัน แนะนำพบสัตวแพทย์ 
  • อ้วกเป็นสีเขียว : สันนิษฐานว่าอาจจะมีการติดเชื้อในเบื้องต้น โดยเฉพาะในส่วนกระเพาะ ลำไส้ 
  • อ้วกเป็นสีแดง : อันตรายมาก เป็นสัญญาณของภาวะอวัยวะภายใน เส้นเลือด หรือหลอดอาหารฉีกขาด 
  • อ้วกเป็นสีน้ำตาล : อาจเกิดจากน้องแมวมีเลือดออก หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร 

 

  1. น้องแมวป่วย มีกลิ่นปาก 

กลิ่นปากของน้องแมวในที่นี้ คุณต้องแยกให้ออกนะว่าเป็นกลิ่นของอาหารหรือเป็นกลิ่นที่ผิดปกติ หากพบว่าน้องแมวมีกลิ่นปาก อยากให้คุณเจ้าของลองทำความสะอาดช่องปากของเจ้าเหมียวเสียก่อนค่ะ แนะนำให้ใช้ไม้มาทาทาบิให้น้องแมวกัดเล่นเพื่อระงับกลิ่นปาก ให้น้องกินน้ำเยอะ ๆ แล้วมาดูกันอีกทีว่าน้องยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่อีกหรือไม่.. เพราะหากยังมีอยู่นี้อาจจะเป็นสัญญาณสำคัญของแมวป่วย ซึ่งกลิ่นปากอาจหมายถึงโรคภายในช่องปาก โรคเหงือก หรืออาจะร้ายแรงไปจนถึงโรคไต โรคเบาหวานได้เลยค่ะ 

แมวป่วย

  1. แมวมีอาการเบื่ออาหาร 

พฤติกรรมการกินของน้องแมวเอง ก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนที่จะบอกถึงอาการป่วยของเขาได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเวลาดื้อไม่ยอมกินอาหาร ซึ่งอาการนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบค่ะ อาจเกิดจากการเปลี่ยนอาหาร หรือเป็นน้องแมวที่มีนิสัยเลือกกิน พอเจอเมนูไม่ถูกใจก็ดื้อไม่ยอมกินซะเลย อันนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่ถ้าหากเป็นของโปรดที่ปกติต้องกระโจนเข้าหาทุกครั้ง แต่มาวันนี้มีอาการซึม ไม่ยอมกินอาหาร อันนี้แหละน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ 

 

  1. หายใจเร็ว หายใจถี่ 

หากเป็นช่วงเวลาที่น้องแมววิ่งเล่นสนุกมา จะมีหายใจเร็วกว่าปกติจากการออกกำลังกายก็ไม่แปลกค่ะ แต่ถ้าเขานอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายแต่กลับหายใจเร็ว หายใจถี่ผิดปกติอันนี้น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ให้นำน้องไปอยู่ที่ในที่ที่เย็น โปร่งสบาย ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อคลายความร้อนให้น้อง ป้องกันการเป็นฮีทสโตรก และช็อกจนเสียชีวิตได้ค่ะ 

 

  1. น้องแมวซึม ไม่ร่าเริง 

อยู่ด้วยกันทุกวัน เจ้าทาสรู้ดีอยู่แล้วว่าแมวของคุณมีนิสัยอย่างไร หากเดิมน้องเป็นแมวร่าเริง ชอบเรียก ติดคน แต่อยู่ ๆ มาวันนึงมีอาการซึม ไม่ร่าเริง ไม่เล่น ไม่สนใจ ให้คุณเฝ้าดูอาการเบื้องต้นก่อนเลยค่ะ (บางทีน้องอาจจะงอนคุณอยู่หรือขี้เกียจก็ได้) หากน้องแมวยังเมินใส่ ไปแอบหลบตามซอกตามมุม ปลีกวิเวกผิดปกติ เดินลากขาหลัง แสดงว่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าน้องแมวป่วยอยู่ค่ะ 

 

  1. มีน้ำมูก ขี้ตาเยอะผิดปกติ 

เรื่องของน้ำมูก ขี้ตา ก็กลายเป็นสัญญาณเตือนแมวป่วยได้เหมือนกัน คุณจึงควรทำความสะอาดขี้ตาของแมวเหมียวอย่างเป็นประจำ ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนเป็นคราบ และเพื่อให้คุณได้รู้ด้วยว่าปริมาณน้ำตา น้ำมูกของแมวปกติแล้วจะมีประมาณไหน แล้วเยอะแค่ไหนถึงถือว่าผิดปกติ (น้องแมวบางพันธุ์จะมีอาการตาแฉะ ขี้ตาเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) ซึ่งอาการน้ำมูก ขี้ตาเยอะผิดปกติสามารถบ่งบอกได้ว่าน้องแมวกำลังป่วยอยู่ได้ ที่พบบ่อยคือไข้หวัด และอาการตาอักเสบ ควรเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีสัญญาณอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ควรพาน้องพบสัตวแพทย์เพื่อรักษาต่อไป ห้ามให้กินยาของคนเด็ดขาด อันตรายถึงชีวิตเลยนะ 

 

เพราะเรื่องของอาการเจ็บป่วยของแมว ก็มีแต่เจ้าของอย่างเราเนี่ยละที่จะสามารถสังเกตแล้วช่วยเขาได้ แต่นอกจากการใส่ใจ สังเกตสัญญาณเตือนเวลาแมวป่วยแล้ว ในช่วงเวลาปกติที่เขาเล่นซน อ้อนคุณได้ตามปกติ การดูแลเขาทั้งร่างกายและจิตใจก็เป็นเรื่องที่ห้ามละเลย โดยเฉพาะการเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพิ่มเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ ด้วย อาหารแมวจาก Buzz Pet Food อัดแน่นด้วยวัตถุดิบ และโภชนการที่ครบถ้วนเหมาะกับเจ้าแมวเหมียวทุกสายพันธุ์ ควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารกันบูด เพื่อให้แมวของคุณสุขภาพดีได้ในระยะยาว 

 

เรื่องต้องรู้ของมือใหม่ หัดเลี้ยง ลูกสุนัข

เทคนิคการเลี้ยง ลูกสุนัข ที่ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่าต้องรู้และเข้าใจ เพื่อให้น้องหมาโตขึ้นมาอย่างมีสุขภาพร่างกาย สุขภาพใจที่ดี ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง? 

 

การเลี้ยง ลูกสุนัข ถือเป็นการเข้ามาของสมาชิกใหม่ที่เพิ่มความสดใส และเสียงหัวเราะให้คนในบ้านไม่น้อยเลยค่ะ ด้วยความน่ารักตามวัยของเขาเอง จึงทำให้หลายคนตกหลุมรักเจ้าตัวแสบเหล่านี้ได้ง่าย ๆ แต่ความน่ารักสดใสของลูกสุนัขนี้ ก็แฝงมาด้วยความซนความแสบที่คุณต้องรับมือ พร้อม ๆ กันกับการดูแลสุขภาพ อาหาร พฤติกรรมที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาโตขึ้นมาเป็นสุนัขนิสัยดี ฉลาด แข็งแรงต่อไปในอนาคต แต่เรื่องอะไรบ้าง? ที่มือใหม่หัดเลี้ยงลูกสุนัขต้องรู้… เรามีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

ลูกสุนัขกับเลเวลความซน x10 ที่คุณต้องรับมือ 

ลูกสุนัขอายุประมาณ 2 – 3 เดือน (ช่วงเวลาที่นิยมเริ่มต้นเลี้ยงมากที่สุด) ถ้าเทียบกับเด็กก็เป็นวัยกำลังหัดวิ่งเลย ระดับความซน ความทะโมนย่อมคูณสิบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ที่มีความป่วน กวน บ้าพลังเป็นทุนเดิม เจ้าของอย่างเราจึงมีหน้าที่ต้องคอยห้าม คอยฝึกเขาในกรณีที่ความซนของเขามันเกินลิมิต การสอนให้เขารู้จักฟังคำสั่ง รู้ว่าอะไรคือเรื่องที่ห้ามทำ เหนื่อยวันนี้ส่งผลดีต่อน้องหมาในอนาคตแน่นอน 

 

สิ่งที่ต้องรับมือมากเป็นพิเศษคืออาการคันฟันของสุนัข เขาจะกัดทุกอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่ตัวคุณไปยันเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งลูกสุนัขเองจะยังไม่รู้จักยั้งแรง ไม่รู้ว่าแรงกัดขนาดไหนที่ทำให้คุณเจ็บ การฝึกให้เขาหยุดกัดจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้เขาติดนิสัยชอบกัด จนกลายเป็นน้องหมาดุร้ายในอนาคต 

  • หาของเล่นสำหรับลูกสุนัขที่ซัพพอร์ตอาการคันฟันของน้องหมา เลือกที่ปลอดภัยมั่นใจว่าจะไม่มีสารเคมีตกค้าง หรือเป็นอันตรายต่อสุนัขจริง ๆ 
  • หากลูกสุนัขเริ่มเล่นกับคุณด้วยการกัดที่แรงขึ้น ให้คุณเจ้าของร้องออกมาด้วยเสียงที่สูงเลียนแบบเสียงร้องของสุนัขเวลาเจ็บ ผ่อนแรงในส่วนที่เขากำลังกัดอยู่ลง และหยุดเล่นกับลูกสุนัขทันที เพื่อให้เขารู้ตัวว่าการกัดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 
  • สำหรับน้องหมาที่ดื้อมาก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกัด คุณสามารถดุด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติได้แต่ห้ามตี ห้ามใช้ความรุนแรงนะคะ และไม่ควรใช้วิธีร้องเลียนเสียงสุนัขบ่อยเกินไป เพราะน้องหมาจะไม่เกิดการเรียนรู้ 

ลูกสุนัข

ความสะอาด สุขภาพ และการรับวัคซีนให้ครบสำคัญ 

เพราะลูกสุนัขก็เหมือนเด็กอายุน้อย ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ของร่างกายยังไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น บวกกับความซนของเขาที่อาจจะแจ็คพอตแตกเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดเข้า เจ้าของอย่างเรามีหน้าที่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข 

 

ยิ่งซนยิ่งต้องสะอาด : การอาบน้ำ ทำความสะอาดเป็นการเสริมสุขลักษณะที่ดีให้น้องหมา โดยเฉพาะหากลูกสุนัขไปเล่นซนจะเลอะมาทั้งตัว ยิ่งต้องรีบทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้จำเป็นต้องมีค่า pH เหมาะกับผิวหนังลูกสุนัข ห้ามใช้แชมพูของคนเด็ดขาด และทุกครั้งที่อาบน้ำเสร็จต้องเป่าขนให้แห้ง เพื่อรักษาสภาพผิวหนังให้ดีอยู่เสมอ ไม่มีปัญหาเชื้อราหรือโรคอื่น ๆ ตามมา 

 

การรับวัคซีน ถ่ายพยาธิคือเรื่องขาดไม่ได้ : ถือเป็นเรื่องสำคัญของเจ้าของลูกสุนัขทุกตัวที่ต้องให้ความสำคัญกับการรับวัคซีนสุนัขให้ครบถ้วนทุกชนิด กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ เพราะค่าใช้จ่ายของโรคเหล่านี้มีสูงมาก 

เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรงด้วยอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ 

ด้วยร่างกายที่ต้องเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของลูกสุนัข จึงทำให้เขาจำเป็นต้องได้สารอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการที่ครบถ้วน เหมาะสมกับสุขภาพเพื่อช่วยในเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรง และได้รับพลังงานอย่างเพียงพอในแต่ละวัน บวกกับข้อจำกัดบางอย่างภายในร่างกาย ขนาดกระเพาะที่ยังเล็กอยู่ รวมไปถึงวัตถุดิบบางอย่าง อาทิ นมวัว กระดูก อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร จึงทำให้เจ้าของควรเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะอย่าง Buzz Healthy Life สูตร Puppy Growth สูตรเนื้อแกะแท้ โปรตีนคุณภาพสูงนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ช่วยลดอาการแพ้อาหาร เสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีสารสกัดจากโรสแมรี่ช่วยลดอาการเครียดในสุนัข เม็ดอาหารมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เลือกให้เหมาะสมกับพันธุ์ของลูกสุนัขได้ 

 

เพราะการเลี้ยงดูลูกสุนัขด้วยความรัก ความเข้าใจ และอาหารที่ดีที่สุด ถือเป็นจุดเริ่มที่จะทำให้ลูกสุนัขตัวน้อยของคุณ เติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบมากที่สุดค่ะ 

ทำอย่างไรเมื่อ สุนัขท้องเสีย

สุนัขท้องเสีย อีกหนึ่งอาการที่พบได้ในสุนัขทุกสายพันธ์ุและทุกช่วงวัย โดยอุจจาระจะมีลักษณะ กลิ่น และสีที่ผิดปกติ นิ่มเป็นน้ำ หรืออาจมีมูกเลือดปนออกมาด้วย และมักมีความถี่ในการถ่ายมากกว่า 3 ครั้ง / วัน

 

สุนัขท้องเสีย เกิดจากอะไร ?

  สุนัขท้องเสียเป็นภาวะผิดปกติที่ลำไส้บีบตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้การดูดซึมอาหารและน้ำลดลง จึงทำให้อุจจาระที่ถ่ายออกมาเหลวเป็นน้ำ โดยทั่วไปอาการท้องเสียสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ

  • สุนัขท้องเสียแบบเรื้อรัง มักเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร เช่น น้ำย่อย ตับ ตับอ่อน เป็นต้น 
  • สุนัขท้องเสียแบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นเร็วและกินระยะเวลาไม่นาน มีสาเหตุมาจากอาหารหรือยาที่กินเข้าไป ได้รับสารพิษ และการติดเชื้อ  

โดยสุนัขท้องเสียจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อบิด หรือพยาธิ สีของอุจจาระที่ถ่ายออกมาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อ หากติดเชื้อที่ลำไส้เล็ก อุจจาระจะมีสีเทา เหลวเป็นน้ำ และอาจมีเลือดปนทำให้อุจจาระมีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนในกรณีติดเชื้อที่ลำไส้ใหญ่ อุจจาระมักมีมูกปน มันวาว โดยอาจมีเลือดปนออกมาด้วย 

สุนัขท้องเสีย

จัดการกับปัญหาสุนัขท้องเสีย

    อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นในสุนัขมักมาพร้อมกับอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องอืด และอ่อนเพลีย หากสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ เจ้าของจะต้องงดการให้อาหาร 6 – 12 ชั่วโมง ให้เฉพาะน้ำเท่านั้น โดยเจ้าของจะต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากยังไม่ดีขึ้นยังถ่ายเหลวหรืออาเจียนอยู่ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้สุนัขท้องเสีย และรักษาได้อย่างถูกจุด

    สุนัขท้องเสียแม้จะไม่ร้ายแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น เจ้าของอย่างเราจึงต้องพาเจ้าตูบไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ พาไปฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด รวมทั้งพาเจ้าตูบเข้ารับการถ่ายพยาธิทุก ๆ 6 เดือน และอย่าลืมคอยสังเกตไม่ให้เจ้าตูบกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปด้วย นอกจากนี้ การเลือกอาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและสุขภาพที่แข็งแรงให้เจ้าตูบได้ อย่าง Buzz Netura High – quailty meat / Grain free อาหารสุนัขที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ย่อยง่าย ช่วยลดปริมาณและกลิ่นของอุจจาระ ไม่แต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเจ้าตูบจะมีสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงที่เกิดปัญหาท้องเสียได้

ก้อนขนอุดตัน ปัญหาของเจ้าเหมียวที่ต้องจัดการ

เพราะเจ้าเหมียวชอบเลียขน จึงไม่แปลกที่จะเกิดปัญหา ก้อนขนอุดตัน ทาสแมวจะต้องหาวิธีป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

 

ก้อนขนอุดตัน เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ก้อนขนอุดตัน ปัญหาที่มักพบในแมว โดยเฉพาะแมวขนยาว เพราะพฤติกรรมรักสะอาดโดยธรรมชาติของแมวที่มักจะจัดแต่งขน ทำความสะอาดร่างกายตัวเองด้วยการเลียขน ซึ่งลิ้นของเจ้าเหมียวที่มีลักษณะสากเหมือนหนามเล็ก ๆ  จะทำหน้าที่คล้ายกับแปรงช่วยเกี่ยวขนให้หลุดร่วงออกไป ซึ่งขนเหล่านี้ก็ไม่ได้ร่วงลงพื้นหรือหายไปไหน แต่เจ้าเหมียวจะกลืนมันเข้าไปด้วย โดยขนที่อยู่ในทางเดินอาหารจะรวมตัวกันเป็นก้อน หรือที่เรียกว่า ก้อนขน ( Hair Ball ) ซึ่งโดยปกติเจ้าเหมียวจะกำจัดก้อนขนออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระหรืออาเจียนออกมา แต่ในกรณีที่ยังมีก้อนขนตกค้างในทางเดินอาหาร เพราะกินขนเข้าไปมากกว่าปกติ หรือการทำงานของระบบย่อยอาหารผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันได้ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อร่างกายของเจ้าเหมียวได้ไม่ใช่น้อย

 

ก้อนขนอุดตัน ส่งผลอย่างไรต่อเจ้าเหมียว

  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้ท้องผูกและท้องเสีย เนื่องจากลำไส้จะบีบตัวเพื่อกำจัดก้อนขน ซึ่งการบีบตัวมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ส่วนกรณีท้องผูก ก็เป็นเพราะก้อนขนขนาดใหญ่อุดตันในลำไส้ทำให้ขับถ่ายลำบาก
  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้ไอและอาเจียน เพื่อขับก้อนขนที่ตกค้างออกมา
  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้เบื่ออาหารและเซื่องซึม เพราะปัญหาการขับถ่าย รวมทั้งอาการอื่น ๆ ของปัญหาก้อนขนอุดตัน ทำให้เจ้าเหมียวอยากอาหารน้อยลง

เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวจากปัญหาก้อนขนอุดตัน ทาสจะต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องการทำความสะอาดร่างกาย และอาหารเป็นพิเศษ

ก้อนขนอุดตัน

 

ป้องกันปัญหาก้อนขนอุดตันด้วยวิธีง่าย ๆ 

วิธีป้องกันปัญหาก้อนขนอุดตัน เริ่มจากการกำจัดต้นต่อของปัญหา นั่นคือ การอาบน้ำให้เจ้าเหมียวอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยต้องเป่าขนให้แห้ง และแปรงขนเป็นประจำ ถึงแม้จะไม่อาบน้ำก็ตาม ทาสก็ต้องหมั่นแปรงขนให้น้อง เพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วงออกไปให้ได้มากที่สุด

และท้ายที่สุด คือ การเลือกอาหารแมวที่มีกากใยอาหารสูง เพื่อช่วยขับก้อนขนไม่ให้อุดตันในทางเดินอาหาร อย่าง Buzz Advanced Nutrition อาหารแมวที่ตอบสนองความต้องการทางด้านสุขภาพ ด้วยสารอาหารครบถ้วนตามที่แมวต้องการ พร้อมทั้งมีเส้นใยเซลลูโลสพลัส ช่วยให้เส้นขนผ่านทางเดินอาหารได้ดีขึ้น จึงหมดกังวลว่าจะเกิดปัญหาก้อนขนอุดตันมากวนใจเจ้าเหมียวของคุณ

4 เคล็ดลับ ฝึกลูกหมา ให้น่ารักเชื่อฟัง นิสัยดี

การ ฝึกลูกหมา ให้น่ารัก พูดรู้เรื่อง ขับถ่ายเป็นที่ ขอมือได้ สวัสดีได้ ถือเป็นความใฝ่ฝันเบื้องต้นที่ทาสหมาทั้งหลายต้องการให้เจ้าตัวแสบของตัวเอง เป็นไปตามที่ใจต้องการ แต่ให้อยู่เฉย ๆ น้องคงไม่มีการเรียนรู้หรอกค่ะ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องฝึกลูกหมาเอง ให้เขารู้จักฟังคำสั่งของเรา ซึ่งการฝึกลูกหมาตัวเล็กอายุไม่เกิน 5 เดือน มีความง่ายกว่าน้องหมาตัวโตเยอะ คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่ควรเริ่มจากอะไร? และควรฝึกอะไรในเบื้องต้นบ้าง มาดูกันค่ะ 

 

ฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่ 

การฝึกลูกหมาในเบื้องต้น ควรเริ่มจากการฝึกให้น้องขับถ่ายให้เป็นที่ก่อนในอันดับแรกค่ะ น้องหมาจะจำสถานที่ขับถ่ายของตัวเอง และจะขับถ่ายบริเวณนั้นไปเรื่อย ๆ จนเปรียบเสมือนห้องน้ำของเขา คงไม่ดีแน่หากห้องน้ำของเขาจะกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านต่าง ๆ ของเรา การฝึกให้เริ่มจากเจ้าของต้องคอยสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายของเขา หากน้องหมามีทีถ้าว่าจะอุจจาระ หรือปัสสาวะให้ส่งเสียงบอกเขาว่า “ไม่” และรีบอุ้มเขาพาไปยังจุดที่คุณเตรียมไว้ให้เป็นที่ขับถ่ายทันที แต่ห้ามตีเด็ดขาด ทำครั้งแรกน้องหมาอาจจะตกใจกลัวจนไม่กล้าขับถ่าย ไม่ต้องกังวลค่ะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 2 – 3 ครั้ง ลูกหมาจะเริ่มรู้ด้วยตัวเองแล้ว ว่านี้คือสถานที่ที่เขาต้องมาหากต้องการขับถ่าย เพียงเท่านี้ลูกหมาของคุณก็จะขับถ่ายเป็นที่แบบนี้ไปตลอดค่ะ ที่สำคัญหากน้องหมาเริ่มขับถ่ายเป็นที่เป็นทางตามที่คุณสอนแล้ว อย่าลืมชมเขาด้วยล่ะ 

 

ฝึกลูกหมาให้รู้จักชื่อตัวเอง 

การฝึกให้ลูกหมารู้จักชื่อตัวเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรับคำสั่งต่าง ๆ และเป็นการฝึกลูกหมาที่ง่ายที่สุด เพียงแค่ทุกครั้งที่เล่น ทุกครั้งที่เรียกน้องหมาให้เรียกด้วยชื่อของเขา สบตาทุกครั้งเวลาเรียก ทำย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เรียกตลอดเวลา และอย่าใช้สรรพนามอื่น ๆ อย่างน้องหมา ตัวเล็ก ในช่วงแรก จะเอ็นดูหรือหมั่นเขี้ยวแค่ไหนก็ต้องให้เขารู้จักชื่อของตัวเองก่อน ใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์เขาจะสามารถรู้ได้อย่างแน่นอนว่าตัวเขาชื่ออะไร

ฝึกลูกหมา

ฝึกลูกหมาให้ฟังคำสั่ง ไม่ทำลายข้าวของ 

เพราะสุนัขมีสัญชาติของการอยู่ด้วยกันเป็นฝูงติดตัวมา การฝึกลูกหมาจึงควรจะเป็นเจ้าของเพื่อให้เขารู้ว่าหัวหน้าฝูงที่เขาต้องเชื่อฟังคือใคร สิ่งสำคัญในการฝึกลูกหมาให้เชื่อฟังคือรางวัล น้ำเสียงและความอดทนค่ะ น้องหมาจะรับรู้ได้จากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป (เวลาเราทำเสียง 2 คุยกับน้องหมา เขาถึงดีใจไง) ห้ามตะโกน หรือตะคอกโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด 

  • ใช้คำที่สั้น กระชับ เมื่อคุณต้องการออกคำสั่ง 
  • ใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวานน่าฟัง เมื่อต้องการชม 
  • ใช้คำที่กระชับ น้ำเสียงดุดัน และดังขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องการจะดุ หรือตักเตือน 

ทุกครั้งที่ฝึกลูกหมา อย่าลืมเตรียมของรางวัลเป็นขนมสำหรับสุนัขเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เขาจำได้ว่าหากเชื่อฟังจะได้รับรางวัล 

 

ฝึกลูกหมาให้กินอาหารเป็นเวลา 

การฝึกให้น้องหมากินเป็นเวลา ถือเป็นเรื่องดีที่จะส่งผลต่อสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักให้สมส่วนได้ในระยะยาว นอกจากการเลือกอาหารให้เหมาะสมกับพันธุ์ และอายุสุนัขด้วย Buzz อาหารสุนัขสูตร Puppy Plus แล้ว ช่วงเวลาในการให้อาหารสุนัขควรให้อาหารวันละ 2 – 3 ครั้งต่อวัน โดยควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละครั้งให้เหมาะสม รวมแล้วต่อวันไม่มากหรือน้อยจนเกินไป (ใครไม่แน่ใจในปริมาณที่ให้ อาจจะใช้วิธีแบ่งเป็นอาหารต่อวันก่อนแบ่งเป็นมื้อก็ได้) โดยในการให้อาหารทุกครั้งควรฝึกให้มีเวลากิน 30 – 40 นาที เมื่อครบกำหนดต้องเก็บทันที ห้ามใจอ่อนถึงแม้ว่าในช่วงแรกที่ฝึกลูกหมา เขาจะยอมกินตรงตามเวลาก็ตาม 

แต่นอกจากการฝึกลูกสุนัขให้เชื่อง ให้เชื่อฟังคุณแล้ว เรื่องของความรัก การดูแลเอาใจใส่ และให้ความสำคัญในเรื่องโภชนาการก็สำคัญกับการเจริญเติบโตของลูกสุนัขไม่แพ้กัน อย่าลืมมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาทุกวันด้วย Buzz อาหารสุนัขสูตร Puppy Plus อาหารสำหรับลูกสุนัข เหมาะกับทุกพันธุ์ ทุกขนาด ตั้งแต่น้องหมาพันธุ์เล็ก – กลาง อายุตั้งแต่ 4 – 12 เดือน และสุนัขพันธุ์ใหญ่ อายุ 4 – 24 เดือน เพื่อให้เขาเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์อย่างสมวัย

ให้แมวกินปลาทู เรื่องใหญ่ทำร้ายไต แบบที่คุณไม่รู้ตัว

แมวกินปลาทู อันตรายจริงหรือ? การให้แมวกินปลาทูถือเป็นความเคยชินที่มีกันมานานในบ้านเรา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของของที่คู่กัน มีแมวก็ต้องมีปลาทู แต่ในหมู่คนรักแมวที่มีการดูแลเรื่องโภชนาการให้น้องเหมียวตัวโปรดมากเป็นพิเศษจะทราบกันดีค่ะ ว่า “ปลาทูเข่ง” เมนูอันแสนโอชะของน้องแมวทั่วบ้านทั่วเมือง ได้กินทีไรตาเป็นประกายทุกทีเนี่ยละ ที่จะส่งผลต่อร่างกายแบบผ่อนส่ง กลายเป็นเรื่องใหญ่กับสุขภาพแมวแบบที่คุณไม่รู้ตัว 

 

แมวกินปลาทู ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร? 

หาก “ปลาทู” ที่คุณมอบให้น้องแมวด้วยความรักความเอ็นดูเป็นปลาทูสด ๆ นำมานึ่ง หรือปรุงสุกเองโดยไม่มีการปรุงรสใดใด ก็จะไม่มีปัญหาสุขภาพแบบผ่อนส่งแบบนี้ตามมาหรอกค่ะ เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ จะเกิดขึ้นกับแมวกินปลาทูเข่งเป็นประจำมากกว่า ดูผิวเผินปลาทูเข่ง กับปลาทูสดอาจจะไม่แตกต่าง อีกทั้งยังหาซื้อง่าย แถมราคาถูกอีกด้วย แต่กรรมวิธีในการทำปลาทูเข่ง กว่าที่จะเอาออกมาขายตามตลาดที่คุณเห็นมีอะไรมากกว่าที่คิดค่ะ ซึ่งจุดนี้เนี่ยแหละ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพน้องแมวโดยตรง 

 

การทำปลาทูเข่งจะใช้น้ำเกลือในการต้ม เพื่อเป็นการถนอมอาหารให้ปลาทูคงสภาพอยู่ได้นาน หนังตึง ไม่เน่า ไม่บูด ช่วยยืดระยะเวลาในการวางขายในตลาดให้ได้นานที่สุด ทำให้ปลาทูเข่งอุดมไปด้วยเกลือ ไอโอดีน และมีรสเค็มมากเป็นพิเศษ เรื่องนี้ส่งผลต่อการทำงานของไตโดยตรงค่ะ  เพราะความสามารถในการขจัดของเสียออกจากร่างกายแมว ไม่ได้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับร่างกายมนุษย์ขนาดนั้น ทำให้ไตต้องรับบทหนักมากขึ้น เมื่อไตทำงานหนักเป็นประจำ ความแข็งแรงของไตก็จะลดลง อ่อนแรงลงจนกลายเป็นโรคไตเรื้อรังในที่สุด ยังไม่รวมไปถึงเชื้อโรค และแบคทีเรียในปลาทูเข่งที่อาจทำให้แมวท้องเสีย อาเจียนได้ ในกรณีให้ให้น้องแมวกินแบบไม่มีการอุ่น หรือใช้ความร้อนใดใดเพิ่มเติม

แมวกินปลาทู

อาหารแมวที่ผ่านการควบคุมโภชนาการ ตอบโจทย์ที่สุด 

ถึงแม้ว่าแมวกินปลาจะเป็นเรื่องเคยชินสำหรับคุณ ถึงปลาที่ให้จะเป็นปลานึ่ง ปลาต้มแบบไม่ผ่านการปรุงรสใดใด ไม่เสี่ยงต่อโรคไตก็ตาม  แต่ในแง่มุมของสารอาหารที่ครบถ้วนก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี การเลือกอาหารแมวที่ผ่านการควบคุมโภชนาการ มีความแม่นยำ เติมเต็มและดูแลสุขภาพของน้องแมวได้ในทุกส่วน ตั้งแต่สุขภาพร่างกาย พลังงาน ผิวหนัง เส้นขน ไปจนถึงรสชาติ กลิ่น ที่ทำให้น้องแมวเจริญอาหารได้อย่าง บัซซ์ อาหารแมว Balance Nutrition อาหารแมวที่ถูกคิดค้นให้เหมาะสมกับร่างกายของแมวโดยเฉพาะ มีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี เต็มไปด้วยสารอาหารที่แมวหนึ่งตัวควรจะได้รับ 

 

เพราะอาหารที่คนเรากินได้ มองว่ามันอร่อยและน้องแมวเองก็อร่อย ชอบใจทุกครั้งที่ให้อาจไม่ได้ส่งผลดีตามรสชาติที่ได้รับเลย ซ้ำยังอาจเป็นยาพิษ ลดอายุน้องแมวตัวโปรดของคุณไปเรื่อย ๆ ด้วยมือของคุณเอง ดังนั้นหันมาให้ความสำคัญกับอาหารการกินของน้องแมวกันค่ะ เพื่อให้เขาได้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เล่นสนุก สดใสกับคุณไปยาว ๆ ค่ะ

โรคพิษสุนัขบ้า ภัยร้ายของเจ้าตูบ

โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่แพร่ระบาดได้ทุกฤดู แต่มักพบมากในฤดูร้อน โดยเกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ซึ่งสามารถฆ่าชีวิตสุนัขที่คุณรักได้อย่างง่ายดาย 

 

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากไวรัส Rabies Virus ซึ่งพบได้ในสัตว์เลือดอุ่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำ ไม่ใช่แค่เพียงสุนัขหรือแมวเท่านั้น โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลาย เมื่อได้รับเชื้อ มันจะแพร่กระจายเข้าไปสู่เส้นประสาทส่วนปลาย ไขสันหลัง และเข้าสู่สมอง โดยแบ่งตัวในสมอง และปล่อยเชื้อไวรัสเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย หนึ่งในนั้นคือต่อมน้ำลาย สุนัขที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการภายใน 14 – 90 วัน โดยสามารถแบ่งอาการของโรคได้ 3 ระยะ ดังนี้

 

สังเกตอาการของโรคพิษสุนัขบ้า

1.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 1 

    อาการระยะเริ่มแรก จะแสดงอาการ 2 – 3 วัน โดยสุนัขจะมีอุปนิสัยและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หงุดหงิดง่าย แยกมาอยู่ตัวเดียว ไม่คลุกคลีกับเจ้าของเหมือนเคย อุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ ม่านตาขยาย และตอบสนองต่อแสงลดลง

2.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 2

    อาการระยะตื่นเต้น แสดงอาการ 1 – 7 วัน โดยสุนัขจะมีอาการกระวนกระวาย มีอาการทางประสาท ตอบสนองรุนแรงต่อเสียงและสิ่งเร้า แสดงอาการดุร้าย กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า วิ่งอย่างไร้จุดหมาย ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแม้จะได้รับบาดเจ็บ เสียงเห่าหอนผิดปกติ ลิ้นห้อย น้ำลายไหลเยอะผิดปกติ

3.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 3 

    อาการระยะอัมพาต ซึ่งเป็นระยะที่สั้นที่สุด โดยสุนัขจะคางห้อยตก ลิ้นสีแดงคล้ำห้อยออกมา น้ำลายไหลเยอะมาก ขาอ่อนเปลี้ย ทรงตัวไม่ได้ เมื่อล้มแล้วจะลุกไม่ได้ เกิดเป็นอัมพาตทั้งตัวอย่างรวดเร็ว และตายในที่สุด

โดยการแสดงอาการของสุนัขในแต่ละระยะนั้น จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบดุร้าย และแบบซึม

  • โรคพิษสุนัขบ้าแบบดุร้าย จะแสดงอาการระยะตื่นเต้นเด่นชัด และยาวนาน แต่ระยะอัมพาตสั้นมาก
  • โรคพิษสุนัขบ้าแบบซึม จะแสดงอาการระยะตื่นเต้นสั้นมาก แต่แสดงเด่นชัดในระยอัมพาต

โรคพิษสุนัขบ้าสามารถแพร่เชื้อผ่านทางน้ำลายได้ตั้งแต่ 1 – 7 วันก่อนแสดงอาการจนกระทั่งตาย โดยคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ามักติดเชื้อจากการถูกกัด ข่วน ถูกเลีย หรือน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อกระเด็นเข้าแผล

พิษสุนัขบ้า

ป้องกันเจ้าตูบจากโรคพิษสุนัขบ้า

เพราะท้ายที่สุดมักจบด้วยความตาย โรคพิษสุนัขบ้าจึงเป็นโรคที่ร้ายแรงสำหรับเจ้าตูบเป็นอย่างมาก เจ้าของอย่างเราจึงต้องใส่ใจดูแลและป้องกัน ด้วยการ

  • พาเจ้าตูบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามกำหนดเวลาเป็นประจำทุกปี
  • จำกัดพื้นที่ หรือใช้สายจูงทุกครั้งเมื่อพาเจ้าตูบไปเดินเล่นนอกบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากสัตว์ตัวอื่น

 

นอกจากนี้ อย่าลืมเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง และภูมิคุ้มกันที่ดีให้เจ้าตูบด้วยอาหารสุนัขที่มีความสมดุลทางโภชนาการ Buzz Balance Nutrition อาหารเพื่อสุนัขทุกสายพันธุ์ ที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันที่ดี บำรุงกระดูก ฟัน ระบบประสาท และสมอง อีกทั้งยังควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่แต่งสี และไม่ใส่สารกันบูด เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากอาหารที่ให้ เพื่อเจ้าตูบที่คุณรัก ต้องเลือก Buzz Pet Food

เคล็ดลับ ควบคุมน้ำหนักแมว

เพราะโรคอ้วนส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ทาสจึงต้อง ควบคุมน้ำหนักแมว ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเจ้าเหมียว

 

ทำไมต้องควบคุมน้ำหนักแมว

แมวอ้วนตุ๊ต๊ะอาจดูน่ารัก แต่ที่จริงแล้วแมวของคุณกำลังประสบปัญหาโรคอ้วนอยู่ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักของแมว ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น สายพันธ์ุ เพศ ปัญหาสุขภาพ การทำหมัน ไม่ออกกำลังกาย การให้อาหาร และการกินที่มากเกินไป เมื่อน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน จึงเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าเหมียวไม่ใช่น้อย

  • ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวาน นิ่วในทางเดินปัสสาวะ โรคหัวใจ หายใจติดขัด ไขมันพอกตับ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
  • แมวอ้วนมักขาดความร่าเริง เล่นน้อยลง เหนื่อยง่าย ชอบนอน จนอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า 

เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า ทาสแมวจึงต้องควบคุมน้ำหนักแมวไม่ให้น้องอ้วนจนเกินไป ด้วยวิธีที่ถูกต้อง

ควบคุมน้ำหนักแมว

วิธีควบคุมน้ำหนักแมวที่ทาสแมวควรรู้

1.ควบคุมน้ำหนักแมวสิ่งสำคัญอยู่ที่อาหาร

  • อาหารแมวทั่วไปจะให้พลังงานประมาณ 360 – 400 กิโลแคลอรี่ / 100 กรัม ทาสแมวจะต้องควบคุมปริมาณการให้อาหาร โดยให้ในปริมาณที่แนะนำไว้บนบรรจุภัณฑ์ของอาหารแมว และควรชั่งตวงให้ได้ปริมาณที่ถูกต้องแม่นยำ
  • เลือกอาหารแมวที่มีปริมาณโปรตีนสูง พร้อมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุ แต่ต้องไขมันต่ำ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ ส่งเสริมข้อต่อ กระดูก ให้สมบูรณ์แข็งแรง รวมทั้งเพื่อให้ผิวหนังและขนสุขภาพดีด้วย
  • แมวต้องดื่มน้ำให้ปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงแนะนำให้ทาสแมววางน้ำไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน 
  • หลีกเลี่ยงการให้ขนมแมว และอาหารของคนกับแมว

 

2.ควบคุมน้ำหนักแมวด้วยการออกกำลังกาย

กระตุ้นให้แมวทำกิจกรรม เล่นสนุกกับของเล่น กระโดด ปีนป่าย หรือพาออกไปเดินนอกบ้าน อย่างน้อย 15 นาที 2 ครั้ง / 1 วัน จะช่วยเผาผลาญได้เป็นอย่างดี

 

3.ควบคุมน้ำหนักแมวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ช่างน้ำหนักแมวทุก ๆ 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ เพื่อตรวจเช็กการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก หากน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักตัวปกติ 5 % จะต้องปรับอาหารและปริมาณให้เหมาะสม

 

จะเห็นได้ว่า อาหารมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมน้ำหนักแมว ทาสจึงต้องเลือกอาหารให้เหมาะสม อย่าง Buzz Advanced Nutrition อาหารแมวที่อุดมด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีโปรตีนสูง พร้อมด้วยเส้นใยเซลลูโลส และคาร์นิทีน ที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง รวมทั้งช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันดีขึ้น โดยมีให้เลือกหลากหลายสูตร ตอบโจทย์ทาสแมวที่อยากให้เจ้าเหมียวมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง

แมวขนร่วงหนักมาก ทำยังไงดี?

แมวขนร่วง เยอะเกินไป ปัญหาหนักใจของเจ้าทาสหลาย ๆ คน ที่อาจจะกำลังกังวลว่าเกิดอะไรกับเหมียวน้อยของคุณหรือเปล่า จะแก้ไขด้วยวิธีไหน วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

ปัญหา แมวขนร่วง เกิดจากอะไร? 

ปัญหาแมวขนร่วงถือเป็นปัญหาที่คนเลี้ยงแมวหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ก่อนอื่นคุณต้องแยกให้ออกก่อนค่ะ ว่าสิ่งที่น้องแมวเจออยู่เป็นเพียงการผลัดขนตามธรรมชาติ หรือเกิดจากความผิดปกติของเส้นขนและผิวหนังกันแน่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แมวขนร่วงจากความผิดปกติมีดังนี้ 

 

  • ผิวหนังติดเชื้อ เป็นสาเหตุที่ส่งตรงต่อเรื่องของขนแมว และผิวหนังมากที่สุด การติดเชื้ออาจเกิดจากเชื้อปรสิต อาทิ หมัด ไร เชื้อรา เชื้อยีสต์ หรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแพทย์จะสามารถทราบสาเหตุได้ทันทีจากการพบตัว หรือไข่ของปริสิตต่าง ๆ ผ่านแผลบนผิวหนัง ผื่นแดง จุดที่ขนร่วงเป็นหย่อม หรือผิวหนังที่ส่งกลิ่นเหม็น
  • อาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้สารเคมี แพ้แชมพู หรือแพ้อาหาร สามารถส่งผลต่อผิวหนังและเส้นขนได้ทั้งสิ้น 
  • ความเครียด ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลแค่กับคน แต่กับสัตว์อย่างน้องแมวก็ทำให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน แมวบางตัวมีภาวะเครียด ระแวง หวาดกลัวกับสิ่งแวดล้อมมากจนเกินไป จึงทำให้คุณเจอทั้งพฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพ ร่างกาย โดยเฉพาะปัญหาน้องแมวขนร่วงเป็นกระจุก ๆ อีกด้วย 
  • ขาดสารอาหาร การที่น้องแมวขาดสารอาหาร ขาดโภชนาการที่เหมาะสมครบถ้วน ถือเป็นผลเสียที่จะส่งไปตรงยังร่างกายแทบทุกส่วน ตั้งแต่สุขภาพ ร่างกาย การขับถ่าย โรคภัย และความสวยงามของขน
  • สาเหตุอื่น ๆ อาทิ น้องแมวกำลังตั้งครรภ์ หรืออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ

มาแก้ปัญหา แมวขนร่วง กัน 

หากคุณคิดว่าการที่น้องแมวขนร่วงไม่ใช่การผลัดขนตามธรรมชาติ แต่น่าจะมาจากสาเหตุความผิดปกติอื่น แนะนำให้พบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมกับเสริมด้วยการดูแลเพิ่มเติม ดังนี้

แมวขนร่วง

  • การแปรงขนน้องแมวบ่อย ๆ ช่วยได้ เพราะนอกจากจะเป็นการแปรงเอาขนแมวที่ร่วงกลายเป็นเศษขนส่วนเกินออกแล้ว ยังช่วยกระตุ้นต่อมใต้ผิวหนังของแมวให้ผลิตน้ำมันที่ช่วยบำรุงให้เส้นขนเงางามได้อีกด้วย 
  • ดูแล และระวังเรื่องปรสิต และระวังสารเคมี อาการแพ้ต่าง ๆ 
  • การเลือกอาหารแมวสำคัญที่สุด อาหารแมวที่ดีควรครบในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์แต่น้องแมว เลือก อาหารแมว Buzz สูตร Hair & Skin ตอบโจทย์น้องแมวขนเยอะขนยาว มาพร้อมโภชนาการที่สมดุลต่อร่างกาย บำรุงกระดูก สายตา เสริมภูมิต้านทาน มีการเพิ่มสารอาหารสำคัญอย่างคอลลาเจน เข้ามาช่วยบำรุงเส้นขนและผิวหนังให้สุขภาพดี ขนสวยเงางาม หมดปัญหาน้องแมวขนร่วงแน่นอน

เพื่อให้น้องแมวขนสวย ผิวหนังสุขภาพดี นุ่มนิ่มน่ารักแบบนี้ไปนาน ๆ อาหารมีส่วนสำคัญในการดูแลเขาเป็นอย่างมาก เลือกอาหารแมวคุณภาพสูงที่สามารถส่งเสริมสุขภาพของเขาในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย สุขภาพภายใน ดูแลระบบการขับถ่าย สุขภาพผิวหนัง ขน และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและพลังงานด้วยอาหารแมวจาก บัซซ์ มีทั้งสูตรมาตรฐานเหมาะสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ และสูตรคิดค้นพิเศษ สำหรับความต้องการเฉพาะ เพื่อประโยชน์สูงสุดของแมวเหมียวตัวโปรดของคุณ 

หมากัดเจ้าของ รับมือกับปัญหานี้อย่างไรดี?

หมากัดเจ้าของ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความระแวงให้กับคุณ และคนในบ้านไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าปล่อยให้ปัญหา และความระแวงฝังอยู่ในบ้านนานเกินไป มาหาวิธีรับมือกันค่ะ 

 

หมากัดเจ้าของ สาเหตุเกิดจากอะไร? 

การที่น้องหมาที่เราเลี้ยง เรารักอยู่ทุกวันจะกัดเราได้ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ สาเหตุส่วนใหญ่ที่เป็นปัจจัยสำคัญ มีดังนี้ 

 

  • พันธุ์ และนิสัยส่วนตัวของสุนัข ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน ว่าสุนัขที่คุณนำมาเลี้ยงเป็นพันธุ์ไหน ธรรมชาติของเขาเป็นอย่างไร ทั้งนี้จะรวมไปถึงกรรมพันธุ์ด้วย พ่อแม่ของน้องหมามีนิสัยเป็นอย่างไร ลูก ๆ ส่วนใหญ่ก็จะติดนิสัยของพ่อ – แม่มาด้วย 
  • วิธีการเลี้ยงดู หมากัดเจ้าของสะท้อนถึงการเลี้ยงดูมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์ใด จะขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายหรือไม่ก็ตาม หากได้รับการเลี้ยงดูแบบไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมกับพันธุ์และนิสัยของเขา โอกาสที่หมากัดเจ้าของ หรือดุร้ายก็มีสูงได้มากเช่นกัน 
  • น้องหมาเจ็บป่วย บางทีการที่หมากัดเจ้าของ ทั้งทีไม่เคยกัดเลยเป็นสุนัขที่น่ารักมาตลอด ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากอาการเจ็บป่วย ทั้งจากทางร่างกาย เขาอาจจะรู้สึกเจ็บจนไม่สบายตัว หงุดหงิด ฮอร์โมนเปลี่ยน หรือเจ็บป่วยทางใจ สุนัขบางตัวเคยโดนทำร้าย ได้รับการกระทบกระเทือนจนส่งผลต่อจิตใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะน้องหมาจะกลายเป็นสุนัขขี้กลัว ขี้ระแวง หวาดกลัวคนมาก (ในบางช่วงไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของ พบเจอบ่อยมาก ) เพราะความหวาดกลัวนี้เองจึงทำให้หมากัดเจ้าของได้ 

 

หมากัดเจ้าของ รับมืออย่างไร? 

หลังจากที่คุณเริ่มเข้าใจในสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณที่มีต่อสัตว์เลี้ยงกันค่ะ สำหรับสุนัขไม่ว่าจะพันธุ์ไหน ตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ เขาจะใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตต่างจากมนุษย์ การเลี้ยงวิธีเลี้ยงดูให้เหมาะสม รวมไปถึงพฤติกรรมที่เจ้าของและคนในบ้านที่ปฏิบัติต้องสุนัข จึงมีส่วนสำคัญที่อาจจะทำให้เขามีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจ และกลายเป็นหมากัดเจ้าของในที่สุด 

การเลี้ยงดูต้องเหมาะสมกับสายพันธุ์ นิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเลี้ยงดู รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้เลี้ยงและคนในบ้านจึงต้องไม่เหมือนกัน 

 

  • สุนัขที่มีความบ้าเลือด เป็นนักสู้ อย่าง อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย, บางแก้ว หรือร็อตไวเลอร์ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ พลังเยอะเหลือล้น ชอบเอาชนะ วางอำนาจ ผู้เลี้ยงจึงมักกลัวว่าสุนัขจะสร้างความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายกันคนรอบข้าง จึงเลือกที่จะผูกไว้ ไม่ให้น้องได้เจอสังคม แต่ความกังวลอาจจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จุดฉนวนความเครียด และกดดันในการใช้ชีวิต ที่ต้องการออกจากการโดนกักขังของสุนัขออกมาทีละน้อย กระตุ้นความระแวง เกิดความเครียด บวกกับสุนัขไม่รู้จักการเข้าสังคม ไม่รู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคน และสัตว์ตัวอื่น ๆ  เมื่อได้รับอิสระ (ทั้งหลุดโดยไม่ได้ใจ หรือตั้งใจปล่อย) สุนัขจะมีโอกาสแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวดุร้าย เพราะอยากต่อสู้เพื่อหนีออกมาจากการโดนกักขัง ทำให้น้องหมากัดเจ้าของได้ในที่สุด 

 

  • สุนัขที่ฉลาด มีความเป็นนักล่า ชอบเอาชนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความดุร้าย ขนาดตัวไม่ใหญ่เท่าข้อแรกอย่าง แจ็ครัสเซล ดัชชุน หรืออื่น ๆ แต่นิสัยพื้นฐานของเขายังคงมีความเป็นนักล่าสูง พลังเยอะ ไวต่อสิ่งเร้า ชอบการแข่งขัน การเลี้ยงดูจึงควรซัพพอร์ตความพลังเยอะ ควรมีกิจกรรมที่ทำให้พลังของเขาสงบลงได้ 

สุนัขตัวเล็ก น่ารัก แต่เอาแต่ใจ ความน่ารักของเขาอาจจะทำให้เราสปอยล์กันแบบไม่รู้ตัว การเห่า การส่งเสียงดังโวยวายโดยที่ผู้เลี้ยงไม่ดุ ไม่เตือน อาจจะทำให้น้องหมาตัวเล็กน่ารัก ดูเหมือนจะไม่ทำร้ายใคร กลับกลายเป็นมีนิสัยก้าวร้าว ตั้งตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดีไม่ดีกลายเป็นกัดเจ้าของไปอีก

หมากัดเจ้าของ

พฤติกรรมยั่วยุสุนัขให้โกรธง่าย ไม่ใช่เรื่องดี 

หลายบ้านมักแสดงความรัก หรือแสดงพฤติกรรมกับน้องหมาแบบผิด ๆ โดยเฉพาะการยั่วยุสุนัขให้เขาเห่า หงุดหงิด ขู่ แยกเขี้ยว รวมไปถึงการเล่นยื้อแย่งของเล่น ปล่อยให้กัดสิ่งของ ที่เป็นพฤติกรรมกระตุ้นการใช้ความรุนแรง โดยขาดสติ ไม่มีการควบคุม อาจจะทำให้เรารู้สึกตลก แต่มันไม่ได้ส่งผลดีในระยะยาวเลยค่ะ เพราะน้องหมาจะค่อย ๆ กลายเป็นสุนัขที่ดุร้าย ก้าวร้าว และเอาแต่ใจติดตัวในที่สุด ยิ่งอายุเยอะยิ่งแก้ไขยาก 

 

การเลี้ยงสุนัขต้องใช้จิตวิทยาเข้าช่วย 

เพราะสุนัชใช้สัญชาตญาณในการใช้ชีวิต คนเลี้ยงอย่างเราจึงจำเป็นจะต้องใช้จิตวิทยาเป็นตัวช่วยในการบอกเขาว่าอะไรควรหรือไม่ควร ไม่ปลุกปั่น หรือเล่นอะไรกับเขาที่ทำกระตุ้นความรุนแรงออกมา ทำหน้าที่ให้ตัวคุณเองเป็นจ่าฝูง รวมไปถึงการให้สุนัขให้ออกกำลังกาย ใช้พลังกำลังโดยไม่ขาดสติ เช่น การว่ายน้ำ โยนรับลูกบอล วิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกับเรา จะช่วยทำให้น้องหมาสามารถควบคุมตัวเอง และใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี ลดความเครียด กดดัน หรืออาการหงุดหงิดลงได้ 

 

เพราะการเลี้ยงดูที่ดีของเจ้าของ จะแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนในรูปแบบพฤติกรรมของสุนัข ดังนั้นก่อนคิดจะเลี้ยงน้องหมา อย่าลืมถามใจตัวเองก่อนว่าน้องหมาพันธุ์ไหนที่คุณสามารถรับมือได้ เลี้ยงดูเขาได้อย่างดีพร้อมทั้งเวลา สถานที่ และดูแลสุขภาพเขาด้วยโภชนาการที่ครบถ้วนด้วย BUZZ อาหารสุนัขที่เข้าใจสุนัขมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีปัญหาน้องหมากัดเจ้าของอีกต่อไปค่ะ

อุจจาระสุนัข บอกอะไรเรา ?

อุจจาระสุนัข ของเสียที่บอกสุขภาพของเจ้าตูบได้ จากลักษณะ สี ปริมาณ และสิ่งที่ปะปนออกมากับอุจจาระ

 

เมื่อพูดถึงอุจจาระสุนัข กลิ่นก็ลอยตามมาเลยทีเดียว แต่รู้อะไรหรือไม่ อึเหม็น ๆ นี้ สามารถบอกถึงสุขภาพภายในร่างกายของเจ้าตูบได้ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการขับถ่ายอุจจาระของสุนัข มีดังนี้

 

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของสุนัข

  • อายุขัย เมื่อสุนัขอายุมาก ประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร และขับถ่ายจะต่ำลง ทำให้ถ่ายยากและมักมีภาวะท้องผูกได้ง่าย
  • อาหาร ส่งผลโดยตรงต่อการขับถ่ายของสุนัข หากกินอาหารที่ไม่เหมาะกับสภาพลำไส้ อาจทำให้ท้องเสีย หรืออาหารที่ย่อยยาก ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้หมด จึงอุดตันที่ลำไส้ได้
  • การกินน้ำ สุนัขที่กินน้ำน้อย อุจจาระจะแข็ง ทำให้ถ่ายยาก
  • ความเครียด ส่งผลต่อการถ่ายอุจจาระของสุนัข เช่น สุนัขที่มีภาวะความเครียดเนื่องจากการเปลี่ยนที่อยู่ มักจะไม่ยอมขับถ่าย
  • โรคภัยไข้เจ็บ สุนัขที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และขับถ่าย เช่น โรคลำไส้อักเสบ จะทำให้สุนัขขับถ่ายลำบาก จนไม่อยากถ่าย

อุจจาระสุนัข

อุจจาระสุนัข บอกถึงสุขภาพของเจ้าตูบได้จริงหรือ ?

ลักษณะ สี ปริมาณ และสิ่งที่ปะปนในอุจจาระสุนัข สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของสุนัขได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของต้องค่อยสังเกต โดยอุจจาระสุนัขแต่ละแบบ บ่งบอกถึงอะไรบ้าง มาดูกันเลย

อุจจาระสุนัขปกติ

  • ลักษณะอุจจาระสุนัขจับตัวกันเป็นก้อน ไม่แข็ง หรือเหลวเป็นน้ำ
  • มีสีน้ำตาลเหลือง หรือน้ำตาลปนเขียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่สุนัขกินเข้าไป
  • ไม่มีสิ่งแปลกปลอมปะปนออกมากับอุจจาระ
  • แสดงว่าสุนัขมีสุขภาพร่างกายและระบบขับถ่ายที่ดี

อุจจาระสุนัขสีดำ

  • ลักษณะอุจจาระเป็นก้อนใหญ่ เหนียวคล้ายดินน้ำมัน
  • มีสีเข้ม หรือดำ
  • แสดงว่าระบบย่อยอาหารอาจมีความผิดปกติ หรืออาจมีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น

อุจจาระสุนัขเหลว 

  • ลักษณะอุจจาระเหลว แต่ยังไม่เป็นน้ำ มีมูกปน และส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีอาการท้องร่วง หรืออาจติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อบิด

อุจจาระสุนัขเหลวเป็นน้ำ

  • ลักษณะอุจจาระเหลวเป็นน้ำ ไม่เป็นรูปร่าง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีอาการอักเสบที่กระเพาะอาหาร และลำไส้ โดยมักมีอาการอาเจียนร่วมด้วย

อุจจาระสุนัขเป็นไข สีเทา

  • ลักษณะอุจจาระเหลว เป็นไข
  • มีสีเทา 
  • มีเศษอาหารที่ยังไม่ย่อยปะปนออกมา
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน หรือถุงน้ำดี และอาจมีอาการท้องผูกด้วย

อุจจาระสุนัขมีพยาธิ

  • มีพยาธิตัวแบนหรือตัวกลมปะปนอยู่ในอุจจาระสุนัข
  • แสดงว่าสุนัขของคุณกำลังติดพยาธิ

อุจจาระสุนัขมีเลือดปน

  • อุจจาระสุนัขมีสีแดงปนออกมา
  • แสดงว่าอาจมีการอักเสบและเป็นแผลบริเวณทางเดินอาหารส่วนท้าย ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ล่ามไปถึงทวารหนัก หรือบริเวณก้น อาจมีต้นเหตุมาจากการกินอะไรบางอย่างเข้าไป เช่น กระดูกไก่ ไม้แหลม เป็นต้น

อุจจาระสุนัขเป็นเม็ด ๆ 

  • ลักษณะอุจจาระเป็นเม็ด ก้อนเล็ก ๆ 
  • แสดงว่าสุนัขกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับไต ซึ่งมักพบในสุนัขอายุมาก

อุจจาระสุนัขสีเหลือง

  • ลักษณะอุจจาระเหลวคล้ายโคลน
  • มีสีเหลือง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับ ถุงน้ำดี และตับอ่อน

อุจจาระสุนัขสีเขียว

  • อาจมีเศษหญ้าปะปนออกมาด้วย
  • มีสีเขียว
  • แสดงว่าสุนัขอาจกินหญ้ามากเกินไป หรืออาจประสบกับปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดีอยู่

ทั้งนี้ ปริมาณอุจจาระสุนัขจะต้องสอดคล้องกับปริมาณการกินของสุนัข เพราะหากอุจจาระมีปริมาณมากกว่าการกิน ก็อาจบ่งบอกว่าระบบย่อยอาหารและดูดซึมทำงานผิดปกติ หรือหากอุจจาระมีปริมาณน้อยเกินไป ก็จะบ่งบอกถึงภาวะท้องผูก และการอุดตันของทางเดินอาหาร ทำให้สุนัขไม่สามารถขับถ่ายได้อย่างปกติ

 

เพราะอุจจาระสุนัข บ่งบอกถึงสุขภาพของเจ้าตูบได้ การดูแลให้เจ้าตูบมีสุขภาพแข็งแรง และระบบขับถ่ายที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของอย่างเราลืมไม่ได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงในเรื่องนี้ ก็คือ อาหาร เราจึงต้องเลือกอาหารที่ดีอย่าง Buzz Netura High – quality meat / Grain – free อาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ย่อยง่าย ช่วยลดกลิ่นมูล ควบคุมน้ำหนัก ไม่แต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด จึงทำให้สุนัขมีสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว

 

เชื้อราแมว โรคผิวหนังที่ติดต่อสู่คนได้

เชื้อราแมว โรคผิวหนังที่เกิดขึ้นได้กับเจ้าเหมียว และสามารถติดต่อสู่คนได้ ทาสแมวจึงต้องดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้กับเจ้าเหมียวของคุณ

 

เชื้อราแมว เกิดขึ้นได้อย่างไร

เชื้อราแมว เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้ในสัตว์เลี้ยงมีขนอย่าง แมว สุนัข กระต่าย เป็นต้น ซึ่งมักพบในแมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวขนยาวมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น ซึ่งเกิดจากเชื้อราที่ชอบความชื้น ไม่ว่าจะเป็น Microsporum canis, Microsporum gypseum หรือ Trichophyton mentagrophyte ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคบนผิวหนัง ที่จะพบได้ในเจ้าเหมียวอายุน้อย ป่วยหรือมีโรคประจำตัว และอายุมากทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เชื้อราพวกนี้จึงจู่โจมได้ง่าย 

 

อาการของโรค เชื้อราแมว

อาการของโรคสังเกตุง่าย ๆ บริเวณผิวหนังของแมวจะแห้ง มีผื่นแดง ผิวหนังลอกเป็นขุย เป็นวง ๆ และมีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ โดยแมวจะมีอาการคันร่วมด้วย หากทาสไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติดังกล่าว แล้วไปสัมผัส กอด อุ้ม ลูบ หอมเจ้าเหมียว ทาสอย่างเราก็มีโอกาสที่จะติดโรคเชื้อราแมวได้เช่นกัน.

 

เชื้อราแมว

 

เชื้อราแมว ติดสู่คนได้

โดยอาการของคนที่ติดเชื้อราแมว จะมีผื่นแดงขึ้นเป็นวง ตามบริเวณที่ได้สัมผัสกับแมว เช่น มือ แขน ใบหน้า เป็นต้น โดยมักจะมีอาการคันร่วมด้วย หากมีอาการในลักษณะนี้ ทาสแมวควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา โดยการรักษามีทั้งการใช้ยาทาและยากินฆ่าเชื้อรา

 

การรักษา และป้องกันเชื้อราแมว

ส่วนเจ้าเหมียวที่ป่วยด้วยโรคเชื้อราแมว ทาสควรรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว และต้องป้องกันไม่ให้เจ้าเหมียวป่วยอีก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • พาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อราแมว และตรวจสุขภาพเป็นประจำ
  • อาบน้ำให้เจ้าเหมียวอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ด้วยแชมพูที่ช่วยฆ่าเชื้อรา และเป่าขนให้แห้งสนิททุกครั้ง
  • ทำความสะอาดบริเวณที่แมวอยู่ให้สะอาด ไม่อับชื้น โดยคุณสามารถฆ่าสปอร์ของเชื้อราแมวที่หลุดร่วง ซึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ด้วยสารฟอกขาวละลายน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 10
  • ทาสต้องไม่คลุกคลีกับเจ้าเหมียวมากเกินไป และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสน้อง

 

และท้ายที่สุด เสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากภายใน เพื่อภูมิต้านทานร่างกายที่แข็งแรงให้เจ้าเหมียวที่คุณรักห่างไกลจากโรคเชื้อราแมว ด้วย Buzz Advanced Nutrition สูตรบำรุงเส้นขนและผิวหนัง อาหารแมวที่ประกอบด้วยวิตามิน และสารอาหารจำเป็นครบถ้วน พร้อมเสริมด้วยคอลลาเจน ที่ช่วยให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพผิวหนังที่ดี และขนที่เงางาม

 

น้องหมาซึม ไม่ดีแน่ มาหาสาเหตุกัน

หมาซึม ไม่เล่น ไม่สนุกสนานเหมือนเก่า ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณต้องหันมาสนใจ เจอแบบนี้ไม่ดีแน่ มาหาสาเหตุกัน

 

น้องหมาซึม เจ้าของอย่างเราย่อมรู้ดีว่าเขามีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างไร อาการซึมลงของสุนัข ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าน้องหมาของคุณกำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาเสียเท่าไร อาการซึมของสุนัขเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อาการที่แสดงจะไม่เฉพาะเจาะจงจนเราจึงไม่สามารถระบุสาเหตุของโรค หรือความผิดปกตินี้ได้อย่างชัดเจน จำเป็นต้องพึ่งการซักประวัติ และตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดจากสัตวแพทย์เพิ่มเติม 

 

หมาซึม เกิดจากอะไร? 

น้องหมาซึม ไม่กินข้าว ไม่เล่นสนุกเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เจ้าของอย่างเราสามารถสังเกตสุนัขในเบื้องต้นได้จาก 4 สาเหตุที่เจอบ่อย ดังนี้ 

 

หมาซึมจากสภาพร่างกาย : เป็นสาเหตุที่เจอบ่อยที่สุดโดยเฉพาะในสุนัขอายุมาก ร่างกายเริ่มโรยรา ปวดเมื่อยเนื้อตัวตลอด ทำให้อยากนอนอย่างเดียว ไม่อยากเล่น ไม่อยากขยับตัวไปไหน หรือพบเจอบ่อยในน้องหมาที่กำลังมีอาการป่วย ไม่สบายตัว มีไข้ เจ็บปวดตามร่างกาย 

หมาซึม

ภาวะความผูกพันมากเกินไป : น้องหมาบางตัวมีอาการซึมลง เบื่ออาหาร เกิดจากภาวะความผูกพันกับเจ้าของ สมาชิกในฝูง หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ที่เลี้ยงมาด้วยกันมากเกินไป ทำให้เมื่อต้องแยกจากกัน หรือต้องห่างกันหลายวัน น้องหมาจะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ตั้งแต่กระวนกระวาย ส่งเสียงร้อง เห่า หอน ขับถ่ายไม่เป็นที่ เริ่มวิตกกังวลจนทำลายข้าวของภายในบ้าน ทำท่าขุดดิน เลียตัวเองมากขึ้น ไปจนถึงอาการซึม ไม่ร่าเริง นอนมากขึ้น และไม่กินอาหารจนกว่าจะได้เจอกับเจ้าของ ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้ถือเป็นภาวะวิตกกังวลจากการถูกแยก (Separation Anxiety) เป็นภาวะที่เราสามารถฝึกให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ลำพังได้ เพื่อป้องกันภาวะวิตกกังกลจากการถูกแยกซ้ำสอง  

 

จากอุปนิสัยส่วนตัว : สุนัขบางตัวมีอุปนิสัยเฉพาะตัวจริง ๆ ไม่ขี้เล่น ชอบนอน หรือน้องหมาบางตัวเคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ทำให้กลายเป็นสุนัขขี้กลัว ขี้ระแวง เพราะไม่ไว้ใจใคร ไม่กล้าเข้าใกล้คน หรือแม้กระทั่งสุนัขที่เคยถูกทิ้งมา จะมีอาการซึม เบื่ออาหาร ไม่กินข้าว จำเป็นต้องใช้ความรัก ความเอาใจใส่จากเจ้าของใหม่เข้าดูแล 

 

สภาพแวดล้อมเปลี่ยน : บางทีการย้ายบ้าน ย้ายสถานที่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาซึมได้เหมือนกัน หรือในต่างประเทศที่มีอากาศ มีฤดูกาลเปลี่ยนแปลงชัดเจน ก็อาจจะส่งผลต่อการซึมลงของสุนัขได้เช่นกัน อาทิ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว น้องหมาจะนอนเยอะขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศทำให้รู้สึกว่าร่างกายมีพลังงานลดลง 

 

         หากน้องหมาซึม มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปให้เจ้าของเฝ้าสังเกตอาการให้ครบ 24 ชั่วโมง เช็กว่าน้องมีอาการอย่างไรบ้าง อึถ่ายหรือไม่ กินอาหารได้ตามปกติหรือเปล่า หากครบ 24 ชั่วโมงแล้ว น้องหมาไม่มีทีท่าว่าจะหายซึมให้รีบพาน้องพบสัตวแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของอาการต่อไป 

 

         เพราะน้องหมาในบ้าน ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเรา ที่เข้ามาสร้างสีสัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนในบ้านมีความสุขได้ ในเวลาที่เขาเจ็บป่วย เราเองก็ต้องมีหน้าที่ดูแล รักษาเขาให้ดีที่สุด พร้อมกันการดูแลสุขภาพ ดูแลโภชนาการเขาให้ดีที่สุด ด้วยอาหารสุนัข Buzz Healty Life สูตรเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับน้องหมาที่คุณรัก ผลิตภัณฑ์เป็นสูตร Limited Ingredients ผลิตจากเนื้อแกะแท้ บำรุงกระดูก ข้อต่อ สำหรับสุนัขผิวแพ้ง่าย และสำหรับลูกสุนัข

อยากรับ แมวจร มาเลี้ยง ต้องเริ่มดูแลอย่างไร

การรับ แมวจร เข้ามาเป็นอีกหนึ่งสมาชิกคนสำคัญในบ้าน ต้องเริ่มดูแลเขาอย่างไร? วันนี้มีวิธีมาฝากค่ะ 

ถือเป็นน่ายินดีที่ได้ยินที่ไรก็ปลื้มใจทุกครั้ง เพราะน้องแมวจร 1 ตัวจะได้มีเจ้าของ จะได้รับการดูแล ได้รับความรัก กินอิ่ม นอนหลับได้เหมือนกับแมวบ้านตัวอื่น ๆ แต่เพราะแมวจรที่เราเจอ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าที่มาที่ไปของเขาเป็นอย่างไร พ่อแม่แมวเป็นใคร ร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่ เคยโดนทำร้าย มีบาดแผล หรือติดโรคอะไรมาหรือเปล่า รวมไปถึงการปรับตัวต่าง ๆ ที่ต้องทำให้น้องแมวชินกับคนมากขึ้น ลดความระแวง ความหวาดกลัวที่ติดมากับนิสัยแมวจรลง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่เจ้าของทั้งมือเก่า มือใหม่ในการเลี้ยงแมว จำเป็นต้องให้ความสำคัญ แต่ไม่ได้ยากเกินใจทาสแมวอย่างแน่นอน 

 

อยากรับแมวจรมาเลี้ยง ต้องเริ่มดูแลอย่างไร 

การเปลี่ยนแมวจรให้กลายมาเป็นแมวบ้าน มีความแตกต่างในช่วงเริ่มต้น ที่ทาสแมวต้องใส่ใจในสุขภาพกายและสุขภาพใจของน้องมากเป็นพิเศษ เพื่อให้น้องแมวสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เข้ากับคนในบ้านมากที่สุด สิ่งที่ควรทำเบื้องต้นมีดังนี้ 

แมวจร

ต้องแน่ใจว่าน้องแมวจรไม่ติดโรคอะไรมา : แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาก็ต้องพเนจรไปทั่วจนเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าน้องเป็นแมวที่หลุดมา หลงมา หรือเป็นแมวจรตั้งแต่เกิด เคยได้รับวัคซีนไหม? รับครบหรือเปล่า เคยได้เข้ารับการเจาะเลือดเพื่อตรวจโรคหรือไม่ เบื้องต้นจึงควรพาแมวจรไปเจาะเลือดตรวจโรค ตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิ และเริ่มฉีดวัคซีนพื้นฐานกับสัตวแพทย์ การตรวจโรคให้แน่ใจก่อนนอกจากจะทำให้คุณสามารถรักษาเขาได้อย่างทันทีหากมีปัญหาแล้ว ยังช่วยป้องกันโรค ไม่ให้ติดแมวตัวอื่น ๆ ที่เลี้ยงอยู่แล้วในบ้านได้อีกด้วย 

กระชับพื้นที่น้องแมวก่อน : ในช่วงที่พึ่งรับน้องเข้ามาเลี้ยงใหม่ ๆ แนะนำให้กักบริเวณน้องในช่วง 3 – 5 วันแรกก่อน ในห้องหรือกรงที่กักบริเวณควรมีน้ำ อาหาร กระบะทรายให้พร้อม ระหว่างที่กักบริเวณอย่าลืมสังเกตอาการต่าง ๆ ของน้องแมวเพิ่มเติมด้วย เช่น กินอาหาร ขับถ่ายตามปกติไหม ถ่ายเป็นอย่างไร มีน้ำมูกหรือขี้ตาแฉะหรือไม่ หลังจากครบ 3 – 5 วัน คอยปล่อยให้น้องเริ่มสำรวจบ้านในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม การที่จะให้เขาปรับตัวให้คุ้นชินต้องใช้เวลาค่ะ 

ปรับพฤติกรรมแมว : หากเป็นแมวเด็ก เจ้าทาสอาจจะต้องสอนวิธีการใช้กระบะทรายเขาซะหน่อย หากน้องมีทีท่าว่ากำลังจะเบ่งขับถ่ายให้อุ้มเขาลงกระบะทรายทันที ทำเรื่อย ๆ 2 – 3 ครั้ง น้องแมวก็จะเรียนรู้ได้เองอัตโนมัติ ส่วนทาสแมวคนไหนที่รับน้องแมวจรที่เริ่มโตแล้วมาเลี้ยง ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เจ้าพวกนี้ส่วนใหญ่รู้ได้ด้วยตัวเอง 

นอกจากนี้ในช่วงแรกเริ่มที่เอาแมวจรเข้าบ้านมา อย่าพึ่งจับน้องอาบน้ำโดยเด็ดขาด ปล่อยให้เขาได้ปรับตัวกับสถานที่ และคุ้นชินกับคุณเสียก่อนค่ะ  แต่หากใครอดใจไม่ไหวในความสกปรกของน้องแมว อาจจะใช้กระดาษทิชชูเปียก หรือโฟมอาบน้ำแบบแห้งเช็ดตัวก่อนก็ได้ 

 

ดูแลสุขภาพน้องแมวต่อด้วยอาหารดี ๆ 

ปัญหาของน้องแมวจร รองมาจากเรื่องการตรวจหาโรค นั้นก็คือเรื่องของโภชนาการ ร่างกายผอมแห้งเพราะขาดสารอาหารเนี่ยละ วิธีแก้ไขนอกจากการเข้ารักษากับสัตวแพทย์ (ในกรณีขาดสารอาหารอย่างหนัก) การดูแลอาหารการกิน ปรับสมดุลให้สุขภาพของเขากลับมาสมบูรณ์แข็งแรงให้ได้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องสำคัญ แนะนำให้เลือกอาหารแมวที่มีการคิดค้นสำหรับสุขภาพของน้องแมวโดยเฉพาะอย่างอาหารเเมวบัซซ์ Advance Nutrition อาหารแมวสูตรคิดค้นพิเศษ ใช้สารอาหารและวิตามินเฉพาะ ตอบโจทย์สำหรับสุขภาพน้องแมวมากที่สุด มีให้เลือกหลายสูตรตามความต้องการ ตั้งแต่สูตรแมวผอม ต้องการเพิ่มน้ำหนัก สูตรสำหรับลูกแมวและแม่แมวท้อง สูตรเน้นบำรุงผิวหนัง ขนโดยเฉพาะ รวมไปถึงสูตรลดกลิ่นมูลของแมว สำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน เลือกให้เหมาะกับปัญหาที่น้องแมวจรตัวใหม่ของคุณกำลังเจอ 

 

การรับแมวจรเข้ามาเลี้ยง มีเพียงความแตกต่างในช่วงแรกเท่านั้น หากน้องได้รับการตรวจเลือด เช็กสุขภาพเป็นที่เรียบร้อย บวกกับแมวเริ่มคุ้นชินกับคุณและสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เพียงเท่านี้การเลี้ยงเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมคุณจะรัก จะหลงเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นน้องแมวแล้ว ดีกรีความขี้อ่อนไม่แพ้ใครแน่นอน

บาร์ฟ ดีต่อสุนัขของคุณอย่างไร

บาร์ฟ คืออะไร ? ใครรู้บ้าง ก่อนให้บาร์ฟแก่สุนัขของคุณ เรามาทำความรู้จักกับอาหารประเภทนี้อย่างถ่องแท้กันก่อนดีกว่า

 

บาร์ฟ คืออะไร ?

บาร์ฟ ( BARF ) มาจากคำว่า Biological Appropriate Raw Foods ที่หมายถึงอาหารสดแบบดิบนั่นเอง ซึ่งเคยเป็นพฤติกรรมการกินแบบเดิมของสุนัขในอดีต ก่อนที่จะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา สุนัขเคยเป็นนักล่า และกินอาหารดิบมาก่อน โดยบาร์ฟในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงเนื้อ หรือกระดูกสดเท่านั้น แต่ยังหมายรวม ผัก ผลไม้ ธัญพืชสดด้วย

บาร์ฟ

เคยมีผู้ทดลองให้สุนัขกินบาร์ฟติดต่อกัน ผลปรากฎว่า สุนัขมีสุขภาพดี และแข็งแรงขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ และผิวหนังก็ลดลง เห็นอย่างนี้หลายคนคงเริ่มอยากให้สุนัขกินบาร์ฟกันแล้วใช่ไหมล่ะ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า ข้อดีของการกินบาร์ฟมีอะไรบ้าง

 

สุนัขกินบาร์ฟ ดีอย่างไร ?

  • สุนัขจะได้รับสารอาหารเต็มที่
  • เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง
  • ผิวหนังสุขภาพดี ลดปัญหาโรคผิวหนัง และอาการแพ้ต่าง ๆ
  • ขนเงางาม ไม่หลุดร่วงง่าย และลดกลิ่นตัว
  • ฟันสะอาด เหงือกแข็งแรง และลดปัญหากลิ่นปาก
  • ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ระบบย่อยอาหาร และขับถ่ายดี ทำให้ปริมาณและกลิ่นของอุจจาระน้อยลง
  • ไม่มีวัตถุกันเสีย สีสังเคราะห์ และสารปรุงแต่ง
  • เสริมภูมิต้านทานให้สุนัข ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไขข้อ โรคมะเร็ง เป็นต้น

บาร์ฟที่ดีต้องสดใหม่

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การให้บาร์ฟแก่สุนัขก็มีความเสี่ยงไม่ใช่น้อย เนื่องจากของสดมีความเสี่ยงที่จะมีสารปนเปื้อน เชื้อโรค และพยาธิ ทางที่ดีคุณจะต้องเลือกของสดใหม่วันต่อวันให้แก่สุนัข และถ่ายพยาธิสุนัขเป็นประจำทุกเดือน นอกจากอันตรายจากเชื้อโรคแล้ว การให้บาร์ฟยังมีข้อเสียอีก คือ ราคาค่อนข้างสูง มีความยุ่งยากในขั้นตอนการเตรียมอาหาร เก็บรักษาได้ไม่นาน และสุนัขมีความเสี่ยงต่อภาวะการขาดสารอาหาร เกิดการอักเสบของกระเพาะ และลำไส้ รวมทั้งเกิดภาวะท้องผูกได้ง่าย หากให้บาร์ฟในสัดส่วนที่ไม่สมดุล

 

วิธีให้บาร์ฟแก่สุนัข

ปริมาณบาร์ฟที่ให้แก่สุนัข ขึ้นอยู่กับขนาดและสารพันธ์ุ โดยในช่วงแรกของการให้บาร์ฟ ควรให้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อให้สุนัขปรับตัวราว 7 วัน หลังจากนั้นค่อยเพิ่มปริมาณ หากต้องการให้สุนัขกินผัก ก็สามารถบดผักผสมลงไปในเนื้อสัตว์ด้วยก็ได้

การกินบาร์ฟให้ได้สารอาหารครบถ้วน เราควรจัดตารางอาหารใน 1 สัปดาห์ ให้สุนัข โดยให้อาหารประเภทเนื้อ 5 วัน อาหารปราศจากเนื้อ 1 วัน และงดอาหาร 1 วัน ( ยกเว้นในกรณีที่เป็นลูกหมา )

 

บาร์ฟ จึงเป็นอาหารทางเลือกที่ช่วยให้สุนัขของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ หากใครยังไม่แน่ใจว่าเจ้าตูบของคุณกินบาร์ฟได้หรือไม่ ก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้ แต่ถ้ายังไม่อยากให้บาร์ฟแก่สุนัข เราก็มีอีกหนึ่งทางเลือกที่อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ไม่แพ้กัน นั่นคือ Buzz Netura High – Quality Meat / Grain Free อาหารสุนัขที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์คุณภาพพรีเมียม พร้อมผัก ผลไม้ ที่อุดมด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ย่อยง่าย ช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงขนให้เงางาม ลดความเสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้อาหาร รวมทั้งลดปริมาณ และกลิ่นอุจจาระสุนัข ไม่แต่งสี กลิ่น รส และไม่มีสารกันบูด รับรองได้ว่า เจ้าตูบจะมีสุขภาพแข็งแรงได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน

 

ฉีดวัคซีนแมว สิ่งสำคัญที่ทาสแมวต้องทำ

ฉีดวัคซีนแมว เป็นเรื่องสำคัญที่ทาสแมวละเลยไม่ได้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพที่ดี อยู่เป็นเพื่อนกันไปนาน ๆ

 

การฉีดวัคซีนแมว สำคัญอย่างไร

ฉีดวัคซีนแมว เป็นเหมือนการฉีดเชื้อโรคที่อ่อนแรงเข้าไป เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคนั้น ๆ ซึ่งมักเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก หรือรักษาไม่ได้ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคไข้หัดแมว โรคลำไส้อักเสบในแมว เป็นต้น การฉีดวัคซีนแมวจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยปกป้องเจ้าเหมียวจากโรคต่าง ๆ โดยวัคซีนแมวแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

 

ฉีดวัคซีนแมว ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง ? 

1.ฉีดวัคซีนแมวต้องฉีดวัคซีนหลัก

แมวทุกตัวต้องฉีดวัคซีนหลัก เพื่อป้องกันโรคเหล่านี้ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง

  • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
  • วัคซีนเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัส – 1 
  • วัคซีนเชื้อแคลิซิไวรัสแมว
  • วัคซีนเชื้อไวรัสไข้หัดแมว

2.ฉีดวัคซีนแมวอาจต้องฉีดวัคซีนทางเลือก

แมวบางตัวอาจต้องฉีดวัคซีนทางเลือก ในกรณีที่แมวมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ และอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

  • วัคซีนไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว
  • วัคซีนลิวคีเมียไวรัส ( บางแหล่งจัดเป็นวัคซีนหลัก )
  • Chlamydia felis 
  • Bordetella bronchiseptica

3.ฉีดวัคซีนแมวก็มีวัคซีนที่ไม่แนะนำให้ฉีดด้วย

ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่มีผลข้างเคียงรุนแรง หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคไม่ชัดเจน

ดังนั้น การฉีดวัคซีนแมวทุกครั้ง ทางที่ดีควรอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียว เพราะสัตวแพทย์จะสามารถประเมินความเสี่ยง ช่วงวัยที่เหมาะสม ชนิดของวัคซีน และกำหนดโปรแกรมการฉีดวัคซีนของแมวแต่ละตัวได้ดีที่สุด

ฉีดวัคซีนแมว ต้องฉีดเมื่อไหร่

ทาสแมวมือใหม่หลายคนคงมีคำถามว่า แล้วต้องพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ? วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว

วัคซีนแมว

ในช่วงแรกเกิด ลูกแมวจะได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่ แต่หลังจากหย่านม ภูมิคุ้มกันจากแม่จะค่อย ๆ ลดลง ลูกแมวจึงต้องได้รับวัคซีน ดังนั้น ในการฉีดวัคซีนครั้งแรก ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนหลัก แมวจะต้องมีอายุประมาณ 7 – 9 สัปดาห์ หรือราว 2 เดือน จึงสามารถพามาฉีดได้ และควรฉีดครั้งที่ 2 ใน 3 – 5 สัปดาห์หลังจากนั้น 

  • ฉีดวัคซีนแมวอายุ 8 สัปดาห์ ( วัคซีนเข็มแรก ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ 1 – 2 ครั้ง )

ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัด หวัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และลิ้นอักเสบ

  • ฉีดวัคซีนแมวอายุ 11 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัด หวัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และลิ้นอักเสบ

  • ฉีดวัคซีนแมวอายุ 14 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัด หวัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และลิ้นอักเสบ

  • ฉีดวัคซีนแมวอายุ 17 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า (ครั้งที่ 1 )

  • ฉีดวัคซีนแมวอายุ 20 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า (ครั้งที่ 2 )

ในทุก ๆ 1 ปี แมวจะต้องได้รับการฉีดกระตุ้นวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ไข้หัด หวัดแมว โรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และลิ้นอักเสบ ทั้งนี้ โปรแกรมการฉีดวัคซีนแมวจะปรับเปลี่ยนตามดุลพินิจของสัตวแพทย์

 

การฉีดวัคซีนแมว จึงเป็น 1 วิธี ในการดูแลสุขภาพของเจ้าเหมียวให้ปลอดภัย ห่างไกลโรค แมวทุกตัวจึงต้องได้รับการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี แต่นอกจากการได้รับวัคซีนแล้ว การดูแลสุขภาพของเจ้าเหมียวด้วยการเลือกอาหารแมวคุณภาพดี ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ทาสแมวจึงต้องเลือกสรรอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนให้เจ้าเหมียว อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารแมวที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็น มีโซเดียมต่ำ ไม่มีสีสังเคราะห์ และสารกันบูด เพื่อสุขภาพที่ดีของแมวที่คุณรัก 

 

ดูแลแมวท้อง ให้สุขภาพดี ต้องทำอย่างไร

ดูแลแมวท้อง ทาสอย่างเราต้องทำอย่างไร เมื่อเจ้าเหมียวของคุณอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และกำลังติดสัด ซึ่งในช่วงเวลา 4 – 6 วัน มีความเสี่ยงอย่างมากที่เจ้าเหมียวจะตั้งท้อง

 

เมื่อต้องดูแลแมวท้อง

สัญญาณที่บ่งบอกถึงการตั้งท้องของเจ้าเหมียว คือ กินและนอนบ่อยขึ้น หัวนมขยายตัว อาจมีน้ำนมไหลออกมา อีกทั้งช่วงท้องจะกลมและมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเจ้าเหมียวมีลักษณะเช่นนี้ ทาสก็เตรียมตัวอุ้มหลานได้เลย

โดยในการดูแลแมวท้องนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทาสต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งท้องของแมวเสียก่อน ซึ่งแมวจะใช้เวลาในการตั้งท้องประมาณ 65 วัน โดยเฉลี่ย หรือราว 9 สัปดาห์ ในช่วงเวลาตั้งท้องของแมวจะเป็น 3 ช่วง โดยใน 2 ช่วงแรก แมวจะมุ่งเน้นเพิ่มไขมันเพื่อลูกแมวในท้อง และช่วงสุดท้าย จะเป็นช่วงที่น้ำหนักแม่แมวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโตของลูกแมว

ดูแลแมวท้อง

เริ่มต้นดูแลแมวท้อง

 

  • ดูแลแมวท้อง ต้องพาไปพบสัตวแพทย์

เมื่อพบสัญญาณแห่งการตั้งท้อง ควรพาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกาย และยืนยันการตั้งท้อง หากตั้งท้องทาสจะต้องพาเจ้าเหมียวมาพบสัตวแพทย์เป็นประจำตามนัด

 

  • ดุแลแมวท้อง ต้องเน้นเรื่องอาหาร

แมวท้องต้องการพลังงานสูง เพื่อการเจริญเติบโตของลูกแมวในท้อง และการผลิตน้ำนม เราจึงต้องเลือกอาหารสำหรับแมวท้องหรืออาหารลูกแมวโดยเฉพาะ เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะมีสารอาหารจำเป็นสำหรับแม่และลูกแมวครบถ้วน อีกทั้งยังเคี้ยวและย่อยง่ายด้วย โดยในช่วงตั้งท้องควรให้อาหารแมวในปริมาณเพิ่มขึ้น 20 – 25 % จากปริมาณเดิมที่เคยให้

 

  • ดูแลแมวท้อง อย่าลืมควบคุมน้ำหนัก 

การชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำ และควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม จะช่วยแก้ปัญหาแมวน้ำหนักเกินในช่วงตั้งท้องได้ เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดลูกได้ โดยน้ำหนักแม่แมวขณะตั้งท้องไม่ควรเพิ่มเกิน 40 % ของน้ำหนักตัวเดิม

 

  • ดูแลแมวท้อง ต้องเตรียมพร้อมเมื่อแมวจะคลอดลูก

จัดสถานที่ภายในบ้านให้เหมาะสม เพื่อให้แมวเลือกคลอดในพื้นที่ที่ปลอดภัย เช่น เตรียมกล่อง พร้อมผ้ารอง ตั้งไว้บริเวณที่สะอาด ไม่มีคนรบกวน และอบอุ่น พร้อมเตรียมอาหาร และน้ำไว้ใกล้ ๆ บริเวณนั้นด้วย แต่ถ้าใครกลัวจะเกิดปัญหาระหว่างคลอดหากให้แมวคลอดเองตามธรรมชาติ เราก็แนะนำให้พาเจ้าเหมียวมาคลอดในความดูแลของสัตวแพทย์ โดยควรพามาพบสัตวแพทย์ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ ก่อนคลอด เพื่อการคลอดที่ปลอดภัย

 

จะเห็นได้ว่า การดูแลแมวท้องไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ทาสอย่างเราจะต้องใส่ใจเรื่องที่อยู่อาศัย น้ำหนักตัว และอาหารการกินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเลือกให้อาหารสำหรับแม่แมวตั้งท้องโดยเฉพาะ อย่าง Buzz Advanced Nutrition สูตรลูกแมว และ แม่เเมวตั้งท้อง ถือเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของลูกแมว และ บำรุงแม่แมวให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนในช่วงตั้งท้องและให้นมลูก ได้ในเวลาเดียวกัน

สุนัขกินกระดูก ภัยเงียบที่ฆ่าชีวิตได้

สุนัขกินกระดูก ได้หรือไม่ นี่คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คนที่พึ่งเลี้ยงสุนัข วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กัน

 

อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อ สุนัขกินกระดูก

ปัญหามักเกิดขึ้นจากสิ่งที่เรารับรู้จนเคยชิน ที่ว่า เจ้าตูบกินกระดูก เจ้าเหมียวกินปลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด เนื่องจากในอดีต สุนัขที่ล่าเหยื่อก็ไม่ได้กินเพียงแค่เนื้อและอวัยวะต่าง ๆ เท่านั้น กระดูกก็เป็นอีก 1 ส่วน ที่เป็นอาหารชั้นยอดของสุนัข แต่ในปัจจุบัน เมื่อมีการรักษาพยาบาลสัตว์ เราก็พบว่า สุนัขกินกระดูกถือเป็oเรื่องอันตรายมิใช่น้อย โดยเฉพาะกระดูกต้มสุก ที่มักแตกหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในร่างกาย ส่วนกระดูกดิบ แม้จะอันตรายน้อยกว่าและมีประโยชน์ไม่ใช่ย่อย แต่ก็เสี่ยงต่อเชื้อโรคและการติดพยาธิ

อันตรายที่เกิดขึ้นจากสุนัขกินกระดูก สามารถจำแนกตามขนาดกระดูกได้ 2 กรณี ดังนี้

  • สุนัขกินกระดูกชิ้นใหญ่

กระดูกหมูหรือวัวที่มีขนาดใหญ่ เช่น ท่อนขา สุนัขจะไม่สามารถกินเข้าไปได้ จึงต้องใช้การแทะไปเรื่อย ๆ โดยกระดูกลักษณะเช่นนี้ ยิ่งสุกจะยิ่งแข็ง ซึ่งอันตรายต่อฟันเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจเป็นเหตุให้ฟันบิ่นหรือหักจนไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้

  • สุนัขกินกระดูกชิ้นเล็ก

กระดูกไก่ มักเป็นหนึ่งตัวเลือกที่จะกลายเป็นอาหารของสุนัข ซึ่งกระดูกเล็ก ๆ แบบนี้จะแตกหักเป็นชิ้น มีปลายแหลม ก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะในทางเดินอาหารของสุนัข ไม่ว่าจะเป็น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และสำไส้ เพราะกระดูกเล็กแหลมจะทิ่มแทง และอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการอาเจียน อาจมีท้องเสียร่วมด้วย มีเลือดออกทางช่องทวารหนัก หายใจลำบาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียได้ ดังนั้น หากสุนัขมีความเสี่ยง หรือเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

หมากินกระดูก

สรุปแล้วสุนัขกินกระดูกได้หรือไม่ ?

แม้การกินกระดูกจะสร้างผลกระทบต่อร่างกายของเจ้าตูบในระยะยาว แต่สุนัขก็สามารถกินกระดูกได้ เพียงแค่เจ้าของต้องเลือกสรร และไม่ให้กระดูกบ่อยเกินไป โดยให้เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ที่ไม่เล็กจนกลืนได้ทันที ติดเนื้อ นิ่ม เคี้ยวง่าย สดใหม่ ไม่สุกเต็มที่ แต่ต้องผ่านความร้อนเพื่อฆ่าพยาธิและเชื้อโรค การให้กระดูกจะทำให้เจ้าตูบได้บริหารฟัน กระดูกจะช่วยขัดฟันและเหงือกให้สะอาดไปในตัว

 

สุนัขกินกระดูกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ดูเหมือนว่าข้อเสียที่เกิดขึ้นจะรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทางที่ดี เจ้าของอย่างเราควรหลีกเลี่ยงที่จะให้กระดูกสุนัขกินน่าจะดีที่สุด แล้วเปลี่ยนมาให้ Buzz Balance Nutrition อาหารสุนัขคุณภาพสูง ที่มีให้เลือกหลายรสชาติ ควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่มีสีสังเคราะห์ อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ แคลเซียม และฟอสฟอรัส เพราะฉะนั้น ถึงไม่กินกระดูก สุนัขของคุณก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วนอย่างแน่นอน

รวม อาหารอันตรายต่อแมว ที่เจ้าทาสควรรู้

อาหารอันตรายต่อแมว เรื่องใหญ่ที่เจ้าทาสอย่างเราต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ดี เพราะอาหารบางอย่าง หรือแม้กระทั่งวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ บางประเภทที่เรามองว่าส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ อาจจะไม่ได้เป็นผลดีกับร่างกายของน้องแมว ซ้ำร้ายกว่านั้นอาจจะกลายเป็นโทษรุนแรงถึงขั้นชีวิตเลยก็มี ซึ่งคุณเองก็คงไม่ได้อยากเป็นคนหยิบยื่นยาพิษเหล่านี้ให้น้องแน่ ๆ ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจ “อาหารอันตรายต่อแมว” กันค่ะ ว่ามีสิ่งไหนที่แมวเหมียวกินไม่ได้ เข้าขั้นอันตราย หรือสิ่งไหนที่กินได้แต่ควรหลีกเลี่ยงบ้าง พร้อมทั้งเจาะลึกว่าอาหารต้องห้ามแต่ละอย่าง ให้โทษส่งผลต่อร่างกายน้องแมวอย่างไร มาดูกัน 

ห้ามเด็ดขาด อาหารอันตรายต่อแมว 

เพราะร่างกายของน้องแมว โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ มีความแตกต่างกับมนุษย์และสัตว์ประเภทอื่น บางอย่างที่เป็นประโยชน์กับเรา อาจจะส่งผลร้ายกับน้องแมวถึงขั้นเสียชีวิต สำหรับอาหารอันตรายต่อแมวที่ห้ามอย่างเด็ดขาด จะมีดังนี้ 

อาหารอันตรายต่อแมว

ช็อกโกแลต : เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กับน้องหมาเท่านั้น แต่น้องแมวเหมียวก็ด้วย สำหรับช็อกโกแลตของหวานสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่กลายเป็นสิ่งต้องห้ามจนเปรียบเสมือนยาพิษของเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ภายในช็อกโกแลตมีสาร “Theobromine” สารอันตรายที่ส่งผลต่อการโดยตรงต่อระบบหายใจ หากแมวได้รับจะมีอาการหายใจถี่ผิดปกติ คลื่นไส้ กระสับกระส่าย หรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ช็อกโกแลตไม่กี่มิลลิกรัม สามารถทำให้น้องกลับดาวแมวได้เลย และยิ่งหากเป็นตัวดาร์กช็อกโกแลตด้วยแล้ว ความเข้มข้มของสาร Theobromine มีสูงมาก เท่ากับเพิ่มความอันตรายอีกเท่าตัว 

มะเขือเทศ : สงสัยกันแน่ ๆ ว่ามะเขือเทศเนี่ยนะหรอ? ส่งผลร้ายกับน้องแมว บอกเลยว่าส่งผลมากกว่าที่คิดค่ะ ภายในมะเขือเทศจะมีสารอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า “กลีโคอัลคาลอยด์ โซลานีน” หากแมวได้รับเข้าไปแล้วจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสช็อก และเสียชีวิตได้ทันที อันตรายมาก 

อาหารอันตรายต่อแมว เลี่ยงได้ต้องเลี่ยง 

สำหรับอาหารบางชนิดอาจไม่ได้เป็นอันตรายต่อน้องแมวรุนแรงถึงขั้นชีวิตแบบเฉียบพลัน แต่ถ้าไม่หลีกเลี่ยง หรือระวังเป็นพิเศษละก็ ส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตของน้องอย่างแน่นอน่นกัน สำหรับอาหารอันตรายต่อแมวที่ควรเลี่ยง มีดังนี้ 

อาหารปรุงของคน : อาหารที่ผ่านการปรุงแบบที่คนกิน โดยเฉพาะอาหารประเภททอดจะนำพาน้องไปสู่การเป็นโรคมะเร็ง โรคไต ในอนาคตได้ง่ายกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะร่างกายของแมวไม่มีระบบขับถ่าย หรือตัวช่วยคัดกรองสารก่อมะเร็งได้เท่ากับคน พอร่างกายต้องทำงานอย่างหนักเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้บ่อย ๆ เข้าก็จะเสื่อมไปตามสภาพ 

ปลาดิบ ไข่ดิบ : การให้น้องแมวกินอาหารดิบเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดวิตามิน B, B1 ซึ่งส่งผลต่อปัญหาผิวหนัง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษจากแบคทีเรีย น้องแมวบางรายอาจถึงขั้นช็อกหมดสติ และเสียชีวิตได้ในที่สุด 

ยีสต์ : เมนูที่มีส่วนผสมของยีสต์โดยเฉพาะขนมปังต่าง ๆ อาจทำให้แมวเกิดอาการปวดท้อง ภูมิแพ้ อาจเป็นสาเหตุของอาการผิวหนังอักเสบได้ 

ตับ : สำหรับเรา “ตับ” อาจจะเป็นเมนูที่มีประโยชน์ในด้านธาตุเหล็กมาก แต่สำหรับแมวแล้วกลับให้โทษมากกว่า เพราะจะส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินเอในร่างกายของน้องแมว ทำให้เกิดกระดูกเปราะ และยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของมดลูกอีกด้วย

ลูกเกด องุ่น : เจ้าผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยวของโปรดของใครหลาย ๆ คนเนี่ยละ ถือเป็นยาพิษแบบผ่อนส่งให้นอนแมวกลับไปวิ่งเล่นดาวแมวอย่างสงบมานักต่อนักแล้ว สารบางอย่างในองุ่นจะทำให้แมวเหมียวเกิดอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง ยิ่งหากได้รับในปริมาณมาก ๆ หรือมีแพ้อาหารประเภทนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เพราะเรื่องของอาหาร คุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ เจ้าของอย่างเราคือผู้หยิบยื่นให้เขาเต็ม ๆ น้องแมวจะสุขภาพดี ได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน หรือป่วยง่าย สุขภาพไม่แข็งแรง จะเป็นอย่างไรส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจธรรมชาติของแมว ให้ความรัก ความเอาใจใส่ เรียนรู้ว่าอะไรที่เป็นอาหารอันตรายต่อแมวแล้ว เรื่องโภชนาการจากอาหารที่ต้องครบถ้วน อยู่ในปริมาณเหมาะสม แม่นยำตามที่แมวสุขภาพดีซักตัวจะต้องมี ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มอบความรักให้เขาผ่านอาหารแมวที่เข้าใจแมวมากที่สุดอย่าง Buzz Pet Food ผ่านการวิจัย คัดสรรวัตถุดิบที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับสุขภาพร่างกาย ทั้งภายในและภายนอกมากที่สุด เพื่อให้เขาคงความสดใส ร่าเริง เล่นสนุกอยู่กับคุณได้ในทุก ๆ วัน 

มารู้จักกับ อาหารโฮลิสติก อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับน้องหมาตัวโปรด

อาหารโฮลิสติก เป็นอาหารสัตว์อีกหนึ่งเกรดที่กำลังเป็นที่รู้จักในหมู่แวดวงของคนรักสัตว์ โดยเฉพาะเจ้าทาสคนไหนที่อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ของตัวเอง อาหารโฮลิสติกถือเป็นอาหารเกรดสูงอันดับต้น ๆ ของประเภทอาหารสัตว์ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยงโดยตรง ทั้งในแง่ระบบภายในร่างกาย ความแข็งแรง พลังงานที่ได้รับ ผิวหนังขนสวย การขับถ่าย ส่งผลแม้กระทั่งกลิ่นของมูล แต่เพราะอะไร? อาหารประเภทนี้ถึงมีความแตกต่างจากอาหารสุนัขปกติทั่วไป วันนี้ Buzz pet มีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

อาหารโฮลิสติก คืออะไร? 

อาหารโฮลิสติก เป็นอาหารสัตว์ที่โดดเด่นในเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบมาก โดยจะเน้นไปที่การใช้ของที่มาจากธรรมชาติแท้และสารอินทรีย์ ใช้เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้หลากหลายประเภท ส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะวัตถุดิบแบบ Human Grade หรือวัตถุดิบเกรดเดียวกับคน ไม่มีการใช้เศษเนื้อ เศษอาหาร ไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ทางเคมี สารถนอมอาหาร สารกันบูดกันเสีย เติมสี หรือแต่งกลิ่นแต่อย่างใด นอกจากนี้ อาหารโฮลิสติกยังมีการคำนวณคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน แม่นยำ และมีความเฉพาะเจาะจงสูง อาหารสัตว์ประเภทนี้จึงมีแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลาย ๆ สูตร ที่มีให้เห็นบ่อยจะแบ่งในเรื่องของขนาดตัว พันธุ์ เป็นต้น 

โดยคำว่า “โฮลิสติก” มีความหมายว่า “องค์รวม” อาหารประเภทนี้จึงมีหัวใจสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ แบบองค์รวม ตั้งแต่ระบบภายในร่างกาย อาหารย่อยง่าย ลดปัญหาสัตว์เลี้ยงแพ้อาหาร ดูแลเรื่องความแข็งแรง ทำให้เขาได้รับพลังงานที่เพียงพอ พร้อมเล่นสนุกได้ในแต่ละวัน ดูผิวหนังขนให้สวยเงางาม ระบบขับถ่ายอยู่ในเกณฑ์ดี อึถ่ายเป็นก้อน ละเอียดไปจนถึงเรื่องของกลิ่นจากมูลน้องหมา ที่จะไม่ส่งกลิ่นแรงเหมือนอาหารเกรดอื่นเลยทีเดียว 

อาหารโฮลิสติก

สุขภาพสุนัขที่กินอาหารโฮลิสติก

เพราะความใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบ กรรมวิธีในการผลิตเพื่อให้ได้อาหารโฮลิสสิกที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติแท้อย่างครบถ้วนนั้นเอง จึงทำให้อาหารประเภทนี้สามารถดูแลสุขภาพน้องหมาได้ทั้งองค์รวม ดูแลทุกระบบ ตอบสนองต่อเนื่องกันไปอย่างเป็นระเบียบ ยิ่งหากให้น้องหมากินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เราจะยิ่งสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงสุขภาพดีของเขา ซึ่งข้อดีที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพมีดังนี้ 

  • สามารถใช้เพิ่มน้ำหนักให้สุนัขที่ขาดสารอาหาร หรือช่วยลดน้ำหนักสุนัขที่อ้วนจนเกินไปได้ 
  • เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ย่อยง่าย มีมวลขนาดเล็ก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย ไม่มีปัญหาการย่อยอาหารผิดปกติ ไม่ทำให้น้องหมามีอาการแพ้อาหาร โดยเฉพาะอาการแพ้โปรตีน หรือแพ้ธัญพืช 
  • ปรับสุขภาพผิวหนังให้ดี ขนสวยเงางาม 
  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่เป็นโรคง่าย ๆ
  • ส่งเสริมในเรื่องระบบย่อยอาหาร ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบที่มีกากใยสูง มีเอมไซน์ช่วยย่อยต่าง ๆ ลดกลิ่นของมูลของน้องหมาได้อีกด้วย 
  • ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวเป็นอย่างมาก เพราะภายในร่างกายของน้องหมาที่มีสารตกค้างจากเคมีที่ติดมากับอาหารสุนัข 

 

การที่เจ้าตูบของคุณจะมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ ปัจจัยสำคัญคือเรื่องของอาหารค่ะ การเลือกอาหารโฮลิสติกอย่าง BUZZ Netura สูตรเนื้อปลาแซลมอลจากประเทศเบลเยี่ยม อัดแน่นไปด้วยโภชนาการจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ดีที่สุด ใช้เฉพาะ High Quality Meat, Grain Free ไม่ใส่เกลือ ปราศจากธัญพืช ไม่มีการเเต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด ถือเป็นทางเลือกสำคัญที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน หากมองไปถึงสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจของสุนัขในระยะยาว

แมวร้องตอนกลางคืน ปัญหากวนใจที่คุณแก้ได้

แมวร้องตอนกลางคืน ปัญหาโลกแตกของคนเลี้ยงแมวที่ทำเอาเวลานอนพักผ่อนของคุณต้องหายหด ตื่นเช้ามาแบบไม่สดใสยังไม่พอ ต้องเสี่ยงต่อการโดนเสียงด่าตามหลังจากคนข้างบ้านในยามดึกอีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่คุณต้องรู้จัก เข้าใจกับธรรมชาติของน้องแมวให้มากขึ้นก่อน เพื่อให้เราสามารถแก้ปัญหาความงอแงของน้องแมวที่ไม่ยอมหลับยอมนอนในตอนกลางคืนได้อย่างตรงจุดมากที่สุด 

 

แมวร้องตอนกลางคืน เกิดจากอะไร? 

ก่อนอื่นมาเข้าใจธรรมชาติของน้องแมวก่อน แมวเป็นสัตว์ที่มีเลือดนักล่าและเป็นทั้งผู้ถูกล่าอยู่ด้วยกัน นิสัยโดยปกติจะชอบนอนในเวลากลางวัน ใช้เวลานาน 16 – 20 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว แต่จะตื่นออกหากินในเวลากลางคืน หากไม่มีการฝึกน้อง เขาก็จะส่งเสียงร้องกวนคุณในช่วงกลางคืนตามสัญชาติของเขานั้นแหละ 

แต่การที่แมวร้องตอนกลางคืน ไม่ได้เป็นเพียงสัญชาติญาณ อยากร้องก็ร้องเพียงอย่างเดียวนะ แต่ในทุกเวลาที่เขาร้องล้วนมีสาเหตุ เช่น แมวหิวในช่วงเวลากลางคืน พลังงานเหลือล้นอยากเล่นกับเจ้าของ น้องแมวเข้าใกล้ช่วงเวลาติดสัด หรือมีปัญหาสุขภาพ เป็นต้น 

 

แก้ปัญหาอย่างไร? เมื่อแมวร้องตอนกลางคืน

หลังจากที่คุณสังเกตน้องแมวในเบื้องต้นไปแล้วว่าการที่แมวร้องตอนกลางคืนเกิดขึ้นจากอะไร เป็นที่สัญชาติญาณความงอแงของเขาเอง ไม่ได้เกิดจากอาการติดสัด หรือปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด ก็ต้องมาแก้ไข ปรับ Timezone เวลาชีวิตของน้องแมวให้เหมาะกับเราแทน 

เล่นกับแมว – เพิ่มกิจกรรมช่วงกลางวันให้มากขึ้น : วิธีที่จะให้แมวเข้านอนพร้อมเราได้อย่างแรกคือให้เขาใช้พลังงานเยอะ ๆ ในช่วงเวลากลางวันและเย็น คุณอาจจะเพิ่มกิจกรรมให้น้องแมวได้ตื่นตัว เล่นสนุกในเวลากลางวัน หรือเล่นกับแมวให้เขาได้ออกแรงในช่วงเย็น หลังจากที่เขาใช้พลังเยอะ ๆ ก็จะเหนื่อยและเข้านอนพร้อมคุณในเวลากลางคืนเอง ถือเป็นการลดปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนไปได้อีกทาง 

แมวร้องตอนกลางคืน

เพิ่มสมาชิกอีกตัว : ไม่ใช่วิธีที่จะแนะนำทุกคน การจะแก้ปัญหาด้วยข้อนี้ต้องดูก่อนว่ามีความพร้อมหรือเปล่า อยากเลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือไม่ มีความพร้อมในด้านกำลังทรัพย์ พื้นที่ และเวลาในการเลี้ยงมากแค่ไหนก่อน ซึ่งการมีน้องแมวอยู่เป็นเพื่อนกันในช่วงเวลากลางคืนเข้าจะเล่นสนุกกันเองมากกว่าที่จะร้องเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ 

ให้อาหารแมวก่อนเวลาเข้านอน : หากแมวตัวแสบของคุณร้องตอนกลางคืนทุกครั้งเพราะหิว ให้ลองปรับเวลาให้อาหารของเขาอีกซักนิด แบ่งมาให้ในช่วงหัวค่ำ หรือก่อนเข้านอนซักนิด เพื่อให้เขาอิ่มท้อง ไม่ต้องเป็นแมวร้องตอนกลางคืนกวนทั้งคุณและคนรอบข้าง โดยคุณอาจจะเลือกอาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอย่าง Buzz Advanced Nutrition สูตรสำหรับแมวโตเต็มวัยเลี้ยงในบ้าน ส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อสัตว์จากสัตว์ปีก ปลา แหล่งโปรตีนสำคัญ พร้อมทั้งอุดมไปด้วย Omega 3 และ 6 ฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ช่วยย่อยอาหาร มี L-Carnitine ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรงรวมถึงช่วยระบบการเผาผลาญไขมันให้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง ปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีสารสกัด Yucca schidigera ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่เข้ามาช่วยลดกลิ่นอุจจาระของแมวโดยเฉพาะ 

 

เพียงเท่านี้ทาสแมวทั้งหลายก็สามารถแก้ปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องขังกรง กักบริเวณซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ มีแต่จะทำให้น้องแมวร้องหนักขึ้น ก้าวร้าวมากขึ้้นด้วย แต่ในกรณีที่น้องแมวยังร้องเรียกคุณอยู่ ไม่ว่าจะเพราะหิวกลางดึกหรือชวนเล่นอีกก็ตาม เราอยากให้เจ้าทาสทั้งหลายใจแข็งเข้าไว้ เพื่อให้เขาได้รู้เวลา ไม่นิสัยเสียจากความเข้าใจผิด ๆ ว่าการร้องเสียงดัง หรือกระโดดขึ้นมาปลุกคุณจะทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่อย่างงั้นเวลานอนอันแสนสงบสุขของคุณจะไม่มีอีกต่อไปอย่างแน่นอน 

ดูแลแมวแก่ ทาสอย่างเราต้องทำอย่างไร

ดูแลแมวแก่ เพื่อนรักที่อยู่กับเรามานาน ให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทาสแมวต้องเอาใจใส่ ไม่ปล่อยปละละเลยเท่านั้นเอง

 

แมวอายุกี่ปี ถึงเรียกว่าดูแลแมวแก่

ดูแลแมวแก่ ก็เหมือนการดูแลผู้สูงอายุย่อมมีความแตกต่างจากการดูแลในช่วงแรก ๆ ที่นำเขามาเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะอายุที่มากขึ้นจึงมักจะนำพาหลายปัญหาตามมาด้วย  แมวแก่จึงเป็นช่วงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม และการใส่ใจในเรื่องสุขภาพ แล้วเจ้าเหมียวของคุณอยู่ในวัยสูงอายุหรือยัง ? เราสามารถรู้ได้ จากการแบ่งช่วงวัยของแมว สามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้  

  • ช่วงโตเต็มวัย 7 – 10 ปี
  • ช่วงสูงวัย 11 – 14 ปี
  • ช่วงวัยชรา 15 ปีขึ้นไป โดยแมวอายุ 10 ปี จะเท่ากับคนอายุ 56 ปี 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวเข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว คือ การดมกลิ่น รับรส และการได้ยินของเขาจะลดประสิทธิภาพลง มีปัญหาช่องปากและฟันมากขึ้น เช่น ฟันหลอ ฟันสึก ข้อต่อมีความยืดหยุ่นน้อยลงจึงมักเกิดปัญหาในยามที่ต้องเคลื่อนไหว เดินกะเพลก ปัญหาผิวหนังและขน ขนซีดลง หยาบกระด้าง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง หรือแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น นอนเยอะ ไม่เล่น ไม่เลียขน ซึ่งแมวแต่ละตัวจะแสดงสัญญาณแห่งความสูงวัยไม่เหมือนกัน 

 

ดูแลแมวแก่

ดูแลแมวแก่ ต้องทำอย่างไร

  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

เมื่อแมวเข้าสูงช่วงสูงวัยตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากตรวจพบโรคต่าง ๆ จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยโรคส่วนใหญ่ที่พบจะเกิดจากความเสื่อมสภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น

  • โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคที่เกี่ยวกับฮอร์โมน โดยอาการที่แสดงออก คือ แมวจะกินน้ำมาก ปัสสาวะมาก กินอาหารเยอะแต่น้ำหนักลด
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้เจ็บเวลาเคลื่อนไหว แมวจึงทำกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำน้อยลง เช่น การเที่ยวนอกบ้าน การเล่นสนุก เป็นต้น
  • โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตหรือรับฮอร์โมนไทร์ออกซินมากเกินไป อาการที่บ่งบอก คือ ขนเริ่มหยาบกระด่าง  แมวกินอาหารปกติ หรือมากกว่าปกติแต่น้ำหนักลด กินน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย
  • โรคปริทันต์ ปัญหาฟันและเหงือกที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการกินอาหารทำให้น้ำหนักลด น้ำลายยืด ปากปิดไม่สนิท ปากมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • โรคไต เกิดจากภาวะไตเสื่อมหรือได้รับบาดเจ็บ โดยโรคนี้มักแสดงอาการไม่ชัดเจน คือ กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ น้ำหนักลด โลหิตจาง มีแผลในปาก ซึ่งลักษณะอาการคล้ายกับโรคอื่น ๆ ที่กล่าวมา
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด อาการที่มักสังเกตได้คือ แมวจะไม่เล่น เซื่องซึม เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก น้ำหนักลด 
  • โรคมะเร็ง มีสาเหตุและอาการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่พบเซลล์มะเร็ง

เพราะโรคเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เราจึงห้ามลืมที่จะพาเจ้าเหมียวไปตรวจเช็กสุขภาพอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากพบอาการที่บ่งบอกโรคใดโรคหนึ่ง ต้องรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์ทันที ทั้งนี้ ถ้าเจ้าเหมียวมีประวัติเคยรักษาโรคหรือมีความเสี่ยง ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพทุก ๆ 6 เดือน จะดีที่สุด

 

  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปออกกำลังกาย

อย่าปล่อยให้เจ้าเหมียวอายุมากอยู่นิ่งนาน ๆ ทาสแมวควรกระตุ้นให้น้องเล่นเบา ๆ อย่างน้อยวันละ 15 – 30 นาที อาจใช้ของเล่นที่น้องชอบเป็นตัวล่อ เพื่อให้น้องได้ขยับร่างกาย ซึ่งเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน

 

  • ความสะอาด สิ่งสำคัญของการดูแลแมวแก่

แมวอายุมากมักเลียขนตัวเองลำบาก ทาสแมวจึงต้องดูแลแมวแก่โดยการช่วยแปรงขนให้น้องเป็นประจำ เพื่อกำจัดขนร่วงและขนที่พันกัน จะทำให้แมวมีสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้การทำความสะอาดบริเวณใบหน้าก็สำคัญ ส่วนใกล้ดวงตาอาจมีขี้ตาและคราบน้ำตา ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดอย่างเบามือ นอกจากนี้อย่าลืมตัดเล็บให้น้องด้วย เพราะเมื่อแมวแก่ตัวลง เขาจะไม่สามารถจัดการกับเล็บคม ๆ ได้เหมือนตอนยังวัยรุ่นอยู่

  • สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สำหรับดูแลแมวแก่

ทาสแมวจะต้องทำความสะอาดที่อยู่ของเจ้าเหมียวเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการติดปรสิต คอยจัดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายให้เข้าถึงง่าย และควรเพิ่มให้อยู่ทุกชั้นของบ้านที่แมวชอบไปอยู่ เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายและความเครียด นอกจากนี้ อย่าลืมเปลี่ยนและทำความสะอาดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายเป็นประจำ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

 

  • ดูแลแมวแก่ เรื่องอาหารสำคัญมาก

แมวแก่มักเบื่ออาหารง่ายทำให้น้ำหนักลด และอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ เพื่อลดการเกิดปัญหาดังกล่าว ทาสแมวจึงจำเป็นต้องให้อาหารแมวการออกแบบทั้งกลิ่น รสชาติ มีให้เลือกเยอะ ไม่จำเจ เพื่อแก้ปัญหาแมวเบื่ออาหารโดยเฉพาะ พร้อมกันกับมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ตัวอาหารต้องไม่แข็งหรือใหญ่จนเคี้ยวยาก เพื่อให้แมวกินอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเลือกอาหารที่ดีจะช่วยให้สุขภาพโดยรวมของแมวดีขึ้นตามไปด้วย เพราะสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดี ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่แมวกินเข้าไป 

 

สุดท้าย อาหารก็เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการดูแลแมวแก่ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เลือกอาหารแมวคุณภาพดี อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารแมวเพื่อแมวทุกสายพันธ์ุ ไม่แต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็น มีให้เลือกหลากหลายรส ช่วยลดปัญหาเบื่ออาหารได้อย่างแน่นอน การดูแลแมวแก่ เป็นเรื่องความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของ เราต้องดูแลให้น้องมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ทอดทิ้ง อยู่กับเขาไปจนถึงวาระสุดท้าย ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวอาจไม่ได้น่ารัก หรือขี้เล่นเหมือนก่อน แต่เขาก็ยังคงเป็นเจ้าแมวเหมียวลูกรักตัวเดิมของคุณไม่เปลี่ยนแปลง  

 

ภูมิแพ้ในสุนัข เรื่องใหญ่ที่ทาสหมาควรใส่ใจ

ภูมิแพ้ในสุนัข เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับสุนัขของคุณ โดยพบได้ราว 10 – 15 % ของประชากรสุนัขที่มักมีอายุไม่เกิน 3 ปี

 

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากอะไร ?

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือ การตอบสนองที่ไวผิดปกติของปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น อาหาร ตัวไร แมลง ฝุ่น เป็นต้น ซึ่งสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ก็จะคล้าย ๆ กับคน 

ไม่นานมานี้ มีงานวิจัยพบว่า สุนัขบางสายพันธ์มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าสายพันธ์ุอื่น ได้แก่ พันธุ์ West Highland White Terrier, Golden Retriever, Lhasa Apso, Bichon Frise, Shih Tzu และ French Bull Dog แม้โรคนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความรำคาญให้เจ้าตูบได้ไม่น้อย ด้วยอาการของโรคที่พบได้บ่อย คือ มีผื่นแดง รู้สึกคัน เกาจนทำให้เกิดแผล มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง และหู หน้าบวม อาจมีการอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย 

 

ภูมิแพ้ในสุนัข

โรคภูมิแพ้ในสุนัข ที่พบได้บ่อย

  • โรคภูมิแพ้ในสุนัข ชนิดสัมผัส เกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีบางอย่าง เช่น แชมพู จนทำให้เกิดภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังแดง มีอาการคัน และเกา เกิดแผลเป็นสะเก็ดแห้ง
  • แอโทปิ โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่เกิดจากการสูดดมละอองเชื้อรา ฝุ่น เกสรดอกไม้ เป็นต้น สังเกตได้หากสุนัขเกิดอาการแพ้ ผิวหนังบริเวณปากจะเปลี่ยนเป็นสีแดง 
  • โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากน้ำลายหมัด เป็นประเภทที่พบได้บ่อยโดยสุนัขจะมีอาการคันอย่างรุนแรงจนดูผิดปกติ อาจเกาจนเกิดแผลได้
  • โรคภูมิแพ้อาหาร สุนัขบางตัวไวต่อสารบางอย่างที่อยู่ในอาหารจนทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ เช่น ธัญพืช ฮีสตามีนในโปรตีนบางประเภท ผักโขม และมะเชือเทศ เป็นต้น ซึ่งจะมีอาการเกี่ยวกับผิวหนัง อาจมีอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย

รักษาและป้องกัน โรคภูมิแพ้ในสุนัข

เมื่อสุนัขมีอาการคล้ายโรคภูมิแพ้ ทางที่ดีควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทดสอบภาวะภูมิแพ้ ว่ามีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรบ้าง จะได้รักษาและป้องกันได้ถูกวิธี โดยวิธีป้องกันง่าย ๆ ที่เจ้าของเจ้าตูบสามารถทำได้ มีดังนี้

  • ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดปรสิต ไม่ว่าจะเป็น เห็บ หมัด ตัวไร พยาธิชนิดต่าง ๆ 
  • อาบน้ำให้สุนัข อย่างน้อย 1 – 2 ครั้ง / เดือน ด้วยแชมพูหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว และหมั่นตรวจเช็กสภาพผิวของสุนัขว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีตุ่มหนอง ผื่นแดง ขนร่วง เป็นต้น เพื่อทำการรักษาก่อนที่จะบานปลาย
  • เลือกอาหารที่ดี เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากอาหาร โดยอาหารสุนัขต้องอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ กรดโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 อย่าง Buzz Netura อาหารสุนัขคุณภาพพรีเมียม ที่มีแหล่งโปรตีนจากธรรมชาติเน้นวัตถุดิบประเภทปลา ปราศจากธัญพืช ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้อาหาร

 

แม้โรคภูมิแพ้ในสุนัขจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่เจ้าของอย่างเราก็มองข้ามไม่ได้ ต้องช่วยดูแลและปกป้องเจ้าตูบจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เพื่อลดโอกาสที่อาการจะกำเริบ ทำให้เข้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่เจ็บป่วยให้ได้มากที่สุด

 

หมาอ้วน ไม่ใช่เรื่องดี มาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ

หมาอ้วน เล่นด้วยกี่ทีก็ดูนุ่มนิ่มน่ารักดีอยู่หรอก แต่หารู้ไม่ว่าการขุนให้น้องหมาอ้วนพลีอยู่แบบนี้ ก็ไม่ต่างกับการผลักน้องหมาที่เรารักให้เข้าใกล้โรคร้ายเร็วขึ้น เสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วย และความไม่คล่องตัวที่จะตามมาในอนาคตด้วยตัวคุณเอง รู้แบบนี้แล้วมาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ 

 

เกิดอะไรขึ้น? ถ้าปล่อยให้น้องหมาอ้วน 

หมาอ้วน แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายในอนาคตไม่ต่างจากคนหรือสัตว์ประเภทอื่น โรคอ้วนในสุนัขเป็นภาวะที่น้องหมามีไขมันสะสมในร่างกายมากกว่า 30% ตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำหนักของสุนัขในแต่ละพันธุ์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้องอ้วนส่วนใหญ่จะมาจากการที่สุนัขกินอาหารมากเกินความต้องการในแต่ละวัน เมื่อพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายมีมากเกินความจำเป็นหากเทียบกับพลังงานที่เสียไปในแต่ละวัน จึงทำให้เกิดไขมันสะสมและกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด 

นอกจากนี้ น้องหมาอ้วนยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างกรรมพันธุ์ ช่วงวัย เพศ การทำหมัน ยาปฎิชีวนะที่สุนัขได้รับ หรือรวมไปจนถึงโรคภัยบางอย่างที่น้องหมากำลังเจอได้อีกด้วย แต่ไม่ว่าการที่น้องหมาอ้วนจะมาจากสาเหตุใด แต่หากปล่อยไว้เรื่องของปัญหาสุขภาพต้องตามมามากมายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคไขข้อ – กระดูก โรคเนื้องอก โรคเบาหวาน โรคระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) อายุสั้นลง รวมไปถึงมีความเสี่ยงในการผ่าตัดมากกว่าสุนัขทั่วไป 

 

มาลดน้ำหนักให้หมาอ้วนกันเถอะ 

ถึงจะเป็นการลดน้ำหนักของน้องหมา แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้องกลับมาสมส่วนได้ขึ้นอยู่กับคุณเจ้าของล้วน ๆ ตั้งแต่การควบคุมปริมาณของอาหารสุนัข อย่าใจอ่อนเด็ดขาดเวลาน้องหมามาอ้อนขอขนมหรืออาหารเพิ่ม ปริมาณอาหารที่ให้ควรสัมพันธ์กับระดับพลังงานที่น้องหมาต้องการในแต่ละวัน ควบคู่กับความเหมาะสมในด้านอายุ และสายพันธุ์ของเขา การให้อาหารแนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 – 4 มื้อใน 1 วัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังทำให้ลดอาหารหิวของน้องหมา ดีกว่าการให้อาหารเพียงวันละ 1 มื้ออย่างแน่นอน 

หมาอ้วน

หลังจากการคำนวณปริมาณอาหารและเวลาในการกินของน้องหมาแล้ว ต่อมาก็ต้องเป็นการออกกำลังกายเนี่ยแหละ ลองพาเขาไปวิ่ง ไปเล่นกิจกรรมที่ใช้พลังงานใช้แรงบ้าง สำหรับน้องหมาตัวไหนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลยคุณอาจจะเริ่มจากการพาสุนัขมาจูงเดินบ้าง 15 – 20 นาที สำหรับน้องหมาอ้วนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์มาก ๆ ไม่ควรให้วิ่งหรือเล่นกิจกรรมที่ต้องกระโดดก่อนในระยะแรก เพราะอาจเป็นอันตรายต่อขา ข้อเข่าของสุนัข 

 

สุดท้าย ลองเปลี่ยนอาหารสุนัข เปลี่ยนในที่นี้คือการเปลี่ยนอาหารให้เน้นไปที่วัตถุดิบ ต้องตอบโจทย์ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักน้องหมาอ้วนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถให้พลังงาน และโภชนาการได้อย่างครบถ้วนเทียบเท่าอาหารสูตรปกติ แนะนำ Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขสูตรโฮลิสติก เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพสูง ใช้แหล่งโปรตีนประเภทปลาเป็นหลัก มีส่วนผสมของเคยแอนตาร์กติกา ผักผลไม้ครบทั่ว ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช ช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักให้น้องหมาอ้วน ลดปริมาณ ลดกลิ่นของอุจจาระ ลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ที่มาจากการแพ้อาหารของน้องหมาอีกด้วย 

 

เคล็บลับเลี้ยง แมวขนยาว ให้ขนสวย

เลี้ยงแมวขนยาว ให้ขนสวยไม่ใช่เรื่องยาก ใครเป็นทาสแมวมือใหม่ เรามีเคล็ดไม่ลับจะมาบอก เพื่อให้เจ้าเหมียวของคุณ มีขนสวย สุขภาพดี น่ากอด

เลี้ยงแมวขนยาว สิ่งสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษก็คือ ขน หากขนยาวนุ่มฟู แต่ขาดการดูแลก็ย่อมทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ขนพันกันเป็นก้อน ปัญหาขนร่วง โรคผิวหนัง เป็นต้น ด้วยเหตุเหล่านี้ทาสแมวจึงต้องใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ถึงเป็นทาสแมวมือใหม่ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน

แมวขนยาว

เลี้ยงแมวขนยาว ต้องดูแลขนอย่างไร

1.เลี้ยงแมวขนยาว ต้องเลือกผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ให้เหมาะสม

  • เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงขนที่ได้มาตรฐาน รับรองความปลอดภัย เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ แต่ทั้งนี้หากไม่มั่นใจ ก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้
  • หวีแปรงขนแมว สิ่งสำคัญในการเลี้ยงแมวขนยาว หวีแปรงจะมีให้เลือกหลัก ๆ 2 แบบ คือ แปรงหมุด ซี่หวีจะค่อนข้างห่าง เน้นช่วยเรื่องกำจัดขนที่ร่วงออกจากลำตัว และแปรงขนลวด ซี่จะถี่ มีหน้าที่ช่วยสางขนที่พันกันให้หลุดออก

2.อาบน้ำและแปรงขน สิ่งที่ห้ามลืม

  • การอาบน้ำแมวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก สามารถช่วยกำจัดเห็บหมัดได้อีกทาง แต่อย่าอาบบ่อยเกินไป เพราะมันจะกลายเป็นการทำร้ายผิวหนังและขนของแมวแทน โดยเราแนะนำให้อาบ 1 – 2 ครั้ง / เดือน
  • อย่าลืมทำความสะอาดใบหน้า รอบดวงตาที่อาจมีคราบน้ำตาและขี้ตา แนะนำให้ใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ชุบน้ำสะอาดเช็ดอย่างเบามือ 
  • ถ้าขนแมวยาวเกินไป ควรพาไปตัดแต่งขนให้เรียบร้อย 
  • เลี้ยงแมวขนยาว จะต้องแปรงขนให้น้องอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อกำจัดขนที่พันกันและขนร่วงให้หลุดออก อีกทั้งยังช่วยเช็กเห็บหมัดที่อาจซ่อนอยู่ได้ด้วย โดยเริ่มแปรงขนจากขนใต้ท้อง ลำตัว ต้นคอ หลังใบหู หน้าอก หางและก้นตามลำดับ 

3.เลี้ยงแมวขนยาว ต้องเลือกอาหารดี ๆ 

ทาสแมวจะต้องเลือกอาหารแมวที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและเส้นขน อีกทั้งต้องมีกากใยอาหารสูง เพื่อช่วยขับก้อนขนที่อยู่ในทางเดินอาหาร ไม่ให้เกิดการอุดตัน เจ้าเหมียวก็จะมีสุขภาพขนที่ดีขึ้นพร้อมกับการมีร่างกายที่แข็งแรง ซึ่ง Buzz Advanced Nutrition – Hair & Skin เป็นอาหารแมวสูตรเฉพาะสำหรับบำรุงเส้นขนและผิวหนัง อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 6 จากน้ำมันรำข้าว และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาแซลมอน พร้อมเพิ่มคอลลาเจน เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เงางาม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าเหมียวที่คุณรัก

เคล็ดไม่ลับเหล่านี้ จะช่วยให้การเลี้ยงแมวขนยาวไม่ใช่เรื่องยาก และรับรองได้ว่าขนเจ้าเหมียวของคุณจะต้องสุขภาพดี ยาวสวย และนุ่มฟูอย่างแน่นอน

 

 

สุนัขกับปัญหา เห็บ หมัด ที่ควรรู้

เห็บหมัด ตัวจิ๋วที่ร้ายไม่ใช่เล่น นอกจากจะทำให้เจ้าตูบคันคะเยอแล้ว มันยังนำพามาซึ่งโรคร้ายที่อาจเป็นภัยถึงชีวิตสุนัขของคุณ ดังนั้นเจ้าของอย่างเราจึงต้องหาทางป้องกันให้ถูกวิธี

เห็บหมัด มาจากไหน ?

เห็บหมัด ผู้ร้ายสองตัวจิ๋วนี้มาอยู่บนตัวสุนัขได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ เริ่มที่ หมัด นักวิ่งและนักกระโดดมือทอง ที่มักอาศัยอยู่บนตัวสุนัขโดยการกระโดดจากพื้นดิน พื้นหญ้า หรือสุนัขตัวอื่น แล้วมาผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานอยู่บนตัวสุนัขของคุณ ส่วน เห็บ ตัวอ้วนกลม มีวงจรชีวิตแบ่งเป็น 4 ช่วง โดยตัวเมียจะวางไข่จำนวนมากถึง 2,000 – 4,000 ใบ / ครั้ง ตามมุมอับต่าง ๆ เช่น รอยแตกของปูน พื้นบ้าน สนามหญ้า เป็นต้น หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน มี 6 ขา มันจะพยายามกลับมาอาศัยอยู่บนตัวสุนัขเพื่อดูดเลือด หลังจากนั้น 2 – 3 วัน มันจะลอกคราบเป็นตัวกลางวัยมี 8 ขา และดูดเลือดสุนัขต่อ เพื่อเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยแล้วสืบพันธุ์ต่อไป 

เห็บหมัดจะพบมากในช่วงเดือนเมษายน – สิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนต่อด้วยฤดูฝน มีสภาพอากาศร้อนชื้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตและขยายพันธ์ุเป็นอย่างมาก และด้วยลักษณะที่มาของเห็บหมัด จึงไม่แปลกที่สุนัขจะมีเห็บหมัดมาอาศัยอยู่บนตัวได้อย่างง่ายดาย หากเจ้าของไม่ดูแลป้องกัน

เห็บหมัด

อันตรายจาก เห็บหมัด ที่ควรรู้

เห็บหมัดที่อาศัยอยู่บนตัวสุนัข นอกจากจะสร้างความรำคาญและอาการคันให้สุนัขแล้ว สองตัวจิ๋วยังนำพาโรคร้ายมากมายมาเยือนเจ้าตูบอีกด้วย โรคที่พบเจอได่บ่อยมีดังนี้ 

  • โรคภูมิแพ้น้ำลายเห็บหมัด จะมีอาการคัน ผิวหนังแดง อักเสบ และขนร่วง มักพบบริเวณแนวสันหลัง หรือบริเวณที่เห็บหมัดอาศัยอยู่เยอะ ซึ่งโรคนี้จะนำไปสู่โรคผิวหนังอักเสบรุนแรงได้
  • โรคโลหิตจาง เพราะเห็บหมัดจำนวนมากดูดเลือดสุนัข
  • โรคพยาธิเม็ดเลือด เป็นอีกหนึ่งโรคอันตราย มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิ แต่ล้วนมีพาหะมาจากเห็บหมัดทั้งสิ้น โดยสุนัขมักมีอาการเบื่ออาหาร ไข้สูง เหงือกซีด เกล็ดเลือดต่ำ ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก เป็นต้น 
  • พาหะพยาธิ หมัดเป็นพาหะพยาธิตัวตืด ซึ่งจะมาอาศัยอยู่ที่ลำไส้ของสุนัข ทำให้อุจจาระเหลว ภาวะท้องมาน น้ำหนักลด และอาจมีอาการคันที่ก้น

รู้วิธีรับมือ เห็บหมัด ภัยร้ายตัวจิ๋ว

เห็นถึงอันตรายของเห็บหมัดอย่างนี้ คงต้องรีบหาวิธีกำจัดและป้องกันเห็บหมัดกันแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งเราก็มีวิธีรับมือปัญหานี้มานำเสนอดังนี้ 

  • การกำจัดและป้องกันเห็บหมัดมีหลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับสัตวแพทย์ ความสะดวกของเจ้าของ และปริมาณเห็บหมัดในตัวสุนัข โดยวิธีที่นิยมมีทั้งการฉีดยา ให้ยากิน หยดยาหลังคอ ปลอกคอ และการใช้สเปรย์หรือแป้งกำจัดเห็บหมัด โดยแต่ละวิธีจำเป็นต้องทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
  • หากสุนัขมีความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพื่อให้สามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • จำกัดพื้นที่ หรือทุกครั้งที่พาสุนัขออกนอกบ้าน คุณอาจจะต้องพ่นสเปรย์ป้องกัน เพื่อลดโอกาสที่เห็บหมัดจะเกาะติดตัวสุนัขมา
  • อาบน้ำสุนัขเป็นประจำ อย่างน้อย 1 – 2 ครั้ง / เดือน โดยใช้น้ำยาหรือแชมพูที่ช่วยกำจัดเห็บหมัด
  • ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นประจำ โดยใช้น้ำยาที่สามารถกำจัดเห็บหมัดได้

ด้วยวิธีเหล่านี้ เห็บหมัด ตัวจ่อยจะไม่กล้ามาเกาะเจ้าตูบของคุณอย่างแน่นอน

เห็บหมัด เป็นหนึ่งปัญหาสุขภาพที่เจ้าของต้องดูแล แต่เพื่อให้ร่างกายของสุนัขสมบูรณ์แข็งแรง การดูแลสุขภาพจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ ด้วยการเลือกอาหารสุนัขที่ดี มีสารอาหารครบถ้วน อย่าง Buzz Healthy Life ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันการเกิดโรค เพื่อให้เจ้าตูบของคุณแข็งแรง ร่าเริง พร้อมเติบโตอย่างสมวัย

 

 

มือใหม่ อยากเลี้ยงแมว ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

อยากเลี้ยงแมว แต่เป็นมือใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? การจะรับสัตว์ซักตัวมาเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน พันธุ์อะไร การเตรียมตัวทั้งในเรื่องปัจจัย 4, อุปกรณ์ในการเลี้ยงเขาล้วนเป็นสิ่งจำเป็นด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งกับเจ้าแมวเมี้ยวที่ธรรมชาติของเขา นิสัยเฉพาะตัวของเขามีความเป็นตัวเองสูง ต้องได้รับการดูแลใส่ใจจากเจ้าของมากเป็นพิเศษ ดังนั้นใครที่กำลังจะสมัครเข้าชมรมทาสแมวคนจึงจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกายใจ ทั้งอุปกรณ์ และกำลังทรัพย์ แต่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ Buzz Pets มีข้อมูล รวมไปถึงเคล็ดลับในการเตรียมตัว เลือกซื้อของมาฝาก 

 

บ้านต้องเป็น safe zone ให้น้องแมว 

เรื่องสำคัญของคนอยากเลี้ยงแมวต้องรู้ ไม่ว่าบ้านของคุณจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แต่คุณต้องมีพื้นที่ส่วนตัวให้น้องแมวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคุณต้องทำให้ที่จุดนั้นกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย อยู่แล้วอุ่นใจ มีน้ำดื่ม มีที่นอนที่เป็นส่วนตัวในน้องแมว (ในกรณีรับลูกแมวมาเลี้ยง แนะนำให้ใช้เสื้อผ้าเก่า ๆ ของเราปูลงไปบนที่นอน กลิ่นอ่อน ๆ ของเราจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย กล้าหลับได้อย่างเต็มตามากขึ้น) หากต้องการให้แมวสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ต้องกังวลเรื่องจะติดโรคจากที่ไหน ไม่หนีหาย อยู่ในสายตาเราตลอดเวลาแนะนำให้เลี้ยงแมวแบบระบบปิดตั้งแต่เริ่มนำน้องเข้ามาในบ้าน สถานที่เลี้ยงจึงควรปิด ไม่ที่ช่อง หรือเปิดโล่งให้น้องแมวออกไปหนีเที่ยวได้ 

นอกจากนี้ ขั้นตอนการย้ายน้องเข้ามาในบ้าน คุณควรเตรียมตะกร้าใส่น้องแมวให้เรียบร้อย ด้วยธรรมชาติของลูกแมวจะขี้กลัว ขี้ตกใจเป็นปกติ ดังนั้นตะกร้า – กระเป๋าที่ใช้ขนย้ายน้องทั้งตอนนำเข้าบ้าน พาไปหาสัตว์แพทย์ หรือพาไปสถานที่ใหม่ ๆ จึงควรมิดชิด ระบายอากาศ และกว้างพอที่จะให้แมวยืน หมุนตัวได้ แนะนำให้ซื้อเผื่อน้องโตไปเลย ไม่ควรเปลี่ยนปล่อย ๆ เพราะการใช้ตะกร้าเดิมจะทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยมากกว่า 

อยากเลี้ยงแมว

 

อุปกรณ์ขาดไม่ได้ สำหรับเจ้าเหมียว 

นิสัยการขับถ่ายของแมว ธรรมชาติบางอย่างของเขาเป็นสิ่งที่มือใหม่อยากเลี้ยงแมวจำเป็นต้องรู้ ต้องซัพพอร์ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เริ่มจาก 

ห้องน้ำน้องแมว : สิ่งสำคัญที่คนอยากเลี้ยงแมวต้องทำความเข้าใจ คือสัตว์ประเภทนี้รักสะอาดมาก จะถ่ายหนักถ่ายเบาเฉพาะที่เดิม ๆ เท่านั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าทาสที่จะต้องเตรียมกระบะทรายไว้ในที่ที่เงียบ สงบเอาไว้ให้น้อง เปรียบเสมือนห้องน้ำในการขับถ่าย กระบะทรายควรมีความลึกพอสมควรเผื่อไว้ให้น้องแมวขุด กระตุยทรายเพื่อกลบของเสียของตัวเอง ควรเลือกใช้ทรายแมวให้มีคุณภาพสูงเข้าไว้ เปลี่ยนบ่อย ๆ จะสามารถกลบกลิ่นอึ กลิ่นฉี่แรง ๆ ของเจ้าเหมียวได้ บ้านสะอาด ไร้กลิ่นกวนใจ ถูกสุขลักษณะแน่นอน 

เสาข่วนเล็บแมว ของเล่นเตรียมให้พร้อม : เลือดนักล่าของเจ้าแมวตัวแสบเป็นสัญชาติญาณที่ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้ (และเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี) แมวมักจะต้องลับเล็บเพื่อให้คมเอาไว้ป้องกันตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยลอกแผ่นเล็บที่ตายแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแสดงอาณาเขตผ่านการปล่อยกลิ่นระหว่างข่วนอีกด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้บ้านพัง เฟอร์นิเจอร์เละคามือเจ้าตัวแสบ ควรหาเสา – อุปกรณ์สำหรับลับเล็บแมวให้พร้อมช่วยได้แน่นอน แต่ไม่จบแค่นี้ สัญชาติญาณนักล่าของแมวยังมีผลมาถึงการเล่นของเขา โดยเฉพาะลูกแมวที่อาจจะยังยั้งแรงไม่เป็น เปิด/ปิดเล็บตัวเองไม่เป็นจนอาจจะทำให้เจ้าทาสทั้งหลายบาดเจ็บได้ การใช้ของเล่นให้น้องได้ตบ ได้งับแทนมือของเราจะช่วยลดการบาดเจ็บนี้ลงได้ แถมยังกระตุ้นแมวให้ได้ออกกำลังกายผ่านการเล่นสนุกกับคุณอีกด้วย 

อุปกรณ์ทำความสะอาด : มือใหม่อยากเลี้ยงแมวอาจจะยังไม่รู้ฤทธิ์เวลาเจ้าเหมียวโดนจับอาบน้ำ ถึงแม้ว่าแมวจะทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีผลถึงขนาดสามารถกำจัดกลิ่น ฝุ่น ความสะอาดได้อย่างทั่วถึง หากคุณคิดที่จะอาบน้ำให้เขาเป็นประจำ หลังจากน้องอายุครบ 2 เดือน ควรฝึกให้เขาชินกับการอาบน้ำตั้งแต่เด็ก อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ ทำความสะอาดแมวจะมีดังนี้ 

  • อ่างอาบน้ำ / กะละมังสำหรับแมว 
  • แชมพูสำหรับอาบน้ำแมว 
  • ถุงอาบน้ำแมว / เสื้อผ้าเก่า ๆ เพื่อป้องกันน้องแมวฝากรอยขีดข่วน 
  • ผ้าเช็ดตัวแมว หลังจากอาบน้ำเสร็จ 
  • ไดร์เป่า หวีแปรง 

ก่อนจะอาบน้ำให้แมวทุกครั้ง อย่าลืมดูความพร้อมของเจ้าตัวก่อน มีอาการป่วยหรือเปล่า พร้อมที่จะอาบน้ำหรือไม่ น้ำที่ใช้เย็นไปร้อนไปหรือไม่ ถ้าหากเจ้าเหมียวดื้อมากรับมือไม่ไหว การส่งต่อให้ร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า (จากประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่เขามีมากกว่าเรา) 

อาหาร คือสิ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพปัจจุบันและอนาคต 

อาหารที่น้องแมวกินอยู่ทุกวันนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะสามารถทำให้น้องมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในแง่ของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ความแข็งแรง ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย อารมณ์ สุขภาพขนผิวหนัง ดังนั้นการเลือกอาหารแมวคุณภาพสูง ผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดีแบบ Human Grade มีการคำนวณคุณค่าทางโภชนาการอย่างแม่นยำและเหมาะสมกับแมวมากที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยง จะเป็นการปูพื้นฐานสุขภาพแมวเหมียวให้แข็งแรง ร่าเริง โอกาสเจ็บป่วยน้อยมากหากเทียบกับน้องแมวที่ไม่ได้ดูแลเรื่องอาหาร เพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์มาตลอด 

 

เพื่อให้น้องแมวที่กำลังจะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านแบบเต็มตัว มีสุขภาพแข็งแรง เล่นสนุกได้สมวัย แนะนำอาหารแมวพรีเมียมจาก Buzz Pets มีหลายสูตรให้เลือกตามความเหมาะสมกับแมวแต่ละแบบ คิดค้นพิเศษสำหรับความต้องการด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ตั้งแต่สูตรปกติ สูตรน้องแมวที่มีน้ำหนักน้อยเกินมาตรฐาน สูตรเน้นการบำรุงเส้นขนผิวหนังโดยเฉพาะ สูตรสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน ลดความเสี่ยงการสะสมของเส้นขน รวมไปถึงสูตรสำหรับลูกแมวและแม่แมวที่กำลังตั้งครรภ์ ผลิตภัณฑ์ไม่มีการแต่งกลิ่น แต่งสี ผลิตโดยกรรมวิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน 

เมื่อ สุนัขแพ้โปรตีน ต้องกินอะไรทดแทน?

สุนัขแพ้โปรตีน ควรให้น้องกินอะไรทดแทน ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นกับคุณเจ้าของและน้องหมาตัวโปรดเลยก็ว่าได้ เพราะโภชนาการกลุ่มโปรตีนเป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ของสุนัขที่จะส่งผลต่อสุขภาพ ความแข็งแรง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการที่น้องหมากำลังแสดงออกคือการแพ้โปรตีน วันนี้ Buzz Pets มีข้อมูลและวิธีการแก้ไขเพื่อให้ร่างกายของน้องหมาไม่ขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนมาฝาก 

 

สุนัขแพ้โปรตีนเกิดจากอะไร? 

สุนัขแพ้โปรตีนมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ทั้งในภาวะที่น้องหมาอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง หรืออาจจะเป็นมาตั้งแต่เกิดก็ได้ ซึ่งการแพ้โปรตีนจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ 

  • การแพ้อาหาร เกิดขึ้นจากร่างกายไม่รับอาหารที่กินเข้าไป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน สุนัขจะแสดงออกจากการอาเจียน ท้องเสีย 
  • ภาวะภูมิแพ้อาหาร ปัญหานี้เป็นปฎิกิริยาจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้ร่างกายแสดงอาการต่อต้าน ที่พบมากจะเกี่ยวข้องกับผิวหนัง เช่น ผิวหนังมีผื่นแดง มีเม็ดตุ่ม น้องหมาคันบ่อยเกาบ่อย ขนร่วง หากปล่อยไว้มีโอกาสร้ายแรงถึงขั้นผิวหนังเกิดการอักเสบหนัก ผิวหนังมันเยิ้ม เกิด Hot spot มีตุ่มหนอง หรือมีกลิ่นตัวเกิดขึ้น ในบางตัวอาจจะส่งผลกับระบบทางเดินอาหาร สุนัขมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสียอยู่เป็นประจำ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือร้ายแรงที่สุดอาจมีปัญหาถึงระบบประสาท ทำให้สุนัขแสดงอาการชักออกมาได้

การเช็กน้องหมาที่บ้านในเบื้องต้นสามารถสังเกตจากผิวหนังและการขับถ่ายของเสียของเขาได้เลย ว่ามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร หากพบว่าตามร่างกายเริ่มมีตุ่ม มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง น้องหมาเกาอยู่ตลอดเวลา เริ่มกัดเนื้องับเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีรังแคเกาะอยู่ตามเส้นขนผิวหนัง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหาย ตุ่มแดงหรือแผลต่าง ๆ เริ่มเรื้อรังมากขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องเสียบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ให้สันนิธานไว้ก่อนว่า 1 ในสาเหตุของอาการเหล่านี้อาจจะเกิดจากอาหารที่กิน แต่จะเข้าข่ายเป็นภูมิแพ้อาหาร หรืออาการแพ้อาหารปกติ ต้องพาน้องไปตรวจเช็กอย่างละเอียดกับสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง 

 

สุนัขแพ้โปรตีน

 

ทางแก้ หากสุนัขแพ้โปรตีน 

ไม่ว่าน้องหมาจะเข้าข่ายแพ้โปรตีนจากอาการแพ้อาหาร หรือจากภาวะภูมิแพ้อาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีวิธีแก้เหมือนกัน คือต้องงดอาหารในส่วนที่แพ้ซะ ซึ่งอาการแพ้โปรตีนของสุนัขส่วนใหญ่จะไม่ได้แพ้ไปหมดซะเลยทีเดียว โดยปกติแล้วระบบย่อยอาหารของน้องหมาจะทำการย่อยอาหารต่าง ๆ ให้อยู่ในโมเลกุลระดับเล็กมาก เล็กจนระบบภูมิคุ้มกันเองไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ในบางกรณีที่อาหารบางส่วนถูกย่อยแบบไม่สมบูรณ์ ทำให้ยังมีโมเลกุลขนาดใหญ่พอให้ระบบภูมิคุ้มกันหาเจออยู่ บวกกับร่างกายดูดซึมเอาไปใช้งานยากขึ้นไปอีก จึงทำให้ร่างกายของสุนัขเกิดการต่อต้านตอบสนองผ่านอาการแพ้ต่าง ๆ ที่เราเห็นนั้นเอง 

“ส่วนประกอบหลัก ต้องสัมพันธ์กับโภชนาการ” เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุเกิดจากอาหาร ทาสหมาอย่างเราจำเป็นจะต้องใส่ใจในการเลือกอาหารสุนัขมากขึ้นอีกเท่าตัว หลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่ง่ายต่อการเกิดความเสี่ยงทำให้ร่างกายย่อยอาหารยาก เช่น วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว รวมถึงเครื่องในของสัตว์ทุกชนิด ไข่ไก่  นมและผลิตภัณฑ์จากนม ในกรณีที่บ้านไหนปรุงอาหารให้น้องหมาเอง จำเป็นต้องคำนวณโภชนการต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเหมาะสมกับพันธุ์ ร่างกาย อายุ ควบคู่กันกับต้องคอยระวังวัตถุดิบบางอย่างที่อาจเข้าไปกระตุ้นอาการแพ้ของน้องหมาได้ แต่สำหรับใครที่ให้อาหารสุนัขแบบเม็ดเป็นทุนเดิม แนะนำให้เปลี่ยนสูตรอาหาร โดยคุณอาจจะคัดเลือกจากส่วนผสมต่าง ๆ หรือเลือกอาหารที่เป็นเกรดโฮลิสติก ซึ่งสูตรนี้จะมีความใส่ใจ พิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบในการผลิตอาหารสุนัขมากเป็นพิเศษอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติกที่เลือกใช้สารอาหารประเภทโปรตีนจากปลาโดยเฉพาะ 45% เป็นปลาแซลมอนแอตแลนติกจับจากแหล่งธรรมชาติ พร้อมกับวัตถุดิบอื่น ๆ อย่าง ผัก ผลไม้ มันฝรั่งเทศ ถั่ว Peas ที่ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน  แร่ธาตุครบถ้วนตามที่น้องหมาควรจะได้รับ โดยปราศจากส่วนประกอบที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร สารอาหารที่ได้รับโดยเฉพาะโปรตีนจะเป็นกลุ่มที่มีโมโลกุลเล็ก ง่ายต่อการย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

เพื่อให้น้องหมาของคุณมีสุขภาพดี แข็งแรงร่าเริงได้แม้จะมีปัญหาเรื่องแพ้โปรตีน แนะนำอาหารสุนัขพรีเมียมอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน ผลิตจากประเทศเบลเยี่ยม ไม่มีส่วนผสมของไก่ สัตว์ปีก ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด ธัญพืชที่มีส่วนในการเกิดภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร อีกทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักของน้องหมาที่เกินเกณฑ์ให้กลับมามีแข็งแรง ร่างกายสมส่วนได้อีกด้วย 

 

การเลี้ยงลูกแมว สำหรับทาสแมวมือใหม่ต้องใส่ใจอะไรบ้าง

การเลี้ยงลูกแมว สำหรับทาสแมวมือใหม่แล้วนั้นต้องเตรียมข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเลี้ยงลูกแมว เพราะการเลี้ยงลูกแมวไม่ใช่เพียงแค่การเอาน้องแมวเหมียวมาอยู่กับเราเท่านั้น แต่เรายังต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ก่อนเลี้ยงตลอดจนเมื่อรับน้องมาอยู่ด้วย แล้วแบบนี้จะมีอะไรที่เราต้องใส่ใจบ้าง เริ่มจากอะไรดี มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ

 

การเลือกน้องแมว

  • เลือกพันธ์ุไหนดี ?

แมวสายพันธุ์แท้อาจมีราคาแรงตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไป หากไหวก็ลุยเลย! ทั้งนี้สิ่งสำคัญคืออย่าลืมเอกสารสำคัญที่บ่งชี้ว่าแมวของคุณเป็นแมวสายพันธุ์แท้ที่มีสุขภาพดี หรือจะลองรับลูกแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์ต่าง ๆ มาเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าเรามีใจรักมากพอ ถือเป็นการช่วยให้ลูกแมวเหมียวได้มีบ้านใหม่ที่อบอุ่นและรายล้อมไปด้วยความรักค่ะ

  • ขนยาวหรือขนสั้น ?

ขนยาว : เหมาะกับผู้ที่มีเวลาดูแลน้องแมว เพราะต้องได้รับการดูแลขนทุกวันเพื่อให้ขนดูดีและไม่พันกันยุ่งเหยิง

ขนสั้น : เหมาะกับทาสแมวมือใหม่ เพราะไม่ต้องดูแลมากเท่าพันธุ์ขนยาว เพราะเจ้าแมวน้อยสามารถดูแลและทำความสะอาดขนเองได้ง่ายกว่า

  • ตัวผู้หรือตัวเมีย ?

ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะ แต่ถ้าต้องการเลี้ยงน้องแมวสองตัวไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม ก็ควรพาไปทำหมันก่อนที่จะเจริญพันธุ์นะคะเพราะการทำหมันจะส่งผลให้น้องแมวของเรามีนิสัยคล้ายกันมากขึ้นค่ะ ทำให้เลี้ยงเขาง่ายขึ้นเยอะเลยละค่ะ

 

ทั้งนี้ควรเลือกซื้อลูกแมวจากฟาร์มที่มีประวัติน่าเชื่อถือหรือมีใบรับรอง น่าไว้ใจค่ะ หรือจะไปเลือกดูลูกแมวที่ฟาร์มเลยก็ได้ เพื่อที่จะได้ดูการจัดการ การดูแลเอาใจใส่รวมถึงความสะอาดภายในฟาร์ม เพราะจะช่วยให้เราตัดสินใจซื้อลูกแมวได้ง่ายขึ้นค่ะ

การเลี้ยงน้องแมว

ก่อนจะพาน้องแมวเข้าบ้าน ต้องทำอะไรบ้าง

  • เลือกห้องให้น้องอยู่

ควรจะจัดสรรพื้นที่ให้ชัดเจน และห้องนั้นควรมีประตูหรือมีอะไรมากั้นไม่ให้ลูกแมวออกไปเที่ยวข้างนอก ควรเลือกห้องที่น้องแมวสามารถปีนป่ายหรือขึ้นที่สูงได้ง่ายเพื่อเป็นการฝึกความแข็งแรงไปในตัวและคุ้นเคยกับบ้านใหม่ได้ไวขึ้น

  • ชามอาหารและน้ำ

วางชามอาหารและน้ำไว้ให้ห่างจากกระบะทรายให้มากที่สุด เลือกใช้ชามก้นตื้นป้องกันปัญหาหนวดติดขอบชาม

  • กระบะทราย

ลูกแมวก็เหมือนเรานี่แหละค่ะ เวลาใช้ห้องน้ำก็ต้องการความสงบ จึงควรวางกระบะทรายไว้ที่บริเวณมุมห้องตรงข้ามประตู ที่สำคัญอย่าลืมเตรียมถาดรองและที่โกยไว้ด้วยนะคะ

  • การปรับตัวของลูกแมว

เมื่อรับน้องเข้ามาอยู่บ้านใหม่ ๆ น้องแมวของเราก็จะกลายเป็นนักสำรวจทันทีแต่ก็จะขี้อายไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นช่วงแรกจะต้องเงียบกันสักเล็กน้อย และควรรอให้ลูกแมวเหมียวกล้าเข้ามาหาเราเอง มากกว่าที่เราจะเอาแต่เดินเข้าไปหาอยู่เสมอ เมื่อผ่านไปสักระค่อยพยายามทำให้ลูกแมวเหมียวคุ้นเคยกับการถูกอุ้มขึ้นมา

การเลี้ยงลูกแมว

 

การดูแลสุขภาพน้องแมว

  • การทำความสะอาดลูกแมว

สำหรับลูกแมวที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่ยังไม่ควรอาบน้ำ แต่ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้กับลูกแมวอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ส่วนการเริ่มอาบน้ำให้ลูกแมวนั้นควรเริ่มอาบได้ตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป เอาไดร์เป่าผมอุ่น ๆ เป่าขนให้แห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนชื้น หรือเป็นเชื้อราได้ค่ะ และควรฝึกตัดเล็บ เช็ดหู ไว้ด้วยจะได้ไม่ดื้อเมื่อเริ่มโตขึ้น

  • การเปลี่ยนอาหารให้ลูกแมว

ลูกแมวจะเริ่มหย่านมในช่วง 6 – 8 สัปดาห์ ในช่วงนี้ควรให้อาหารแบบเม็ดหรืออาหารเปียกสำหรับลูกแมว ในหนึ่งวันควรให้อาหาร 3-4 มื้อ และควรหมั่นเปลี่ยนน้ำให้สะอาดไว้ตลอดเวลา

  • ฝึกการขับถ่าย

หากเป็นลูกแมวที่อยู่ในช่วงป้อนนม ควรใช้สำลีชุบกับน้ำอุ่นเช็ดไปที่ก้น โดยลูกแมวจะเริ่มมีการเกร็งตัวสักพักจะเริ่มขับถ่ายออกมา และเมื่อลูกแมวเริ่มเดินได้ ควรหากระบะทรายมาวางไว้ เพื่อฝึกให้ลูกแมวขับถ่ายให้เป็นที่ตั้งแต่เด็ก ๆ

  • การฉีดวัคซีน

เมื่อลูกแมวอายุครบ 6 สัปดาห์ ควรพาไปตรวจสุขภาพและเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่ออายุครบ 2 เดือน ทั้งนี้ควรฉีดวัคซีนตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์แนะนำเพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกแมวของเรา

 

การเลี้ยงลูกแมวในช่วงแรกอาจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมาก ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือความรับผิดชอบและความเอาใจใส่ของเราที่ต้องมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกแมวที่เราเลี้ยงนั้นได้รับความรักและการดูแลอย่างอบอุ่น และเติบโตเป็นแมวที่แข็งแรง สุขภาพดีค่ะ สำหรับบทความหน้าจะมีอะไรมาแนะนำอีก ต้องอย่าลืมติดตามกันนะคะ

อาหารสุนัข Netura High-quality meat / Grain-free เลือกอย่างไรให้ถูกใจน้องหมา

อาหารสุนัข จะเลือกซื้อทั้งที ก็ต้องอยากให้อาหารเหล่านี้ถูกใจสุนัขในบ้านเป็นธรรมดา แต่จะดีกว่าไหม? หากอาหารสุนัขที่คุณเลือกให้กับเจ้าตัวแสบแสนซื่อสัตย์ของคุณสามารถทำให้เขารู้สึกอร่อยถูกใจ มีความสุขทุกครั้งที่กินอาหารไปพร้อม ๆ กันกับโภชนาการที่ครบถ้วนแม่นยำ เสริมสร้างความแข็งแรงสุขภาพที่ดีให้น้องหมาได้อย่างตอบโจทย์ วันนี้ Buzz Pets food อาหารสุนัขพรีเมียม มีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกอาหารอย่างไร ให้ถูกใจน้องหมามาฝากค่ะ

อาหารสุนัข

อาหารสุนัข Netura High-quality meat / Grain-free คืออะไร? 

อาหารสุนัข Buzz Pets food สูตร Netura High-quality meat / Grain-free เป็นอาหารสุนัขที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศเบลเยี่ยม มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เป็นเกรดโฮลิสติกที่ถูกคัดสรรอย่างดี ตั้งแต่การใช้แหล่งโปรตีนแท้จากธรรมชาติ เลือกผักผลไม้ที่เน้นวิตามินสูง อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ปราศจากธัญพืช ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องการเกิดภูมิแพ้ หรืออาการแพ้อาหารของน้องหมา ผ่านการคิดค้นเพื่อให้ได้สูตรเฉพาะที่เหมาะสมแต่ละสายพันธุ์ ขนาด มีทั้งหมด 2 สูตรด้วยกัน คือ 

  1. Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน สำหรับสุนัขโตพันธุ์เล็ก
  2. Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน สำหรับสุนัขโตพันธุ์กลาง-ใหญ่

ซึ่งจะตัดสินใจเลือกสูตรไหนแบบใดให้ที่น้องหมาที่บ้าน ก็เป็นหน้าที่ของคุณเจ้าของแล้วที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละสายพันธุ์ สัมพันธุ์กับอายุ และขนาดของสุนัขเอง เพื่อให้เขาได้รับสารอาหารและโภชนาการที่ครบถ้วน เติมเต็มสารอาหารทำให้น้องหมาสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงสมส่วนมากที่สุด

 

อาหารสุนัข

น้องหมาจะอร่อยได้โภชนาการครบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ 

ไม่ว่าจะเรื่องของกลิ่น สี ที่ทำให้สุนัขเจริญอาหาร รู้สึก Enjoy ทุกครั้งที่ได้กินอาหาร ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่ออาหาร หรือฝั่งโภชนาการภายในอาหารมีความแม่นยำคุณประโยชน์สูงถูกใจเจ้าของสุนัข มีการคำนวณมาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับพันธุ์ ขนาดของสุนัข ทั้ง 2 อย่างนี้จะเป็นอย่างไรสิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับส่วนประกอบที่ถูกคัดสรรอย่างละเอียด พิถีพิถันทุกขั้นตอน สำหรับอาหารสุนัข สูตร Netura High-quality meat / Grain-free สามารถแบ่งสัดส่วนของส่วนประกอบได้เป็น 

– ส่วนผสมจากปลาแซลมอนแอตแลนติก (จับจากธรรมชาติ) 45% 

– คาร์โบไฮเดรตจากมันฝรั่งมันเทศ และถั่ว Peas 35% 

– ผลไม้ ผัก วิตามินและแร่ธาตุ 20% 

โดยสัดส่วนของโปรตีน ไขมัน ไฟเบอร์ แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ จะถูกปรับเพิ่ม – ลดอย่างเหมาะสมให้ตรงกับโภชนาการตามสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก และสุนัขพันธุ์กลางถึงใหญ่ที่ควรได้รับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะไม่มีส่วนผสมของไก่ หรือสัตว์ปีกเป็นส่วนประกอบ ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลืองเหมือนกับอาหารสุนัขทั่วไป ช่วยลดอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นบ่อยในน้องหมา ไม่มีการแต่งกลิ่น แต่งสี แต่จะใช้กรรมวิธีในการผลิตเฉพาะจาก Buzz Pets food จึงทำให้ทั้งกลิ่นและรสชาติอยู่ครบถ้วนกระตุ้นความอยากอาหารให้น้องหมาเจริญอาหารขึ้นได้อีกหนึ่งขั้น ที่สำคัญเพราะอาหารสูตรนี้เป็นสูตรที่ผลิตจากปลา จึงช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับสุนัขที่น้ำหนักเยอะ อ้วนกลมเกินเกณฑ์ อยากควบคุมน้ำหนักให้กลับมามีร่างกายที่สมส่วนสุขภาพดี สามารถวิ่งเล่นสนุกได้อย่างคล่องตัว 

 

เพราะสุขภาพในอนาคตของน้องหมาจะเป็นอย่างไร สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอาหารการกินทั้งนั้น การดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วยอาหารสุนัขคุณภาพสูงอย่าง Buzz Pets food สูตร Netura High-quality meat / Grain-free เกรดโฮลิสติก อาหารสุนัขที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ คัดสรร และพิถีพิถันทุกขั้นตอนจนได้สิ่งที่ดีต่อสุขภาพน้องหมา จะทำให้พวกเขาสดใสร่าเริง มีพลังงานเหลือล้นพร้อมเล่นสนุกกับคุณได้อย่างแข็งแรงสมวัยอย่างแน่นอน 

อยากเลี้ยง หมาใหญ่ อะไรที่ควรรู้

หมาใหญ่ เห็นทีไรก็อยากเลี้ยงทุกที เชื่อเลยว่าใครที่รักสุนัขเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิน 90% ต้องเคยโดนตกจากความตัวใหญ่น่าฟัดเหมือนหมี น่ารักใจดีระดับสิบของเจ้าพวกนี้อย่างแน่นอน แถมจะกอดจะเล่นแค่ไหนก็สู้มือ พลังงานเหลือล้นมีมากพอที่จะเล่นกับเราได้ทั้งวัน และเพราะความใหญ่โตของเขาเนี่ยละ จึงทำให้การเลี้ยงดูน้องหมาตัวใหญ่ค่อนข้างแตกต่าง มีข้อจำกัด และต้องใส่ใจมากกว่าสุนัขไซซ์เล็กพอสมควร ผู้เลี้ยงหรือคนที่กำลังมีโครงการว่าจะรับน้องหมาพันธุ์กลาง – ใหญ่มาเลี้ยงจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้ ศึกษา และเช็กความพร้อมของตัวเองเสียก่อน

 

หมาใหญ่

 

พันธุ์ ลักษณะนิสัย เรารับมือไหวไหม? 

น้องหมาใหญ่มีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ไม่ได้แตกต่างกันแค่ลักษณะภายนอก หรือราคาค่าตัวของน้องเท่านั้น แต่เรื่องของลักษณะนิสัย ความฉลาดเชื่อฟัง พละกำลัง รวมไปถึงสิ่งที่ควรดูแล ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ โรคภัยไข้เจ็บ อาการป่วยของน้องหมาที่มีโอกาสเป็นง่ายก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ยกตัวอย่างเช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หมาตัวใหญ่ขนสีทองเป็นมิตรกับทุกคนที่เข้าหา เป็นสุนัขที่ค่อนข้างฉลาด ซื่อสัตย์ และติดคนมาก ต้องการความรัก ความเอาใจใส่สูง ไม่ชอบโดนทิ้งให้อยู่ลำพัง โกลเด้นเป็นสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อสะโพกอักเสบง่าย เจ้าของจำเป็นต้องพาน้องออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อให้กระดูก ไขข้อ และกล้ามเนื้อขาหลังแข็งแรง (การออกกำลังกายสามารถลดความเครียดให้สุนัขได้ด้วย) นอกจากนี้เมื่อสุนัขเริ่มอายุมากขึ้น มักจะมีปัญหาของโรคไขข้อสะโพกอักเสบ โรคเกี่ยวกับตา และโรคไต เจ้าของจำเป็นต้องระวังเรื่องนี้ไว้ให้มาก ๆ 

 

ที่อยู่อาศัย สถานที่เลี้ยง 

แน่นอนว่าการเลี้ยงน้องหมาตัวใหญ่ พื้นที่ในการเลี้ยงดูเขายอมต้องเยอะตามเป็นธรรมดา ยิ่งกับสุนัขบางพันธุ์ที่มีพลังการทำลายล้างสูง แรงเยอะ เป็นสุนัขที่ต้องออกกำลังกายเป็นประจำ สถานที่เลี้ยงยิ่งจำเป็นต้องมี Space เป็นบ้านที่ต้องมีบริเวณเพื่อซัพพอร์ตธรรมชาติของเขา มีที่ให้วิ่งได้ เล่นได้ มีรั้วรอบขอบชิดเพื่อไม่ให้สุนัขไปรบกวนเพื่อนบ้านคนอื่น ทำให้การตัดสินใจจะรับหมาใหญ่ซักตัวเข้ามาในบ้าน นอกจากการศึกษาสายพันธุ์ นิสัยให้ดีแล้ว เรื่องของที่อยู่อาศัย สถานที่เลี้ยงว่ามีความเหมาะสมกับสุนัขพันธุ์ที่คุณอยากเลี้ยงหรือเปล่าถือเป็น 1 ใน ปัจจัยสำคัญ ที่จะเป็นตัวกำหนดได้ทันทีว่าคุณพร้อมที่จะเลี้ยงน้องหมาใหญ่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีโอกาสส่งผลไปถึงสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตของสุนัขในอนาคตเลยทีเดียว

หมาใหญ่

 

อาหารที่ได้รับในแต่ละวัน 

“อาหาร” นับเป็นเรื่องใหญ่ที่จะกลายเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของน้องหมาได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ความพิเศษที่ทำให้การให้อาหารของน้องหมาใหญ่แตกต่างจากพันธุ์อื่นคือ ปริมาณอาหารที่ให้จะเยอะตามขนาดตัว โภชนาการต้องครบถ้วนแม่นยำเพื่อให้เพียงพอเหมาะสมกับร่างกายสุนัขพันธุ์กลาง พันธุ์ใหญ่ในแต่ละวัน (จุดนี้ผู้เลี้ยงต้องระวัง การปริมาณอาหารไม่ควรให้น้อยไป หรือมากไป ควรอยู่ในปริมาณที่พอดีเพื่อให้น้องสมควร) ส่วนประกอบของอาหารจะเน้นไปทางโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ดูแลในเรื่องการให้พลังงาน บำรุงกระดูก ไขข้อ ฟันให้แข็งแรงสมบูรณ์ มีโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยดูแลผิวหนัง บำรุงขนให้สวยเงางาม การเลือกอาหารสุนัขสำหรับสุนัขพันธุ์กลางและใหญ่จึงจำเป็นต้องเลือกให้ดี ทั้งในแง่ของวัตถุดิบว่ามีการใช้โปรตีนประเภทใดเป็นส่วนประกอบ ขนาดเม็ดอาหาร กลิ่น รสชาติที่ทำให้น้องหมาโปรดปราน และความแม่นยำของโภชนาการที่สามารถมอบให้สุนัขได้อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับสายพันธุ์ของเขา 

แนะนำ Buzz Healthy Joints Formula อาหารสุนัขสูตรบำรุงข้อกระดูก ผลิตและนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย สำหรับสูตรนี้จะมีส่วนผสมของกลูโคซามีน ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูกโดยเฉพาะ ป้องกันความผิดปกติที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับกระดูก ชะลอการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อต่อ ดูแลให้น้องหมาตัวโตของคุณสามารถวิ่งสนุก ร่าเริงอยู่กับคุณได้ยาว ๆ ลดความเสี่ยงโรคข้อกระดูกเสื่อม โรคยอดฮิตของหมาใหญ่ที่มักจะเจอเวลาที่พวกเขาอายุเยอะขึ้น 

หรือหากใครมีน้องหมาตัวใหญ่อยู่แล้วแต่น้องตัวอ้วนกลมเกินไป ไม่ใช่เรื่องดีต่อสุนัขแน่นอน แนะนำอาหารสุนัข Buzz Netura สูตรเนื้อปลาแซลมอน ผลิตและนำเข้าจากประเทศเบลเยี่ยม เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดผ่านการคิดค้นเพื่อให้เหมาะกับน้องหมาตัวใหญ่โดยเฉพาะ ทั้งขนาดเม็ดอาหาร โภชนาการที่ตอบโจทย์ คอยดูแลเขาทั้งในเรื่องพลังงานอย่างเหมาะสม เล่นสนุกสมวัยได้ทั้งวัน 

 

เพราะการที่เราจะรับสมาชิกใหม่เข้าบ้านมาซักหนึ่งตัว นั้นหมายความว่าเราต้องรับผิดชอบชีวิตน้อง ๆ เหล่านี้ไปตลอดอายุขัยของเขา การศึกษาข้อมูล การเตรียมความพร้อมก่อนเลี้ยงสุนัข โดยเฉพาะหมาใหญ่ที่มีข้อจำกัดในหลาย ๆ อย่างทั้งเรื่องสถานที่ งบ เวลาที่คุณต้องมีมากพอในการพาเขาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องคิดไปถึงอนาคต เมื่อน้องหมาเริ่มอายุเยอะ เวลาเจ็บป่วยคุณสามารถคุณสามารถขนย้าย หรือพาเขาไปพบสัตวแพทย์ได้ทันทีหรือไม่ แต่เชื่อเถอะว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หากได้เจอกับความน่ารักสดใส ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ของน้องหมาที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตประจำวันของคุณอย่างแน่นอน  

แมวเบื่ออาหาร จะทำอย่างไรดี

แมวเบื่ออาหาร ปัญหาที่ทาสแมวหลาย ๆ คนต้องพบเจอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัญหานี้แก้ไขได้

 

แมวเบื่ออาหาร ปัญหานี้เกิดจากอะไร ?

เมื่อน้องเหมียวที่บ้านเปลี่ยนไป จากเคยกินจุ กลับกินน้อยลง และ เซื่องซึมเหงาหงอย นี่อาจบ่งชี้ได้ว่า กำลังเกิดปัญหาแมวเบื่ออาหาร ซึ่งทาสแมวอย่างเราก็คงอยู่เฉยไม่ได้  เพราะปัญหานี้อาจเป็นหนึ่งในอาการที่แมวแสดงออก ในขณะที่น้องกำลังเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่าก็ได้ เช่น ปัญหาสุขภาพ ปัญหาสภาพแวดล้อม เป็นต้น

  • แมวเบื่ออาหารเพราะปัญหาสุขภาพ
  • ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร ระบบสมอง หรือเป็นโรคผิวหนัง
  • ความเจ็บปวดจากบาดแผลในร่างกาย แผลในปาก เจ็บฟัน มีเศษก้างหรืออาหารติดคอ หรือเจ็บบาดแผลหลังผ่าตัด ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แมวกินอาหารน้อยลง
  • สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำให้แมวเบื่ออาหาร

แมวมีนิสัยติดที่ ดังนั้นการย้ายที่อยู่ เปลี่ยนตำแหน่งวางจานอาหาร มีแมวตัวอื่นหรือคนแปลกหน้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน จึงส่งผลให้แมวเครียด เซื่องซึมและเบื่ออาหารได้

  • แมวเบื่ออาหาร เพราะติดสัด

ในช่วงนี้ แมวจะหมกมุ่นในการหาคู่ครอง สนใจเพศตรงข้ามมากกว่าอาหาร จึงไม่แปลกที่แมวในช่วงติดสัดจะอยากอาหารน้อยลง

  • อาหารไม่อร่อย และจำเจ ทำให้แมวเบื่ออาหาร

แมวก็เหมือนกับทาสแมวอย่างเรา ที่กินอาหารไม่อร่อยหรือจำเจแบบเดิมทุก ๆ วัน ก็คงไม่อยากกิน

แมวเบื่ออาหาร

แมวเบื่ออาหาร จะแก้ไขอย่างไรดี ?

หากทาสแมวเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องเหมียว อย่าปล่อยปัญหาแมวเบื่ออาหารไว้ เพราะมันอาจบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยก็ได้ ทาสแมวจึงต้องหาวิธีแก้ไขโดยเร็ว ซึ่งเรามีวิธีดี ๆ ที่จะช่วยให้น้องเหมียวหายเบื่ออาหาร และกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม

  • หากสังเกตได้ว่า การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่แมวเคยอยู่ หรือเพิ่มจำนวนสมาชิกภายในบ้านนั้น ส่งผลกระทบต่อน้องเหมียว เพราะฉะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดปัญหาแมวเบื่ออาหาร ทาสแมวจะต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ในช่วงแรก ๆ อาจต้องจัดที่อยู่ หรือตำแหน่งจานอาหารให้เหมือนเดิมมากที่สุด

ส่วนในกรณี มีสมาชิกใหม่มาอยู่เพิ่ม ทาสแมวอาจต้องแยกพื้นที่สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวให้ชัดเจนไปเลย จะช่วยให้แมวเครียดน้อยลง ลดการเผชิญหน้า ลดการทะเลาะกันได้ด้วย

  • พาน้องเหมียวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจเช็กร่างกาย ในกรณีที่แมวเบื่ออาหารมากกว่า 3 วัน เพราะน้องอาจมีปัญหาสุขภาพ เป็นเหตุให้กินอาหารน้อยลงก็ได้
  • ลองเปลี่ยนอาหาร ทั้งยี่ห้อ และ ชนิดอาหาร อาจเพิ่มความหอมกรุ่นของกลิ่น คุณอาจจะอุ่นอุ่นอาหาร – แช่อาหารเม็ดให้พองขึ้น จะทำให้อาหารเคี้ยวง่ายและหอมมากขึ้น หรือที่นิยมทำกันมากคือการราดด้วยอาหารเปียก เพิ่มรสชาติให้ชวนน่ากินมากยิ่งขึ้น 
  • จัดมื้ออาหารน้องเหมียวให้ดี แมวควรได้รับอาหาร 2 มื้อ / วัน โดยแต่ละมื้อควรห่างกัน 8 – 12 ชั่วโมง ถ้าทาสแมวให้มากกว่านี้ก็ไม่แปลกที่แมวจะกินอาหารน้อยลง เพราะน้องคงจะอิ่มอยู่

 

จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนอาหาร เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาแมวเบื่ออาหารได้ แต่ทาสแมวก็ต้องเลือกอาหารแมวที่มีคุณภาพด้วย เพราะอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโต เราจึงต้องคัดสรรอาหารแมวที่ดีให้น้องเหมียวที่เรารัก อย่างอาหารแมว Buzz Balance Nutrition ที่อุดมด้วยสารอาหารจำเป็นครบถ้วน ไม่เเต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด อีกทั้ง มีให้เลือกหลากหลายรส ช่วยลดปัญหาแมวเบื่ออาหารได้อย่างแน่นอน

 

แมวดุ ก้าวร้าว เจ้าทาสจะแก้อย่างไรดี

แมวดุ ก้าวร้าว ชอบทำลายข้าวของ นับเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่เจ้าทาสแมวทั้งหลายต่างหนักใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากเราจะไม่สามารถเดาอารมณ์น้องแมวได้ อยากกอดอยากหอมก็ไม่รู้ว่าจะโดนฝากรอยตบ รอยข่วนเอาตอนไหน ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่มาจากค่ารักษาพยาบาล (ของตัวเอง) ค่าข้าวของที่น้องแมวแสดงพฤติกรรมทำลายข้าวของออกมาอีก จากที่จะเลี้ยงน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น เพื่อความสบายใจอาจจะกลายเป็นหนักใจแทน 

การที่แมวดุ แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับเจ้าของ หรือกับสัตว์ด้วยกัน มีพฤติกรรมชอบทำลายข้าวของต่างมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ซึ่งทุกอย่างมีวิธีแก้ไข คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของน้องได้ เพื่อทำให้แมวตัวโปรดของคุณกลับมาเป็นเจ้าตัวขี้อ้อนนิสัยน่ารักได้เหมือนเดิม 

 

เรียนรู้สาเหตุ อะไรที่ทำให้น้องแมวดุ 

การที่น้องแมวแสดงพฤติกรรมไม่น่ารักออกมา แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุ ซึ่งสาเหตุของแมวแต่ละตัวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ลักษณะนิสัย และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้การแสดงออกมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนที่คุณจะแก้ปัญหาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเจ้าแมวตัวแสบของคุณได้นั้น จำเป็นจะต้องทราบถึงสาเหตุของอาการดุร้ายก้าวร้าวในครั้งนี้ก่อน ที่พบเจอได้บ่อยมีดังนี้ 

แมวดุก้าวร้าว เพราะปัญหาสุขภาพ : บางทีการที่น้องแมวดุ อาจจะเป็นผลมาจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หงุดหงิดจนแสดงออกมาในรูปแบบของความรุนแรง 

แมวดุ

สภาพแวดล้อมกลายเป็นส่วนสำคัญ : การเลี้ยงแมวจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่เป็นของเขา มีโซนขับถ่าย กระบะทรายสะอาด เปลี่ยนทรายใหม่อยู่เสมอ มีอุปกรณ์สำหรับฝนเล็บเพื่อลดการฝนเล็บกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านแทน ดังนั้นหากน้องแมวดุ หรือแสดงอาการก้าวร้าว ทำลายข้าวของออกมา ให้มาดูความพร้อมตรงนี้ก่อนว่าสภาพแวดล้อมที่คุณเตรียมไว้สะอาดดีหรือไม่ สามารถซัพพอร์ตธรรมชาติของแมวได้หรือเปล่า นอกจากนี้ความก้าวร้าวที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมยังมีเรื่องของการแสดงอาณาเขตเมื่อมีสัตว์ตัวใหม่เข้ามาในบ้านอีกด้วย  

ยั้งแรงไม่เป็น ไม่รู้จักวิธีใช้กรงเล็บ : เจอบ่อยมากโดยเฉพาะกับแมวเด็ก ไม่รู้จักวิธีใช้กรงเล็บ ยั้งแรงไม่เป็น ทำใหเวลาเล่นกับเราในบางครั้งเผลอเปิดเล็บจนทำให้เราบาดเจ็บ หรือเล่นแรงจนดูเหมือนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา 

ก้าวร้าวเวลากลัว หรือถูกกระตุ้น : นิสัยใจคอ ความรู้สึกของแมวแต่ละตัวล้วนมีความแตกต่างกัน บางตัวขี้กลัว ขี้รำคาญ หรือรับความรู้สึกได้ไว ซึ่งการที่แมวดุ หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาเป็นผลมาจากความกลัว หรือได้รับแรงกระตุ้นมากจนเกินไป 

 

แมวดุ

แก้ปัญหาแมวดุ ทำได้อย่างไร? 

เมื่อคุณทราบถึงสาเหตุที่ทำให้น้องแมวดุแล้ว การหาวิธีแก้ปัญหาให้ตรงจุดก็ง่ายมากขึ้น หากน้องแมวของคุณดูท่าแล้วน่าจะก้าวร้าวจากอาการเจ็บป่วย หรือเกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก การพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา ปรับเปลี่ยนพื้นที่ส่วนตัวของน้องแมวให้สะอาด ดูแลกระบะทรายให้ถูกหลักอนามัย มีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อแมวให้พร้อมในการใช้ชีวิตของเขา ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดค่ะ 

ส่วนสาเหตุที่มาจากลักษณะนิสัยของแมว เราอาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเทคนิคการฝึกฝนของเจ้าของ และตัวเจ้าแมวเหมียวเอง ว่าจะรู้เรื่องเร็ว เปิดรับในสิ่งที่เรากำลังจะบอกได้มากน้อยแค่ไหน 

ให้คุณลองทำำเป็นไม่สนใจ เมื่อน้องแมวของคุณเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือเริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ หยุดเล่น เดินหนี รอให้น้องแมวอารมณ์เย็นลงก่อน วิธีนี้จะทำให้แมวเรียนรู้ได้ว่าพฤติกรรมที่เขากำลังแสดงอยู่ทำให้เราไม่พอใจ เป็นการดัดนิสัยได้ดีกว่าการตีหรือขึ้นเสียงใส่อย่างแน่นอน ใช้อุปกรณ์ลับเล็บ ของเล่นต่าง ๆ แทนการเล่นกับเราโดยตรงหากน้องแมวเริ่มควบคุมการเปิด – ปิดเล็บไม่ได้ เล่นแรงยั้งตัวเองไม่เป็น หรือหากน้องแมวมีนิสัยขี้กลัวเป็นทุนเดิม คุณอาจจะสร้างสถานที่ที่เป็นเหมือนหลุมหลบภัย เป็น Comfort Zone ให้น้องแมวรู้สึกปลอดภัยเพื่อเซฟเขา หรือให้หากิจกรรม ดึงดูดความสนใจเพื่อให้เขาลืมความกลัว ถือเป็นการลดความดุ ลดความก้าวร้าวได้อีกหนึ่งทาง 

 

ปัญหาแมวดุ แมวก้าวร้าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับน้องแมวทุกตัวทั้งนั้น ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความเข้าใจ พยายามเรียนรู้ลักษณะนิสัยเขาพร้อมกับเลือกฝึกฝนน้องแมวด้วยวิธีที่เหมาะสมถือเป็นทางออกที่จะสามารถปราบพฤติกรรมก้าวร้าว เปลี่ยนแมวดุให้กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนตัวเดิมได้ นอกจากนี้การดูแลเรื่องของอาหารการกิน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลสุขภาพน้องแมวโดยตรงทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ช่วยส่งเสริมให้เขาแข็งแรงสดใส ร่าเริงได้สมวัยได้ในทุกวัน แนะนำอาหารแมวสูตรพรีเมียมจาก Buzz Pet อาหารที่รู้ใจสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณมากที่สุด โดดเด่นทั้งในเรื่องโภชนาการ คุณค่าครบถ้วนด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุด กลิ่น รส ถูกใจน้องแมวเหมียวกินหมดชามแน่นอน 

 

รู้จัก หวัดแมว เพราะแมวก็ป่วยได้

น้องแมวเป็นหวัดหรือที่เรียกว่า หวัดแมว อาจติดต่อกันในหมู่แมวได้ ยิ่งบ้านไหนที่มีน้อง ๆ หลายตัวแล้วละก็ ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนั้นการรู้ทันโรคหวัดแมวถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทาสแมวจะต้องรู้จักสังเกตเพื่อจะได้ป้องกันและรับมือให้เจ้านายของเหล่าทาสปลอดภัยจากหวัดแมว

 

หวัดแมว (Cat Flu) คืออะไร 

หวัดแมว (Cat Flu) คือโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ มีอาการคล้ายเป็นหวัด มักเกิดในที่ ๆ เลี้ยงแมวรวมกันจำนวนมาก ๆ อย่างบ้านใครที่เลี้ยงแมวเยอะ ๆ หรืออยู่ในชุมชนแออัดแล้วน้องแมวชอบแอบหนีไปประชุมลับกันบ่อย ๆ น้องแมวของเราก็ยิ่งมีโอกาสที่จะติดหวัดแมวมาจากแมวตัวอื่น หรือเป็นหวัดแมวได้ง่ายมากขึ้น โดยหวัดแมว เกิดจากเชื้อไวรัสสำคัญหลัก ๆ 2 ชนิดคือไวรัสแคลิซี (Calici virus) และไวรัสเฮอร์ปี (Herpes virus) 

ซึ่งในแมวที่เคยติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปี (Herpes virus) หลังจากหายแล้วจะกลายเป็นพาหะตลอดชีวิต ช่วงไหนที่เจ้านายของเราเครียดมาก ๆ ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นหวัดแมวซ้ำได้ง่าย ๆ  และถ้าหากแมวติดไวรัสแคลิซี (Calici virus) หลังจากหายหวัดแมวไปแล้ว ก็จะมีการแพร่เชื้อสู่สิ่งแวดล้อมได้อีกราว ๆ 2 อาทิตย์ – 1 เดือน แต่บางครั้งอาจยาวนานถึง 2 – 3 เดือน โดยแมวที่ได้รับเชื้อจะมีอาการอักเสบที่ตา โพรงจมูก หลอดลม หรือภายในช่องปากได้ 

 

วิธีสังเกตเบื้องต้นว่าน้องแมวเป็นหวัดแมวอยู่หรือเปล่า

  1. น้องแมวขยิบตาทั้งวัน อีกทั้งยังมีเปลือกตาบวมแดง มองแล้วดูเหมือนตาจะปิด อีกอาการคือมีขี้ตาเกรอะ เป็นก้อนเห็นได้ชัด
  2. น้องแมวมีกลิ่นปาก ปากเหม็น เหงือกแดงจนผิดสังเกต หรือมีน้ำลายไหลยืดตลอดวัน
  3. ปากและลิ้น มักจะเป็นแผลหลุมที่ปาก ลิ้น เพดาน ริมฝีปากหรืออาจจะลามมาที่ปลายจมูกได้
  4. น้องแมวไอและจามฮัดเช่ย ๆ อยู่บ่อย มีน้ำมูกไหล ทำเสียงฟึดฟัดทั้งวัน
  5. เบื่ออาหาร ไม่อยากกินอะไร
  6. มีอาการซึมผิดปกติ

หวัดแมว

ดูแลยังไงเมื่อน้องแมวเป็นหวัด

  1. แยกตัวที่ป่วยกับตัวอื่น ๆ ในบ้าน เพื่อป้องกันการติดต่อ
  2. ปรับอาหาร เพื่อช่วยให้กินอาหารได้ดีขึ้น
  3. แยกชามน้ำ ชามอาหาร เพราะการกินชามเดียวกันมักจะติดผ่านน้ำลาย หรือแม้แต่ของเล่นที่เจ้าเหมียวใช้ร่วมกัน
  4. เช็ดทำความสะอาดตาและจมูก เพื่อให้แมวหายใจสะดวกและรู้สึกสบายตัว
  5. ฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนตามโปรแกรม (แมวต้องมีอายุตั้งแต่ 2 เดือนเป็นต้นไป)

 

ดังนั้นถ้าอยากให้น้องแมวหรือเจ้านายของเหล่าทาสมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากหวัดแมวแล้วก็ต้องให้ความสำคัญครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อม สุขภาพร่างกาย หรือแม้กระทั่งอาหารการกินก็ตาม ดังนั้นควรเลือกอาหารให้ครบถ้วนและสมดุลทางโภชนาการด้วยโซเดียมต่ำและไม่มีสีสังเคราะห์ เพื่อสุขภาพพื้นฐานโดยรวมในระยะยาวของแมว อย่าง Buzz Pets Food แต่ละสูตรประกอบด้วยวิตามินและสารอาหารแบบเฉพาะ เพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพของแมวให้มากที่สุดโดยการใช้ส่วนผสมที่ละเอียดเหมาะกับน้องแมวทุกวัย

 

สุนัขหลังคลอด ต้องดูแลอย่างไร

สุนัขหลังคลอด ต้องได้รับการดูแลและสารอาหารอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างน้ำนมที่มีคุณภาพให้ลูกสุนัขได้กิน และฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง 

 

สภาวะของสุนัขหลังคลอด

       โดยปกติ แม่สุนัขหลังคลอด จะมีช่วงให้นมลูกประมาณ 8 – 9 สัปดาห์ ซึ่งสารอาหารที่แม่สุนัขได้รับจะนำไปใช้ในการสร้างน้ำนมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ช่วงหลังคลอดแม่สุนัขอาจซูบผอมไปบ้าง บางตัวอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว และอารมณ์ที่แปรปรวน ซึ่งเกิดจากสัญชาตญาณที่ต้องปกป้องลูก นอกจากนี้ สภาพขนของแม่สุนัขอาจดูหยาบกระด้างไม่เงางามเหมือนก่อน เนื่องจากช่วงตั้งท้องและให้นม แม่สุนัขจะถูกดึงโปรตีน แคลเซียม และฟอสฟอรัส จากร่างกายไปยังลูกสุนัขและน้ำนม จึงไม่แปลกที่หลังคลอดสภาพขนของน้องจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะสารอาหารเหล่านั้นเป็นส่วนประกอบจำเป็นต่อการมีสุขภาพขนที่ดี

ดังนั้น ในช่วงหลังคลอด นอกจากเจ้าของจะต้องใส่ใจดูแลลูกสุนัขแล้ว แม่สุนัขก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมและอาหารการกิน

สุนัขหลังคลอด

 

ดูแลสุนัขหลังคลอด ต้องทำอย่างไรบ้าง

  • ในช่วงแรกหลังคลอด ควรจัดพื้นที่ให้แม่และลูกสุนัขอยู่ โดยอากาศต้องถ่ายเทสะดวก ไม่มีสิ่งรบกวน เช่น สุนัขตัวอื่น คน ยุง แมลงวัน เป็นต้น เพราะในช่วงนี้แม่สุนัขจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพราะหวงลูก 

 

  • ไม่อาบน้ำสุนัขหลังคลอด ควรรอ 2 – 3 สัปดาห์ และต้องอาบโดยใช้แชมพูอ่อน ๆ สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากหากอาบน้ำทันที อาจมีสารตกค้างจากแชมพูติดตามตัวแม่สุนัข ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกสุนัขได้ในขณะดูดนม

 

  • พาสุนัขหลังคลอดไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ เพื่อตรวจเช็กการฟื้นตัว และหาความผิดปกติของร่างกาย จะได้รักษาได้ทันท่วงที

 

  • แม่สุนัขต้องได้รับอาหารและน้ำสะอาดที่เพียงพอ โดยสุนัขหลังคลอดจะต้องใช้พลังงานมากเป็นพิเศษเพื่อสร้างน้ำนม เจ้าของจะต้องให้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็น 2 – 3 เท่า จากปริมาณเดิมที่เคยให้ และเพิ่มจำนวนมื้ออาหารให้น้องเป็น 2 – 4 มื้อ / วัน ในช่วง 2 – 5 สัปดาห์แรกหลังคลอด หลังจากนั้น ค่อย ๆ ปรับปริมาณและมื้ออาหารให้ลดลง จนเหลือ 2 มื้อ / วัน ในปริมาณปกติ เพราะในช่วงสัปดาห์หลัง ๆ แม่สุนัขจะเริ่มสร้างน้ำนมน้อยลงแล้ว

 

เพราะอาหารที่ดี ส่งผลต่อสุขภาพของสุนัขโดยตรง เจ้าของอย่างเรา จึงใส่ใจดูแลด้วยการเลือกอาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างแคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อสุนัขหลังคลอด อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารสุนัขพรีเมียม ไม่แต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด ที่มีสารอาหารครบถ้วนตามที่แม่สุนัขต้องการ พร้อมมีหลากหลายรสให้เลือก ตอบโจทย์เจ้าของที่อยากดูแลและฟื้นฟูสุนัขหลังคลอดให้กลับมาแข็งแรงได้ดังเดิมเป็นอย่างยิ่ง

 

มารู้จักกับปัญหา ช่องปากสุนัข กัน

รู้หรือไม่ น้องหมาก็มีปัญหา ช่องปากสุนัข กว่า 90 % เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ไม่คิดว่าสุนัขจะมีปัญหาช่องปาก ทำให้มองข้ามการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา

 

สัญญาณเตือน ปัญหาช่องปากสุนัข
ลักษณะช่องปากสุนัขที่สุขภาพดี ต้องมีฟันสะอาด ไม่มีคราบจุลินทรีย์ และหินปูน เหงือกเป็นสีชมพู ไม่ร่นแนบติดกับตัวฟัน อีกทั้งมีขอบเขตของเหงือกที่ชัดเจน ถ้าช่องปากสุนัขของคุณมีลักษณะเช่นนี้ ก็บ่งชี้ได้ว่าน้องมีสุขภาพช่องปากที่ดี ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดเป็นประจำ แต่หากคุณพบกับสัญญาณเหล่านี้แทน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าสุนัขกำลังเผชิญกับปัญหาช่องปากอยู่ก็ได้

  • มีกลิ่นปาก โดยมีสาเหตุจากแบคทีเรียสะสมและหมักหมมอยู่ในช่องปาก แสดงให้เห็นว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีแผลในช่องปาก อักเสบและเป็นตุ่มหนอง เลือดออกในช่องปาก นอกจากนี้ โรคต่าง ๆ อย่าง โรคไต โรคเบาหวาน ก็ทำให้น้องหมามีกลิ่นปากผิดปกติได้เช่นกัน
  • น้ำลายไหลยืดผิดปกติ เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกความผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น มีเนื้องอกในช่องปาก เหงือกอักเสบรุนแรง คราบหินปูนจำนวนมาก มีการติดเชื้อที่ระบบประสาท  หรืออาจได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
  • ฟันเปลี่ยนสี แสดงให้เห็นว่ามีการสะสมของคราบหินปูนจำนวนมาก อาจเป็นโรคทางพันธุกรรม หรืออาจมีการติดเชื้อบริเวณรากฟัน
  • เหงือกบวมแดง อักเสบ เป็นสัญญาณของปัญหาช่องปากสุนัข ไม่ว่าจะเป็น โรคปริทันต์ เหงือกร่น ฟันโยก ฟันหลุด ซึ่งส่งผลให้น้องหมาไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

ช่องปากสุนัข

ปัญหาช่องปากสุนัขที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง? 

เมื่อพบสัญญาณเตือนดังกล่าว ให้สงสัยได้เลยว่า น้องอาจมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น โดยสุนัขกลุ่มที่เสี่ยงจะมีปัญหาช่องปาก คือ สุนัขที่มีอายุมากกว่า 3 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาที่มักจะพบ มีดังนี้

 

  • คราบพลัคและหินปูน ปัญหาช่องปากสุนัขที่ต้องกำจัดออก
  • คราบพลัค หรือคราบจุลินทรีย์ เกิดจากแบคทีเรียจากอาหารที่กินเข้าไปรวมตัวกับน้ำลาย กลายเป็นแผ่นฟิล์มเหนียว ๆ ปกคลุมพื้นผิวฟัน เมื่อไม่ได้รับการกำจัดออกด้วยการแปรงฟันหรือขูดหินปูน ภายใน 3 – 5 วัน คราบพลัคเหล่านั้นจะรวมตัวกับแร่ธาตุในน้ำลาย แข็งตัวกลายเป็นหินปูนเกาะอยู่บนฟันสุนัข การสะสมของหินปูนจำนวนมากเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก และอาการเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการสูญเสียฟัน

     

  • โรคปริทันต์ ปัญหาช่องปากสุนัขที่เป็นต้นต่อของการสูญเสียฟัน
  • เมื่อคราบพลัคและหินปูนสะสมจำนานมาก โดยเฉพาะบริเวณขอบและร่องเหงือก จะทำให้จำนวนแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองเชื้อแบคทีเรียก่อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะปริทันต์ ได้แก่ เหงือก เอ็นยึดปริทันต์ เคลือบรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน โดยอาการของโรคจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
    • ระยะที่ 1 เหงือกอักเสบ

    เหงือกมีลักษณะบวมแดง อาจมีเลือดออกตามร่องเหงือก ในระยะนี้สามารถกลับมาเป็นปกติได้หากกำจัดคราบพลัคและหินปูนออกจนหมด

    • ระยะที่ 2 ปริทันต์อักเสบ

    เป็นระยะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยท้ายที่สุดจะเกิดการสลายของเอ็นยึดปริทันต์ และกระดูกเบ้าฟัน เป็นเหตุให้สูญเสียฟัน ซึ่งอาการที่พบในช่องนี้ คือ มีกลิ่นปาก เลือดออกตามขอบเหงือก เจ็บปวดรุนแรงทุกครั้งที่สัมผัสปาก กินอาการลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากมีอาการติดเชื้อที่โพรงรากฟัน จะพบฝีหรือแผลเรื้อรังที่ใบหน้าบริเวณใต้ตา เป็นลักษณะบ่งชี้

    นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียก่อโรคตัวนี้ ยังสามารถแพร่ไปยังหลอดเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด และก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคตับ โรคหัวใจ

    เมื่อพบอาการผิดปกติที่บ่งชี้โรค เจ้าของควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะปานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่

    ดูแลช่องปากสุนัข เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

    เพราะปัญหาช่องปากสุนัข สร้างผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพโดยรวม ทางที่ดี ตัวเจ้าของอย่างเราควรดูแลและป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นด้วยวิธีเหล่านี้

    • ทำความสะอาดช่องปากและฟันเป็นประจำ ด้วยการแปรงฟัน โดยควรเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขเพื่อสร้างความเคยชิน หรืออาจใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การให้ขนมสุนัขที่ช่วยขัดฟัน
    • พาสุนัขไปตรวจสุขภาพช่องปากและฟันกับสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 

    สุนัข

    นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพช่องปากสุนัข การเลือกอาหารสุนัขที่ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตครบถ้วน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อย่าง Buzz Balance Nutrition ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของต้องเลือกสรรให้น้องหมาที่คุณรัก เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และสุขภาพช่องปากที่ดี

     

     

ขนร่วง หรือ ผลัดขน เหมียวของคุณเป็นอะไรกันแน่?

ขนร่วง อีกหนึ่งปัญหาที่คนเลี้ยงแมวหนีไม่พ้น ซึ่งหลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นธรรมดาของสัตว์มีขนที่ต้องผลัดขน แต่ที่จริงแล้วปัญหาขนร่วงต่างจากการผลัดขนโดยธรรมชาติ และเป็นหนึ่งสิ่งบ่งชี้ว่าแมวของคุณอาจกำลังเผชิญกับปัญหาผิวหนังอยู่ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า แมวผลัดขนหรือขนร่วงกันแน่ ?

 

แมว

ขนร่วง หรือ ผลัดขน เจ้าเหมียวเป็นอะไรกันแน่ ?

ผลัดขน เป็นการเปลี่ยนแปลงตามการเจริญเติบโตของเส้นขนโดยธรรมชาติ ที่ต้องผลัดขนเก่าเพื่อระบายความร้อนออกจากผิวหนัง และผลัดเซล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป เพื่อทดแทนด้วยขนเส้นใหม่ ส่วนใหญ่การผลัดขนจะเร่มขึ้นเมื่อหมดฤดูหนาว โดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้จะค่อย ๆ เกิดขึ้น ขนเก่าที่ผลัดออกจะร่วงทั้งตัว โดยไม่ร่วงจนแหว่งเป็นวง แต่ถ้าหากแมวของคุณมีขนร่วงในลักษณะเช่นนี้ นี่อาจจะไม่ใช่การผลัดขนตามปกติ เพราะน้องอาจประสบกับปัญหาผิวหนังบางอย่างอยู่ ซึ่งวิธีสังเกตง่าย ๆ มีดังนี้

  • ขนร่วงไปโดยไม่มีขนใหม่ขึ้นแทนที่ ต่างจากการผลัดขน แม้จะร่วงเยอะ แต่จะมีขนใหม่ขึ้นมาแทนอยู่ตลอด
  • ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือเป็นกระจุก จนบางบริเวณไม่เหลือขนเลย ต่างจากการผลัดขนที่จะร่วงทั่วร่างกาย
  • แมวอาจมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น มีอาการคัน ตุ่ม ผื่นแดง แผลถลอกจากการเกา เป็นต้น

แมว

 

ปัญหาขนร่วงนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ 

  • ขนร่วงจากการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เชื้อรา เชื้อยีสต์ เชื้อแบคทีเรีย หมัด ไร พยาธิ เป็นต้น มักจะแสดงอาการผื่นแดง ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือผิวหนังส่งกลิ่นเหม็น
  • อาการแพ้ทำให้ขนร่วง อย่างการแพ้อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ทาบนผิวหรือแชมพู หญ้า พื้นที่ที่มีสารเคมีปนเปื้อน เป็นต้น
  • แมวขนร่วงเพราะอายุมาก แมวแก่ขนจะแห้ง ไม่สามารถเลียทำความสะอาดขนตัวเองได้ดี ขนจึงร่วงหลุดเยอะขึ้นกว่าปกติ
  • เครียดจนขนร่วง แมวบางตัวมีภาวะความเครียดหรือความกลัวอย่างรุนแรง ทำให้ขนร่วงมากกว่าปกติ
  • เลียขนมากเกินไปจนขนร่วง แม้จะเป็นวิธีการทำความสะอาดขนของเจ้าเหมียว แต่ถ้าเลียในจุดเดิมซ้ำ ๆ มากจนเกินไป ลิ้นหยาบ ๆ ของแมวจะทำให้ขนบริเวณนั้นร่วงจนหมด และทำให้ขนสุขภาพไม่ดีด้วย
  • ขนร่วงเพราะขาดสารอาหาร ขนและผิวหนังของแมวต้องการโปรตีนจำนวนมากเพื่อการเจริญเติบโต และการฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องการวิตามินเอ และวิตามินอี เพื่อเสริมสร้างสุขภาพขนที่ดี และป้องกันขนร่วง เมื่อไม่ได้รับสารอาหารเหล่านี้ เส้นขนของแมวจะบางลง และหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ

 

เห็นแบบนี้ ทาสแมวหลายคนอาจตกใจ ว่าจะทำอย่างไรหากเจ้าเหมียวของคุณมีปัญหาขนร่วง ไม่ต้องตกใจไปเพราะปัญหานี้มีวิธีรักษาและป้องกัน

  • อันดับแรก พาเจ้าเหมียวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กให้รู้ชัดเจนกันไปเลยว่า ขนร่วงจากสาเหตุใด จะได้รักษาได้อย่างถูกวิธี 
  • ป้องกันการติดปรสิต ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ให้ได้มากที่สุด และปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อวางโปรแกรมควบคุมปรสิตอย่างสม่ำเสมอ
  • หมั่นแปรงขน เพื่อกำจัดเศษขนส่วนเกิน และป้องกันขนพันกันในกรณีแมวขนยาว โดยแปรงอย่างช้า ๆ เบามือ ในระยะเวลาสั้น ๆ 
  • เสริมความแข็งแรงให้เส้นขน ด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงขน โดยในกรณีนี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกชนิดของผลิตภัณฑ์จะดีที่สุด

 

        และท้ายที่สุด ความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขนร่วงจะลดลง หากแมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสม การเลือกอาหารแมวที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งเรื่องการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง สุขภาพขนและผิวหนังที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ อย่าง Buzz Advanced Nutrition – Hair & Skin สูตรสำหรับบำรุงเส้นขน เเละ ผิวหนัง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันที่เหมาะสม โอเมก้า 3 และ 6 พร้อมเพิ่มคอลลาเจน เพื่อบำรุงผิวหนังและเส้นขน อีกทั้งยังมีเส้นใยเซลลูโลสพลัสช่วยให้ขนผ่านทางเดินอาหารได้ดี จบครบตามที่เจ้าเหมียวต้องการ ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับทาสแมวที่ต้องการดูแลสุขภาพแมวเหมียวที่คุณรัก 

 

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกเมื่อ แมว มีพยาธิ

เคยสงสัยไหมว่า แมวมีพยาธิ ได้อย่างไร ? พยาธิเป็นปรสิตที่รบกวนลำไส้ของแมว และก่อให้เกิดอาการผิดปกติมากมาย ซึ่งการติดพยาธิ อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยลูกแมวอาจติดพยาธิมาจากแม่ที่มีพยาธิ ผ่านการให้นม แมวบางตัวก็ติดมาจากการสัมผัสกับไข่หรืออุจจาระของแมวที่มีพยาธิ หรือบางตัวมีพยาธิเพราะชอบเที่ยวเล่นนอกบ้าน และกินของสด จำพวกหนู นก จิ้งจก ฯลฯ ซึ่งสัตว์เหล่านี้มักมีไข่และตัวอ่อนของพยาธิอาศัยอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีปรสิตอย่างพยาธิเข้ามาอาศัยอยู่ในท้องเจ้าเหมียวของคุณ โดยทั่วไป พยาธิในแมวจะพบได้อยู่ 3 ประเภท คือ

น้องแมว

แมวมีพยาธิ อะไรบ้าง ?

  1. แมวมีพยาธิตัวตืด 

มีลักษณะคล้ายเม็ดข้าว จะเกาะอยู่ที่ผนังลำไส้ เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวกับผิวหนังและขน

      2. แมวมีพยาธิตัวกลม

หน้าตาคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว มักติดมาจากนมแม่แมว หรือติดจากการคลุกคลีกับแมวและหนูที่มีพยาธิ เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการท้องเสีย และอาเจียน

     3. แมวมีพยาธิปากขอ

พยาธิตัวเล็ก มีปากคล้ายตะขอ เกาะอยู่ตามผนังลำไส้ มักจะติดมาจากนมของแม่แมว เป็นต้นเหตุให้แมวมีภาวะเลือดจาง

น้องแมว

           เมื่อคุณเริ่มสังสัยว่า เจ้าเหมียวของคุณอาจจะมีพยาธิมาอาศัยอยู่ในท้อง สัญญาณที่จะช่วยบ่งบอกได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีดังนี้

อาการที่บอกว่า แมวมีพยาธิ 

  • ท้องเสีย และอาจมีเลือดปนมากับอุจจาระ
  • น้ำหนักลด ทั้งที่แมวกินได้เป็นปกติ
  • ผอมแต่พุงโล
  • อาเจียน
  • เซื่องซึม
  • ขนร่วง และหยาบแห้ง
  • ตาแฉะ มีขี้ตาเยอะจนผิดปกติ
  • เหงือกซีด เพราะภาวะเลือดจาง
  • แมวมีพยาธิอาจมีพยาธิติดอยู่บริเวณทวารหนัก และอุจจาระที่ถ่ายออกมา

แมว

                 หากพบว่าเจ้าเหมียวตัวน้อยของคุณมีอาการเหล่านี้ ก็มีความเสี่ยงที่แมวจะมีพยาธิ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจเช็กอาการ และเข้ารับการถ่ายพยาธิเป็นประจำ นอกจากวิธีนี้แล้ว ตัวเจ้าของอย่างเราเองก็ต้องช่วยปกป้องเจ้าเหมียวจากการติดพยาธิด้วยอีกแรง โดยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย จำกัดบริเวณในกรณีที่แมวของคุณชอบเที่ยวนอกบ้าน พยายามคอยสังเกตอย่าให้น้องกินของสด และจะต้องเลือกอาหารแมวคุณภาพ ที่มีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์อย่าง Buzz ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือกตามความต้องการที่แตกต่าง เพื่อให้เจ้าเหมียวปราศจากพยาธิและมาพร้อมสุขภาพที่แข็งแรง 

 

น้องแมว เครียดอยู่หรือเปล่า?

น้องแมวเครียด อยู่หรือเปล่า? บางทีอาการแปลก ๆ ที่แมวแสดงออกมาให้คุณได้เห็นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณหรือนิสัยส่วนตัวของสัตว์เลี้ยง แต่มันคือสัญญาณที่พวกเขากำลังแสดงออกให้คุณทราบว่ากำลังมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ก็ได้ ซึ่งความเครียด อาการวิตกกังวลต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้กับแมว สุนัข หรือสัตว์ตัวอื่น ๆ ได้ทั้งนั้นไม่ต่างจากคนเลย แต่แมวเครียดจะเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง น้องจะเริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ แบบใดให้เราได้สังเกต วันนี้ Buzz Pet อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมมีคำตอบมาฝาก 

น้องแมว

สาเหตุที่ทำให้น้องแมวเครียด 

ขึ้นชื่อว่าความเครียดแล้ว ไม่มีทางที่สิ่งนี้จะส่งผลดีกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะกับคนหรือสัตว์ก็ตาม โอกาสที่จะทำให้แมวเครียดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หลายสถาานการณ์ขึ้นอยู่กับแมวแต่ละตัว บางตัวเจอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งมาก็ทำให้เกิดความเครียด แต่อีกตัวนึงเจอเหตุการณ์เดียวกันกลับไม่เป็น จุดนี้มีความคล้ายคลึงกับคน ซึ่งในแต่ละคนมีความอดทน มีภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกัน สาเหตุที่ทำให้แมวเครียดที่พบเจอกันบ่อย ๆ มีดังนี้ 

  • ความซ้ำซากจำเจ ที่อาจทำให้แมวเบื่อจนเกิดความเครียด 
  • กังวลเรื่องอาณาเขต ความปลอดภัยของตัวเองจากแมวตัวอื่น หรือสัตว์ประเภทอื่น 
  • ตกใจกลัวเสียงดัง เช่น เสียงจากฟ้าผ่า เสียงพลุ เสียงปืน เสียงเพลงดัง (ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับแมวบางตัวเท่านั้น บางตัวก็ไม่ได้กลัว) 
  • ถูกปล่อยให้อยู่ในบ้านเพียงลำพัง ไม่มีคน หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ที่คุ้นเคยอยู่ด้วย 
  • อยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ต้องย้ายที่ หรือมีการเดินทาง
  • สารอาหาร ปริมาณ และน้ำดื่มไม่เพียงพอต่อร่างกาย และความหิว
  • มีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ สมาชิกตัวใหม่เข้ามาในบ้าน 

น้องแมว

สังเกตอาการด่วน น้องแมวอาจกำลังเครียดอยู่

หลังจากที่ทราบสาเหตุเบื้องต้นของความเครียดที่เกิดขึ้นกับน้องแมวแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องมาลองสังเกตสัตว์เลี้ยงข้าง ๆ ตัวคุณบ้าง ว่าแมวเหมียวมีพฤติกรรมแปลก ๆ  ที่จะเป็นสัญญาณเตือนให้เราได้ ซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ ที่น้องแมวแสดงออกมาจะมีทั้งเรื่องที่เรามองว่าปกติแต่สำหรับเขาไม่ปกติ หรือเป็นพฤติกรรมใหม่ที่น้องแมวไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน รวมรวบที่เจอได้บ่อยมาแล้ว ดังนี้ 

  • เริ่มขับถ่ายไม่เป็นที่ ไม่ใช้กระบะทราย
  • เลียขน ทำความสะอาดขนตัวเองมากผิดปกติ (มีโอกาสที่จะขนหลุดร่วง และเกิดปัญหาผิวหนังอักเสบได้ในภายหลัง)
  • ร้องเสียงดัง หรือเงียบแยกตัวออกจากโลกภายนอกจนผิดสังเกต 
  • แสดงความดุร้ายใส่ทั้งคน และสัตว์ตัวอื่น 
  • เคี้ยวปากจนน้ำลายยืด 
  • เริ่มทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ หมอน เตียง สิ่งใกล้ตัว (ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับวัย พันธุ์ ลักษณะนิสัยด้วย)
  • กินอาหารน้อยลง 
  • นอนเยอะมากขึ้น 

หากปล่อยทิ้งไว้ ความเครียดเหล่านี้จะสะสมไปเรื่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและอาจจะลามไปถึงระบบร่างกายต่าง ๆ ทำให้น้องแมวมีโอกาสป่วยง่ายมากขึ้น สุขภาพผิวหนังไม่ดี ขนร่วง เป็นภูมิแพ้ หรือร้ายแรงกว่านั้น ความเครียดอาจจะกลายเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายที่ตามมาในอนาคตก็ได้ 

หากคุณทราบว่าอะไร สถานการณ์แบบไหนเป็นแรงกระตุ้นที่ส่งผลทำให้น้องแมวเครียดแล้ว การหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำรอย เพิ่มความเครียดสะสมให้กับแมวเหมียวถือเป็นเรื่องที่เจ้าของอย่างเราควรทำมากที่สุด นอกจากนี้ การดูแลอาหารให้ครบถ้วนทั้งปริมาณและตามหลักโภชนาการ พร้อม ๆ กับการให้ความรัก ความเอาใจใส่กับสัตว์เลี้ยงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เขากลับมามีสุขภาพดี แข็งแรง จิตใจแจ่มใสได้มากกว่าครั้งไหน ๆ

เลี้ยงแมว ระบบปิด หรือระบบเปิด แบบไหนดีกว่ากัน ?

เลี้ยงแมวระบบปิด หรือระบบเปิด คงเป็นสิ่งที่ทาสแมวมือใหม่ลังเลใจกันอยู่ไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ เพราะเจ้าแมวมีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกัน บางพันธุ์ก็ดูแลง่าย บางสายพันธุ์ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นก่อนที่จะทำการเลือกแมวมาเลี้ยงควรทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงให้ดีเสียก่อน แล้วจะเลี้ยงแมวระบบปิด หรือระบบเปิดดีนะ มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ

น้องแมว

 

การเลี้ยงแมวระบบปิด หรือจะเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การเลี้ยงแมวในบ้าน โดยไม่ปล่อยแมวให้ออกไปเที่ยวเดินเล่นข้างนอกบ้านเอง แต่แน่นอนว่าทาสแมวหลาย ๆ คนจากที่เคยอยู่บ้านก็เปลี่ยนมาอยู่คอนโดมิเนียมกันมากขึ้น คอนโดมิเนียมหลายแห่งในปัจจุบันจึงอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทาสแมวจะหาซื้อของเล่นต่าง ๆ มาให้เล่น ให้ออกกำลังกายแทนเนื่องจากไม่สะดวกพาน้องออกไปข้างนอก และคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีพื้นที่ที่ออกแบบเพื่อน้องแมวโดยเฉพาะ นอกจากจะเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลางขึ้นไป

ส่วนการเลี้ยงแมวระบบเปิด คือ การเปิดอิสระเสรีให้แมวสามารถเดินออกไปไหนได้ตามสบาย จะเห็นได้จากเจ้าของที่อาศัยอยู่ที่บ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นชุมชน หรือเป็นบ้านโครงการเป็นส่วนใหญ่ ที่เลี้ยงแมวไว้ น้องแมวก็มักจะแอบออกมาเดินเล่นไปมา หรืออยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ พากันซนก็มี 

 

น้องแมว

ผลของการเลือกเลี้ยงแมวระบบปิด 

  1. น้องแมวปลอดภัย ไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหรือการถูกทารุณกรรม
  2. น้องแมวไม่ติดโรค หรือมีความเสี่ยงที่จะป่วยต่ำ เช่น เอดส์ ลิวคีเมีย ไข้หัด 
  3. ไม่ก่อความรำคาญหรือลำบากใจกับเพื่อนบ้านและกลุ่มคนที่ไม่ได้รักแมว
  4. น้องแมวไม่สูญหายหรือไม่กลับมา
  5. น้องแมวอายุยืน เพราะเราสามารถสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า

ผลของการเลือกเลี้ยงแมวระบบเปิด

  1. น้องแมวได้ออกกำลังกายเต็มที่
  2. ลดการเกิดโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน
  3. น้องแมวมีเพื่อนเล่น ในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่
  4. เสี่ยงอุบัติเหตุตกจากที่สูง (กรณีเจ้าของอาศัยอยู่คอนโด)
  5. น้องแมวเสี่ยงเป็นแมวจร เพราะหาทางกลับบ้านไม่เจอ

 

ดังนั้นก่อนที่จะทำการเลี้ยงแมวควรดูด้วยว่าตนเองมีความพร้อมในการเลี้ยงแมวในระบบไหน เพราะการเลี้ยงของทั้งสองระบบนี้จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญเลยการที่จะเลี้ยงน้องแมวหรือเลี้ยงสัตว์อื่น ๆ ควรมีเวลาที่จะเล่นและเอาใจใส่ให้มาก เพราะเขาสามารถสัมผัสถึงความรักและความเอาใจใส่ของผู้เลี้ยงได้

สุนัขแก่ ควรดูแลอย่างไร?

สุนัขแก่ ต้องดูแลอย่างไรดี? แน่นอนว่าถ้าน้องหมาอยู่กับเรา ใช้ชีวิตกับเราจนแก่ได้ขนาดนี้ ความรัก ความผูกพันย่อมต้องมีมากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ร่างกายของสุนัขก็เหมือนมนุษย์เรานั่นแหละ พออายุเยอะขึ้น สังขารก็ต้องมีโรยราตามกาลเวลาเป็นเรื่องธรรมดา ความแข็งแรงมีไม่เหมือนเดิม ต้องระมัดระวังหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ตั้งแต่อาหารการกิน การใช้ชีวิต ซึ่งไม่ต่างจากการดูแลผู้สูงอายุเลย จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงเองที่ต้องใส่ใจดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่จะต้องดูแลอย่างไร? มีความแตกต่างจากการดูแลน้องหมาวัยหนุ่มสาวอย่างไร อาหารสุนัข BUZZ PETS มีเคล็ดลับการดูแลมาฝาก 

 

สุนัขเริ่มแก่แล้ว สังเกตอย่างไร? 

อยู่ด้วยกันทุกวัน บางทีคุณอาจจะไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของสุนัขเท่าไรนัก ตามปกติแล้วสุนัขจะเริ่มแก่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 8 ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของน้องหมาแต่ละพันธุ์

  • สุนัขพันธุ์เล็ก จะเริ่มแก่เมื่ออายุเข้าปีที่  8 และอายุยืนถึง 14 -15 ปี
  • สุนัขพันธุ์กลาง จะเริ่มแก่เมื่ออายุ 6 – 7 ปี และอายุยืนถึงประมาณ 12 ปี 
  • สุนัขพันธุ์ใหญ่ จะเริ่มแก่เมื่ออายุ 5 – 6 ปี และอายุยืนได้ถึง 10 ปี

 

แต่นอกจากเรื่องของอายุแล้ว คุณยังสามารถสังเกตได้ลักษณะทางร่างกาย นิสัย ความขี้เล่นที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุขัย เช่น สีขน หากเป็นสุนัขที่มีหลายสี สีส่วนที่เข้มสุดจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงก่อนโดยเฉพาะขนบริเวณปาก ใบหน้า จะเปลี่ยนชัดเจนมาก น้องหมาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง ไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน มีอาการเหนื่อยง่ายเพิ่มเติม นอนบ่อยมากขึ้น บางตัวอาจมีอาการตาฝาง ผิวหนังเริ่มมีกระเนื้อเพิ่มขึ้น 

เมื่อความคล่องตัวไม่เหมือนเดิม ระบบภายในร่างกายเริ่มลดประสิทธิภาพในการทำงานลง ความขี้เล่น ความบ้าพลังเริ่มลดลงโรยราไปตามอายุ การดูแลน้องหมาก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม ซัพพอร์ตกับร่างกายที่เปลี่ยนไปของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ เพื่อให้น้องหมาอยู่กับเราอย่างแข็งแรงไปได้อีกยาว ๆ

 

สุนัข

 

“อาหาร” สิ่งสำคัญที่ต้องเปลี่ยนแปลง 

น้องหมาก็เหมือนกับเรา ที่พอแก่ตัวลงท้องไส้ก็เริ่มไม่คอยดี ย่อยอาหารยาก ท้องอืดบ่อย อึถ่ายไม่สะดวก แนะนำให้ลองเปลี่ยนมาให้น้องหมากินอาหารสุนัขที่มีโปรตีนในปริมาณที่พอดีเพื่อลดการทำงานของไต มีไขมันน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวันเท่านั้น และมีส่วนประกอบของไฟเบอร์สูง เพื่อให้น้องหมาย่อยอาหาร และขับถ่ายได้อย่างปกติ คุณอาจจะต้องดูให้ลึกไปถึงส่วนประกอบที่ใช้ผลิตอาหารเลย แนะนำให้เลือกอาหารสุนัขที่ใช้เนื้อแกะเป็นหลัก เพราะเนื้อแกะถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สัตว์เลี้ยงมีโอกาสแพ้น้อยมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายมากกว่าเนื้อแดงประเภทอื่น ๆ เปลี่ยนเวลาและปริมาณอาหารที่ให้เป็นประจำ จากปกติที่ให้น้องหมากิน 1 มื้อในปริมาณเยอะ ๆ ทีเดียวจบ คุณอาจต้องเปลี่ยนแบ่งเป็น 2 มื้อ แล้วลดปริมาณในแต่ละมื้อแทน นอกจากนี้ควรมีน้ำดื่มวางไว้ให้น้องหมาตลอดเวลาด้วย

สุนัข

การดูแลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สำคัญ 

นอกจากเรื่องอาหารแล้ว การดูแลน้องหมาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สำคัญมาก และทำให้เขาได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ดังนี้

สถานที่นอน : ควรรองที่นอนของน้องหมาให้นุ่มสบายมากขึ้น เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้นกับข้อต่อต่าง ๆ หรืออาการปวดเนื้อปวดตัวของสุนัขเมื่อเริ่มแก่ตัวลง  

การขับถ่าย : พอเริ่มแก่อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเจอคือเรื่องอั้นฉี่ ควรพาน้องหมาไปขับถ่ายให้บ่อยขึ้น หรือทำมุมปลดทุกข์ให้สุนัขไปเลย 

การออกกำลังกาย : ความบ้าพลังอาจจะหดหายไปบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้สุนัขนั่งซึมไม่พาไป Relax หรือออกกำลังกายเลย สิ่งนี้ยังสำคัญกับสุนัขอยู่ แต่แค่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ควรเป็นกิจกรรมที่ส่งผลเสียต่อข้อต่อ กระดูก หรือใช้พลังงานเยอะ หักโหมจนเกินไป 

การทำความสะอาด : สุขลักษณะของสุนัขยังคงเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าน้องหมาจะอยู่ในวัยไหน ยิ่งกับสุนัขแก่ที่ร่างกายเคลื่อนไหวลำบาก เริ่มทำความสะอาดขนตัวเองไม่ได้ มีปัญหาช่องปากที่เริ่มกินอาหารแข็ง ๆ ไม่ได้ เริ่มมีหินปูนเกาะซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามส่งผลต่อน้องหมาในอนาคต (อีกไม่ไกล) การใส่ใจในเรื่องนี้จะช่วยน้องหมาได้เยอะ 

เพราะน้องหมาบางตัวเป็นมากกว่าเพื่อนต่างพันธุ์ แต่เขาเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน การดูแลเขาให้ดีที่สุดในวันที่เขาแก่ตัวลงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงอย่างเรา ๆ ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้เขาสุขภาพแข็งแรง มีความสุขสนุกสนานกับเราไปได้เรื่อย ๆ

ไขข้อข้องใจ สุนัขกินอาหารคน ได้หรือไม่?

สุนัขกิน อาหารคน ได้หรือไม่? คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่พูดคุยกันมานานในกลุ่มคนรักสุนัขเลยก็ว่าได้ เพราะอาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว จึงทำเกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับอาหารของน้องหมา บ้างก็บอกว่าควรให้กินเฉพาะอาหารสุนัขเท่านั้น บ้างก็เลือกที่จะสลับระหว่างอาหารคนและอาหารสุนัข เพื่อลดอาการเบื่ออาหารหากกินแต่อาหารเม็ดเป็นเวลานาน บ้างก็เลือกที่จะปรุงอาหารให้สุนัขเองทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงใดคือเรื่องถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อสุนัขตัวโปรดของเรามากที่สุด วันนี้ BUZZ PETS FOOD มีข้อมูลมาฝาก

 

อาหารคน สุนัขกินได้แต่ต้องผ่านความใส่ใจ 

อาหารคน สุนัขสามารถกินได้ แต่ทุกอย่างต้องผ่านการใส่ใจสูง เพราะระบบภายในร่างกายของสุนัข (รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ) มีความซับซ้อนและแตกต่างจากมนุษย์มาก อาหารบางอย่างที่เราคิดว่าดี รสชาติอร่อย หรือมีประโยชน์กับเรามาก ๆ อาจจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุนัขเลยก็ได้ เช่น ตับย่าง ไก่ย่างหมักเค็มนำ อร่อยทั้งคนทั้งน้องหมา แต่ใครจะไปรู้ว่าอาหารปรุงรสโดยเฉพาะรสเค็มจะทำให้สุนัขกลายเป็นโรคไตวายในอนาคต ดังนั้นการใส่ใจก่อนคิดจะยื่นอะไรให้สุนัขตัวโปรดกินทุกครั้งจึงสำคัญ ไม่ใช่ว่าเห็นน้องหมาทำหน้าตาน่าสงสาร นั่งน้ำลายไหลมองเข้าหน่อยก็ใจอ่อนไปซะหมดนะ

 

สุนัข

 

อาหารที่จะให้สุนัขในแต่ละมื้อ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “โภชนาการ” ของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ทุกอย่างต้องครบถ้วน และเพียงพอต่อร่างกาย ปริมาณอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสัมพันธ์กับน้ำหนักตัว พันธุ์ อายุ การใช้พลังงานในแต่ละวันของสุนัข และเพราะความยากทั้งในเรื่องวัตถุดิบของอาหารที่บางชนิดสุนัขไม่สามารถกินได้ ขั้นตอนการปรุงอาหารที่ต้องคลีนมาก ไม่ควรแต่งรสชาติจนเหมือนอาหารคนที่เรารับประทานกันแบบปกติทั่วไป บวกกับการคำนวณโภชนาการต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเนี่ยแหละ จึงทำให้เจ้าของน้องหมาหลาย ๆ คนถอดใจ เพราะหากโภชนาการที่เราให้น้องหมาน้อยหรือมากเกินไป ทุกอย่างนี้จะแลกมากับสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวของสุนัขเอง

 

สุนัข

 

เลือกอาหารสุนัขดีกว่าอย่างไร? 

เพราะความยาก ความละเอียดของกระบวนการต่าง ๆ ในการปรุงอาหารให้สุนัข แถมหากคุณไม่ได้มีความรู้ด้านนี้โดยตรงมาก่อน ลองทำแล้วก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลดี หรือผลเสียต่อสุขภาพสุนัขของคุณกันแน่ จึงทำให้ “อาหารสุนัข” กลายมาเป็นทางเลือกสำคัญของคนรักสุนัขที่ต้องการดูแลเรื่องอาหารของน้องหมาให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ส่งเสริมให้เขามีสุขภาพดีในทุกด้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

ซึ่ง อาหารสุนัข ก็มาจากวัตถุดิบอาหารธรรมดาทั่วไปเนี่ยแหละ แต่จะผ่านการคำนวณปริมาณ ดูแลเรื่องประโยชน์ด้านโภชนาการต่าง ๆ ที่สุนัขจะได้รับอย่างเหมาะสม นำมาเข้ากระบวนการแปรรูปให้อยู่ในรูปแบบของอาหารเม็ดทำให้ง่าย และประหยัดเวลากับเรามากขึ้น 

แต่เพราะสุนัขแต่ละตัวมีปัจจัยหลายอย่างที่แตกต่างกัน ทั้งพันธุ์ อายุ ขนาดตัว พลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน จุดนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงเอง ที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับน้องหมาของคุณ เลือก BUZZ PETS FOOD อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมที่เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุด ครบถ้วน ถูกต้องตามหลักโภชนาการที่สัตว์เลี้ยงของคุณควรจะได้รับ เพื่อให้สุนัขตัวโปรดของคุณแข็งแรง สุขภาพดี พร้อมเล่นสนุกอยู่กับเราไปได้อีกยาว ๆ 

 

BUZZ PETS มีผลิตภัณฑ์หลายสูตรเพื่อให้คุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมมากที่สุดกับสัตว์เลี้ยงของคุณ มีตั้งแต่สูตรตามมาตรฐาน ไปจนถึงสูตรที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษ เช่น สูตรสำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องไขข้อ สูตรสำหรับลูกสุนัข หรือสูตรสำหรับสุนัขแพ้ง่าย เป็นต้น

วิธีดูแล น้องหมา ช่วงฮีตหรือติดสัด

น้องหมาช่วงฮีต หรือ ติดสัด เป็นสัญญาณธรรมชาติที่บ่งบอกได้ว่าพร้อมแล้วที่จะผสมพันธุ์แล้ว ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นช่วงที่มือใหม่หลาย ๆ คนกังวลและสับสนว่าควรจะรับมืออย่างไรดีกับการติดสัดของน้อง เนื่องจากนอกจากจะมีอาการติดสัดแล้วก็ยังร้องเสียงดังหลายครั้งจนทำให้เรายิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก วันนี้ Buzz Pets Food จึงมีวิธีดูแลน้องหมาช่วงฮีตหรือติดสัดมาฝากทุกคน 

 

 

สัญญาณเตือนและวงจรช่วงติดสัด (Estrus Cycle)

สัญญาณแรกที่สังเกตได้คือการบีบรัดของช่องคลอด อวัยวะเพศบวมแดงแต่จะสังเกตได้ไม่ชัดเจนมากนัก ทั้งนี้สามารถสังเกตได้อีกอย่างคือการมีของเหลวสีแดงไหลจากช่องคลอด ซึ่งคล้ายกับเลือดประจำเดือนในคน การเป็นสัดครั้งแรกจะเริ่มเมื่อสุนัขมีอายุประมาณ 6 – 12 เดือน แล้วแต่สายพันธุ์ โดยสามารถแบ่งวงจรช่วงฮีตหรือติดสัด (in heat) ได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้

 

  • ระยะก่อนติดสัด (Proestrus)  ระยะเวลาประมาณ 4 – 20 วัน อวัยวะเพศเริ่มขยายใหญ่ขึ้น มักจะเห็นเลือดหรือเมือกสีแดงสดไหลออกมา คล้ายเลือดประจำเดือนในคน ทำให้หลายคนเข้าใจว่าสุนัขมีประจำเดือน ซึ่งในช่วงนี้สุนัขจะก้มไปเลียอวัยวะเพศตัวเองเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังกินน้ำและขับถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้นด้วย

 

  • ระยะติดสัด (Estrus) ระยะเวลาประมาณ 5 – 13 วัน เลือดหรือเมือกสีแดงสดเริ่มจางลงเรื่อย ๆ สุนัขเพศเมียจะเริ่มสนใจสุนัขเพศผู้มากกว่าช่วงระยะก่อนติดสัด สังเกตได้ง่าย ๆ โดยใช้มือกดและแตะที่บริเวณหลังหรือเอวสุนัขแล้วดูว่าสุนัขยืนนิ่งยกหางหรือไม่ หากใช่ แสดงว่าเป็นการยอมรับการผสมพันธุ์นั่นเอง

 

  • ระยะหลังติดสัด (Diestrus) ระยะเวลาประมาณ 60 – 90 วัน อวัยวะเพศจะค่อย ๆ ลดขนาดลงจนกลับมาเท่าขนาดปกติ ไม่พบของเหลวไหลออกมาอีก แต่ถ้าหากน้องหมาผสมพันธุ์ไปแล้วในระยะติดสัด ก็จะตั้งท้องและคลอดลูกภายในระยะนี้

 

  • ระยะพัก (Anestrus)  ระยะเวลาประมาณ 2 – 3 เดือน เป็นระยะพักและซ่อมแซมมดลูกหรือเรียกได้ว่าเป็นระยะที่มดลูกเข้าอู่ในสุนัขที่เพิ่งออกลูก โดยเมื่อสิ้นสุดระยะนี้แล้วจะเข้าสู่วงรอบการติดสัดครั้งต่อไป

 

โดยเฉลี่ยส่วนมากแล้วสุนัขจะติดสัดประมาณ 2 รอบต่อปี หรือทุก ๆ 6 เดือน สำหรับสุนัขพันธ์ุเล็กอาจติดสัดได้มากถึง 3 รอบต่อปี ในขณะที่สุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีอาการติดสัดเพียง 2 รอบต่อปี ซึ่งถ้าน้องหมาเพิ่งมีอาการติดสัดในช่วงแรกก็ไม่ต้องตกใจไปที่วงจรการติดสัดอาจมีอะไรผิดสังเกตไปบ้าง เพราะโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ที่วงจรการติดสัดของน้องหมาถึงจะพัฒนาให้เป็นปกติ

 

 

น้องหมา

 

วิธีการดูแลน้องหมาช่วงติดสัด

  1. หากเราไม่ต้องการให้น้องหมาตั้งท้อง ควรกักบริเวณในช่วงระยะติดสัด แต่ถ้าอยากให้มีลูกช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพราะสุนัขจะยอมรับการผสมพันธุ์และเป็นช่วงที่ไข่ตก จึงมีโอกาสตั้งท้องสูงมาก
  2. หมั่นดูแลเรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำให้น้องหมาบ่อยครั้งขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่กินน้ำเยอะกว่าช่วงอื่น ๆ 
  3. ใส่ผ้าอ้อมหรือแพมเพิร์สให้น้องหมา เพื่อลดความยุ่งยากในการทำความสะอาด เพิ่มเวลาสังเกตและใส่ใจกับน้องหมามากขึ้นแทน
  4. สุนัขมักจะมีอาการกระสับกระส่ายมากขึ้นในช่วงติดสัด ดังนั้นจึงควรเล่นด้วยบ่อย ๆ และให้ความรักมากขึ้นเป็นพิเศษ
  5. ปล่อยให้น้องหมาได้ผ่อนคลายบ้าง เพราะในช่วงนี้จะมีอาการหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย โดยอาจจะพาไปวิ่งเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ

 

จะเห็นได้ว่าการสังเกตน้องหมาช่วงฮีตและติดสัด รวมถึงวิธีการดูแลน้องหมาในช่วงนี้ไม่ยากและไม่น่ากังวลอย่างที่คิดเลย ลองนำไปปรับใช้กันนะคะ แล้วคราวหน้าจะมีวิธีการดูแลน้องหมาอะไรอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ

 

ขี้เรื้อนแห้ง กับขี้เรื้อนเปียก ต่างกันอย่างไร

ขี้เรื้อน อีกหนึ่งโรคผิวหนังที่พรากความสวยงามและความมีชีวิตชีวาไปจากสุนัขของคุณ ที่มีต้นเหตุมาจากการติดปรสิตภายนอกที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้สุนัขมีอาการคัน ขนร่วง ผิวหนังแดง และเป็นแผลเลือดออกได้ ในปัจจุบัน โรคขี้เรื้อนสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ตามชนิดของไรซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ และอาการของโรค ดังนี้ Continue reading “ขี้เรื้อนแห้ง กับขี้เรื้อนเปียก ต่างกันอย่างไร”