ดูแลแมวแก่ เพื่อนรักที่อยู่กับเรามานาน ให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทาสแมวต้องเอาใจใส่ ไม่ปล่อยปละละเลยเท่านั้นเอง   แมวอายุกี่ปี ถึงเรียกว่าดูแลแมวแก่ ดูแลแมวแก่ ก็เหมือนการดูแลผู้สูงอายุย่อมมีความแตกต่างจากการดูแลในช่วงแรก ๆ ที่นำเขามาเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะอายุที่มากขึ้นจึงมักจะนำพาหลายปัญหาตามมาด้วย  แมวแก่จึงเป็นช่วงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม และการใส่ใจในเรื่องสุขภาพ แล้วเจ้าเหมียวของคุณอยู่ในวัยสูงอายุหรือยัง ? เราสามารถรู้ได้ จากการแบ่งช่วงวัยของแมว สามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้  
  • ช่วงโตเต็มวัย 7 - 10 ปี
  • ช่วงสูงวัย 11 - 14 ปี
  • ช่วงวัยชรา 15 ปีขึ้นไป โดยแมวอายุ 10 ปี จะเท่ากับคนอายุ 56 ปี 
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวเข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว คือ การดมกลิ่น รับรส และการได้ยินของเขาจะลดประสิทธิภาพลง มีปัญหาช่องปากและฟันมากขึ้น เช่น ฟันหลอ ฟันสึก ข้อต่อมีความยืดหยุ่นน้อยลงจึงมักเกิดปัญหาในยามที่ต้องเคลื่อนไหว เดินกะเพลก ปัญหาผิวหนังและขน ขนซีดลง หยาบกระด้าง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง หรือแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น นอนเยอะ ไม่เล่น ไม่เลียขน ซึ่งแมวแต่ละตัวจะแสดงสัญญาณแห่งความสูงวัยไม่เหมือนกัน    ดูแลแมวแก่ ดูแลแมวแก่ ต้องทำอย่างไร
  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ
เมื่อแมวเข้าสูงช่วงสูงวัยตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากตรวจพบโรคต่าง ๆ จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยโรคส่วนใหญ่ที่พบจะเกิดจากความเสื่อมสภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น
  • โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคที่เกี่ยวกับฮอร์โมน โดยอาการที่แสดงออก คือ แมวจะกินน้ำมาก ปัสสาวะมาก กินอาหารเยอะแต่น้ำหนักลด
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้เจ็บเวลาเคลื่อนไหว แมวจึงทำกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำน้อยลง เช่น การเที่ยวนอกบ้าน การเล่นสนุก เป็นต้น
  • โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตหรือรับฮอร์โมนไทร์ออกซินมากเกินไป อาการที่บ่งบอก คือ ขนเริ่มหยาบกระด่าง  แมวกินอาหารปกติ หรือมากกว่าปกติแต่น้ำหนักลด กินน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย
  • โรคปริทันต์ ปัญหาฟันและเหงือกที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการกินอาหารทำให้น้ำหนักลด น้ำลายยืด ปากปิดไม่สนิท ปากมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • โรคไต เกิดจากภาวะไตเสื่อมหรือได้รับบาดเจ็บ โดยโรคนี้มักแสดงอาการไม่ชัดเจน คือ กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ น้ำหนักลด โลหิตจาง มีแผลในปาก ซึ่งลักษณะอาการคล้ายกับโรคอื่น ๆ ที่กล่าวมา
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด อาการที่มักสังเกตได้คือ แมวจะไม่เล่น เซื่องซึม เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก น้ำหนักลด 
  • โรคมะเร็ง มีสาเหตุและอาการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่พบเซลล์มะเร็ง
เพราะโรคเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เราจึงห้ามลืมที่จะพาเจ้าเหมียวไปตรวจเช็กสุขภาพอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากพบอาการที่บ่งบอกโรคใดโรคหนึ่ง ต้องรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์ทันที ทั้งนี้ ถ้าเจ้าเหมียวมีประวัติเคยรักษาโรคหรือมีความเสี่ยง ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพทุก ๆ 6 เดือน จะดีที่สุด  
  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปออกกำลังกาย
อย่าปล่อยให้เจ้าเหมียวอายุมากอยู่นิ่งนาน ๆ ทาสแมวควรกระตุ้นให้น้องเล่นเบา ๆ อย่างน้อยวันละ 15 - 30 นาที อาจใช้ของเล่นที่น้องชอบเป็นตัวล่อ เพื่อให้น้องได้ขยับร่างกาย ซึ่งเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน  
  • ความสะอาด สิ่งสำคัญของการดูแลแมวแก่
แมวอายุมากมักเลียขนตัวเองลำบาก ทาสแมวจึงต้องดูแลแมวแก่โดยการช่วยแปรงขนให้น้องเป็นประจำ เพื่อกำจัดขนร่วงและขนที่พันกัน จะทำให้แมวมีสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้การทำความสะอาดบริเวณใบหน้าก็สำคัญ ส่วนใกล้ดวงตาอาจมีขี้ตาและคราบน้ำตา ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดอย่างเบามือ นอกจากนี้อย่าลืมตัดเล็บให้น้องด้วย เพราะเมื่อแมวแก่ตัวลง เขาจะไม่สามารถจัดการกับเล็บคม ๆ ได้เหมือนตอนยังวัยรุ่นอยู่
  • สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สำหรับดูแลแมวแก่
ทาสแมวจะต้องทำความสะอาดที่อยู่ของเจ้าเหมียวเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการติดปรสิต คอยจัดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายให้เข้าถึงง่าย และควรเพิ่มให้อยู่ทุกชั้นของบ้านที่แมวชอบไปอยู่ เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายและความเครียด นอกจากนี้ อย่าลืมเปลี่ยนและทำความสะอาดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายเป็นประจำ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค  
  • ดูแลแมวแก่ เรื่องอาหารสำคัญมาก
แมวแก่มักเบื่ออาหารง่ายทำให้น้ำหนักลด และอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ เพื่อลดการเกิดปัญหาดังกล่าว ทาสแมวจึงจำเป็นต้องให้อาหารแมวการออกแบบทั้งกลิ่น รสชาติ มีให้เลือกเยอะ ไม่จำเจ เพื่อแก้ปัญหาแมวเบื่ออาหารโดยเฉพาะ พร้อมกันกับมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ตัวอาหารต้องไม่แข็งหรือใหญ่จนเคี้ยวยาก เพื่อให้แมวกินอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเลือกอาหารที่ดีจะช่วยให้สุขภาพโดยรวมของแมวดีขึ้นตามไปด้วย เพราะสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดี ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่แมวกินเข้าไป    สุดท้าย อาหารก็เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการดูแลแมวแก่ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เลือกอาหารแมวคุณภาพดี อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารแมวเพื่อแมวทุกสายพันธ์ุ ไม่แต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็น มีให้เลือกหลากหลายรส ช่วยลดปัญหาเบื่ออาหารได้อย่างแน่นอน การดูแลแมวแก่ เป็นเรื่องความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของ เราต้องดูแลให้น้องมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ทอดทิ้ง อยู่กับเขาไปจนถึงวาระสุดท้าย ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวอาจไม่ได้น่ารัก หรือขี้เล่นเหมือนก่อน แต่เขาก็ยังคงเป็นเจ้าแมวเหมียวลูกรักตัวเดิมของคุณไม่เปลี่ยนแปลง