ขี้เรื้อน อีกหนึ่งโรคผิวหนังที่พรากความสวยงามและความมีชีวิตชีวาไปจากสุนัขของคุณ ที่มีต้นเหตุมาจากการติดปรสิตภายนอกที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้สุนัขมีอาการคัน ขนร่วง ผิวหนังแดง และเป็นแผลเลือดออกได้ ในปัจจุบัน โรคขี้เรื้อนสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ตามชนิดของไรซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ และอาการของโรค ดังนี้  

ขี้เรื้อนแห้ง VS ขี้เรื้อนเปียก

 
  • สุนัขคันอย่างรุนแรง เพราะเป็นขี้เรือนแห้ง
ขี้เรื้อนแห้ง เกิดจากไรขี้เรื้อน Sarcoptes scabei ซึ่งมีขนาดเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มาอาศัยและออกลูกออกหลานอยู่บนชั้นหนังกำพร้าของสุนัข เป็นเหตุให้สุนัขมีอาการคันตามตัวอย่างรุนแรง จนทำให้ผิวแดงอักเสบ ขนร่วง และเริ่มมีสะเก็ดแผลหนา ๆ ซึ่งมีโอกาสแพร่กระจายทั้งตัวได้ง่ายมาก    ขี้เรื้อน  
  • มีตุ่มแดง และตุ่มหนอง ขึ้นตามตัว สุนัขของคุณอาจเป็นขี้เรือนเปียก
โดยธรรมชาติ สุนัขจะมีไรขี้เรื้อนที่ชื่อว่า Demodex ตามรูขุมขน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคหากมีจำนวนน้อย แต่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น เป็นโรคทำให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น ส่งผลให้เจ้าไรตัวนี้เจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนจนเป็นสาเหตุให้เป็นโรคขี้เรื้อนเปียก โดยจะพบมากในสุนัขเด็กและสุนัขแก่ ซึ่งจะแสดงอาการคันอย่างรุนแรง ขนร่วง ผิวหนังแดง มีตุ่มแดงเล็ก ๆ อักเสบจนกลายเป็นตุ่มหนอง ผิวหนังเยิ้มแฉะ มีกลิ่นตัวรุนแรง มีแผลอักเสบ แผลหลุม และแผลโพรงทะลุ เกิดขึ้นบริเวณนั้น ทั้งนี้ โรคขี้เรื้อนเปียกแบ่งได้ 2 แบบ ตามการแพร่กระจาย ดังนี้ 
  1. ขี้เรื้อนเปียกแบบเฉพาะที่ ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณแก้ม ขาหน้า เหนือคิ้ว เป็นต้น
  2. ขี้เรือนเปียกแบบกระจาย จะเกิดขึ้นตามส่วนของใบหน้า ลำตัว ขา และเท้า กระจายเป็นบริเวณกว้าง
ขี้เรื้อน หากสุนัขของคุณมีอาการของโรคขี้เรื้อนตามที่กล่าวมา ให้รีบแยกน้องออกจากสุนัขตัวอื่น ในกรณีที่เลี้ยงสุนัขมากกว่า 1 ตัว เพราะโรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมาก จากนั้นให้รีบพาน้องไปรักษาโดยเร็วที่สุดก่อนที่อาการจะลุกลามใหญ่โต ซึ่งวิธีรักษาที่นิยม คือ
  • ฉีดยารักษาขี้เรื้อน เพื่อฆ่าตัวไร ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อฉีดซ้ำทุก ๆ 10 - 14 วัน จนกว่าจะหายสนิท
  • ทา หรือหยดยาฆ่าตัวไรบริเวณรอยโรค
  • กินยาที่มีฤทธิ์ฆ่าตัวไร
  • อาบน้ำด้วยแชมพูยาเฉพาะรักษาโรคขี้เรื้อน
  จะเห็นได้ว่า ขี้เรื้อน ไม่ใช่โรคผิวหนังธรรมดา ๆ แต่น่ากลัวไม่แพ้โรคอื่นเลย ทางที่ดี หากสุนัขของคุณยังไม่ประสบกับปัญหานี้ ตัวเจ้าของอย่างเราเองก็ต้องช่วยปกป้องด้วยการดูแลความสะอาดของสุนัขให้ดี อาบน้ำเป็นประจำ ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อวางโปรแกรมจัดการปรสิตอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง และภูมิคุ้มกันที่ดีให้สุนัข ด้วยการเลือกอาหารสุนัขคุณภาพ ที่มีสูตรสำหรับสุนัขที่มีปัญหาสุขภาพผิวหนังโดยเฉพาะ อย่าง Buzz Indoor & Sensitive Skin รับรองว่าสุนัขของคุณจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน แถมยังมีสุขภาพผิวหนังและขนที่ดีอีกด้วย