Cook With Heart, Feed With Love™

Superfood อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ควรมองข้าม

Superfood อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง คือ? 

ในปี 2014 คำว่า Superfood (ซุปเปอร์ฟู๊ด) ถูกเพิ่มเข้าไปในพจนานุกรมอย่าง Merriam- Webster ซึ่งแปลคร่าวๆได้ว่า “วัตถุดิบ (เช่น ปลาแซลมอน บลูเบอร์รี หรือ บร็อคโคลี) ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารตามธรรมชาติ (เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟเบอร์ หรือ กรดไขมัน) ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย”

Superfood มีอะไรบ้าง และ มีประโยชน์อย่างไร

ปลาแซลมอน ซุปเปอร์ฟู๊ด อาหารสุขภาพสำหรับหมาและแมว

เนื้อปลา ชนิดต่างๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาเนื้อขาว ปลาแฮร์ริง ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์

  • ประกอบไปด้วย โปรตีนคุณภาพ กรดโอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการอักเสบ และ ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้เงางาม

เนื้อไก่

  • โปรตีนคุณภาพ แคลอรีต่ำ ประกอบไปด้วย วิตามิน บี และ วิตามิน ดี แร่ธาตุ (ซีลีเนียม ธาตุเหล็ก และ ฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง) ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ตัวแน่น แข็งแรง บำรุงหัวใจ ต่อมไทรอย บำรุงสายตา และ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ถั่วลันเตา

  • ประกอบไปด้วย วิตามินเอ วิตามินเค และ วิตามินบี คาร์โบไฮเดรต และ ไฟเบอร์ มี Lutein ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ดีต่อผิวหนัง หัวใจ และ สายตา มี Linoleic acid ช่วยบำรุงผิวหนังและขน

ผลบลูเบอร์รี ซุปเปอร์ฟู๊ด

ผลบลูเบอร์รี

  • ผลไม้แคลอรีต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านมะเร็ง ชะลอความเสื่อมวัยของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ประกอบไปด้วย วิตามิน ซี และ วิตามินเค ไฟเบอร์ และ แอนไทไซยานิน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและ การทำงานของระบบประสาทและสมอง 

ซุปเปอร์ฟู๊ด ผักโขม แครนเบอร์รี เมล็ดแฟลกซ์

บร็อคโคลี

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านมะเร็ง วิตามิน เค แคลเซียม และ โพแทสเซียม ช่วยเพิ่มมวลกระดูก ไฟเบอร์ ช่วยเพิ่มกากใยอาหารที่ดีต่อระบบขับถ่าย 

ผลแครนเบอร์รี

  • ผลไม้แคลอรีต่ำ ประกอบไปด้วย วิตามิน ซี โพแทสเซียม และ ไฟเบอร์ ดีต่อระบบกระเพาะปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว ลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาทางเดินอาหาร และ ช่วยลดอาการอักเสบ (anti-inflammatory)

ผักโขม

  • มีวิตามิน แร่ธาตุ โอเมก้า 3 และ ไฟเบอร์ ดีต่อระบบขับถ่าย มีไนเตรท กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด และ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็ง ชะลอวัยและการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดความเครียด และมี Letein ช่วยบำรุงสายตา

เมล็ดแฟลกซ์

  • มี ไฟเบอร์ โอเมก้า 3 วิตามิน บี และ สารต้านอนุมูลอิสระ จาก ลิกแนน (Lignans) สารอาหารเหล่านี้ช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สัตว์เลี้ยง ดีต่อหัวใจ หลอดเลือด และ ตับ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง อาการข้ออักเสบ และ ช่วยบำรุงขน 

แครอท 

  • มีวิตมิน เค และ อี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และ เบต้าแคโรทีน ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ต่างๆ และ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

แอปเปิ้ล

  • ประกอบไปด้วย วิตามิน เอ และ ซี ไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำดีต่อระบบขับถ่าย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 
  • ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงกินส่วนเมล็ด หรือ แกนกลาง เพราะในเมล็ดแอปเปิ้ล มีสารไซยาไนด์เหมือนในเมล็ดองุ่นและลูกพลัมที่เป็นพิษต่อสุนัขและแมว

ไข่ไก่

  • โอเมก้า 3 และ DHA ดีต่อสายตา และ ระบบประสาทและสมอง ช่วยลดความเสี่ยงอาการข้ออักเสบในสัตว์เลี้ยงสูงวัย โปรตีนคุณภาพช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้ชุ่มชื้น ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเนื้อเยื่อและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ มีวิตามิน เอ และ บี 12 เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

นี่เป็นเพียงแค่วัตถุดิบบางส่วนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Superfood อาหารที่ดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และมีประโยชน์มากมาย
หากผู้เลี้ยงต้องการผสมหรือให้วัตถุดิบเหล่านี้เป็น ของทานเล่น หรือ นำไปผสมกับอาหารมื้อหลัก แนะนำให้หาข้อมูลให้ครบถ้วนและจัดเตรียมวัตถุดิบแต่ละชนิดด้วยการผ่านกรรมวิธีที่ถูกต้อง จึงจะปลอดภัยและส่งผลดีต่อสัตว์เลี้ยง
ที่สำคัญ “ควรให้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป” และอย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ (Carnivores) และสุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อและพืช (Omnivores) แต่โดยกำเนิด  ดังนั้นในอาหารส่วนประกอบควรมีโปรตีนเป็นหลักอยู่ในทุกๆมื้อ

ตัวเลือกที่สะดวกยิ่งกว่า เมื่อ Superfood อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงถูกอัดแน่นอยู่ใน “อาหารเม็ด”

หากใครไม่มีเวลาเตรียมหาซื้อวัตถุดิบ Superfood เหล่านี้ Buzz มีตัวเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลามากกว่า

ทุกสูตรผ่านการคิดค้นสูตรโดยนักโภชนาการ ผลิตและนำเข้าจากประเทศเบลเยียมโดยโรงงานที่ผ่านตามมาตรฐาน AAFCO สมาคมควบคุมอาหารสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วยวัตถุดิบ Superfood อาหารสุขภาพสำหรับสุนัขและแมว ที่มีคุณภาพและประโยชน์คับถุง มีโภชนาการที่เหมาะสมต่อสัตว์เลี้ยงในแต่ละวัน 

 

 

กำราบน้องหมาชอบทำลายข้าวของ ต้องทำอย่างไร?

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ ชอบกัด ชอบเล่นสิ่งของต่าง ๆ จนพัง คุณสามารถฝึกเขา ทำให้เขารู้ได้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ควรทำได้ด้วยตัวคุณเอง 

 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ จะมองว่าเป็นพฤติกรรมปกติตามธรรมชาติของสุนัขก็ได้ ถ้าน้องหมาเลือกกัด เลือกเล่นเฉพาะของเล่น หรือสิ่งที่ของที่เราซื้อมาเพื่อรองรับนิสัยส่วนตัวของเขา แต่ถ้าวันใดน้องหมาเริ่มเพิ่มเลเวลการทำลายข้าวของไปที่เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงของที่มีมูลค่าสูงเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มมองแล้วค่ะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอแล้ว เพราะนอกจากจะสร้างความปวดหัว ปวดใจกับเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อของใช้ใหม่โดยใช่เหตุแล้ว เรื่องนี้ยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับน้องหมา จนคุณอาจจะเผลอทำร้าย ตี จนเกิดความระแวงกันทั้ง 2 ฝ่ายโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรผิดค่ะ 

ดังนั้น การเข้าใจนิสัยสุนัขก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกเขา สอนเขาให้รู้ว่าพฤติกรรมของน้องหมาที่ชอบทำลายข้าวของเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จะถือเป็นทางออกระยะยาว ที่จะทำให้น้องหมาที่คุณรักกลายเป็นสัตว์เลี้ยงนิสัยดี ที่ไม่สร้างความลำบากใจในเรื่องชอบทำลายข้าวของอีกต่อไปค่ะ  

 

พฤติกรรมชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากอะไร? 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งระดับการทำลายล้างสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของน้องหมาต้องสังเกตพฤติกรรมก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ  

  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 1 : จะเริ่มจากการกัด แทะ สิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน (นอกเหนือจากของเล่น) แทะขอบเฟอร์นิเจอร์ ขาโต๊ะ รถ ชอบขุดดิน เคี้ยวต้นไม้ มักจะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้เวลาเจ้าของไม่อยู่บ้าน 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 2 : จะเริ่มทำลายข้าวของให้เจ้าของเห็น เพื่อเรียกร้องความสนใจ 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 3 : ไม่ใช่แค่แทะหรือกัดแค่อย่างเดียวแล้ว แต่น้องหมาจะเริ่มกินสิ่งที่กัดเข้าไปด้วย มีพฤติกรรมกัด – แทะเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีโอกาสทำทั้งที่เจ้าของอยู่ และเจ้าของไม่อยู่ 

หมาชอบทำลายข้าวของ

วิธีแก้ไขพฤติกรรมน้องหมาชอบทำลายข้าวของ 

ปัญหานี้ควรแบ่งการแก้ปัญหาออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเริ่มต้นจากตัวคุณเอง 

  • เก็บของใช้ต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นให้พ้นเงื้อมมือสุนัข โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ แว่นตา หรือของใช้อื่น ๆ ที่คุณหยิบจับบ่อยจนเขารู้ว่าคุณต้องสนใจ หรือใช้งานของชิ้นนั้น ๆ เป็นพิเศษแน่ ๆ  
  • เก็บของมีค่าราคาแพงไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด เพราะน้องหมาเขาไม่มารู้นะ ว่าของชิ้นไหนแพง ของชิ้นไหนถูก 
  • พอน้องหมาเริ่มโตแล้ว ควรหยุดให้ของใช้ส่วนตัวกับสุนัขเพื่อเอาไว้เล่นค่ะ เพราะเขาจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนของเก่า ของใหม่ พาลจะกัดเล่นเละเทะไปเสียหมดได้
  • ห้ามตะคอก หรือทำร้ายน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นความผิดในครั้งแรก หรือหลาย ๆ ครั้งก็ตาม เรายังเชื่ออยู่ว่าการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุยังคงเป็นเรื่องดีที่สุด

การแก้ไขปัญหาจากตัวน้องหมา 

หลังจากที่เราจัดการของใช้ ของมีค่าต่าง ๆ ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการทำความเข้าใจน้องหมากันบ้างค่ะ 

  • ดูวัยของเขาก่อน ในช่วง 3 – 5 เดือนแรก อาจจะอยู่ในช่วงคันฟัน กัดนู้นกัดนี้เละไปหมด แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ฝึกน้องหมาง่ายที่สุด เริ่มแรกทำให้เขารู้จักว่าอะไรเล่นได้หรือเล่นไม่ได้ก่อน แนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ชมเขาทุกครั้งที่เขาเล่นของเล่นของตัวเอง เฝ้าสังเกตบ่อย ๆ หากน้องหมาเริ่มวอกแวกจะกลับไปกัดแทะข้าวของอื่น ๆ ให้ส่งเสียเตือนก็พอ 
  • หากน้องหมามีอาการ หรือสัญญาณที่ความไม่ปกติ ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดให้เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาให้ตรงจุดก่อนค่ะ ให้เวลา ให้ความรัก ความเอาใจใส่เขาบาง พาไปจูง พาไปวิ่งเล่นออกกำลังกายให้น้องหายเครียด คลายความกังวลบ้างค่ะ 
  • สิ่งสำคัญที่ห้ามทำเลยคือการลงโทษค่ะ ถึงแม้ว่าน้องจะเผลอกัดแทะสิ่งของจนพังไม่นานมานี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีน้องหมาก็ไม่รู้แล้วค่ะว่าเขาผิดอะไรถึงถูกลงโทษ หากน้องโดนดุ โดนลงโทษบ่อย ๆ จนหวาดกลัว ระแวงคุณมากขึ้นไปอีกไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ดุร้ายออกมาอย่างแน่นอนค่ะ 

 

เพราะการสังเกตสุนัขของตัวเอง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความเป็นเขาอย่างมากขึ้นจะเป็นเรื่องที่คุณสามารถใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับน้องหมาได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องน้องหมาชอบทำลายข้าวของเท่านั้นนะคะ แต่สิ่งนี้ถือเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง 

นอกจากการใส่ใจในเรื่องพฤติกรรม ลักษณะนิสัยของสุนัขแล้ว อย่าลืมดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพของน้องหมาด้วยอาหารที่เหมาะสม และตอบโจทย์ในด้านโภชนาการอย่างแม่นยำมากที่สุด ด้วย BUZZ อาหารสุนัขที่เข้าใจน้องหมามากที่สุด มีให้เลือกหลายสูตร ตั้งแต่สูตรมาตรฐาน สูตรสำหรับสุนัขเล็ก สุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขพันธุ์ใหญ่ รวมไปถึงสูตรพิเศษที่จะเน้นเพิ่มการดูแลให้น้องหมามากเป็นพิเศษค่ะ 

 

โรคข้อสะโพกเสื่อม ปัญหายอดฮิตของเจ้าตูบตัวยักษ์

โรคข้อสะโพกเสื่อม สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อการเคลื่อนไหวของเจ้าตูบตัวยักษ์ เพื่อให้เจ้าตูบวิ่งเล่นสนุกไปกับคุณได้อีกนาน เราจึงต้องหาทางป้องกันก่อนเกิดปัญหานี้

โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia ) เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับสุนัขสายพันธ์ุใหญ่ โดยเกิดจากโครงสร้างข้อสะโพกมีรูปร่างและการเคลื่อนที่ผิดปกติ ทำให้กระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้ากับเบ้าสะโพกได้พอดี จึงนำไปสู่การอักเสบของกระดูกและข้อ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของสุนัข ด้วยอาการเจ็บและปวดบริเวณข้อสะโพก ส่งผลให้ลุก นั่ง ก้าวขึ้นที่สูงลำบาก เดินกะเผลก ลักษณะการยืนก็จะผิดปกติ โดยขาหลังจะชิดกัน แต่ปลายขา และเท้าชี้ออกด้านข้าง จนสุนัขไม่อยากทำกิจกรรม เดิน และยืน เมื่อขาไม่ได้ถูกใช้งานนาน กล้ามเนื้อจะลีบ ทำให้เกิดอาการสองขาหลังอ่อนแรงได้

โรคข้อสะโพกเสื่อม

โรคข้อสะโพกเสื่อมเกิดขึ้นจากอะไร ?

สาเหตุของโรคข้อสะโพกเสื่อม มักถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม พบมากในสุนัขพันธ์ุใหญ่บางสายพันธ์ุ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, ร็อตไวเลอร์, เยอรมัน เชพเพิร์ด, เซนต์เบอน์นาร์ด, ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อีก คือ

  • สุนัขอายุมาก กระดูกเสื่อม และการดูดซึมแคลเซียมน้อยลง
  • สุนัขน้ำหนักเกิน เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม
  • เลี้ยงสุนัขบนพื้นลื่น ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อสะโพกได้ง่าย
  • เลี้ยงสุนัขในพื้นที่จำกัดมาก ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกาย เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อลีบ และขาหลังอ่อนแรงได้

เมื่อเริ่มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรืออาการเจ็บปวดที่สุนัขแสดงออก ควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการวินิจฉัยอาการของโรค จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยในปัจจุบันโรคข้อกระดูกเสื่อมสามารถรักษาได้หลายวิธี ดังนี้

การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อม

  • การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อมด้วยยา เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้อาหารเสริมจำพวกกลูโคซาไมด์ และคอนดรอยติน เพื่อเสริมสร้างกระดูกอ่อน และน้ำไขข้อ
  • การผ่าตัด ในกรณีที่มีการบาดเจ็บและอักเสบของข้อสะโพกรุนแรง
  • การกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวด ฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณข้อ และช่วยให้สุนัขกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติ

 

หากโรคข้อกระดูกเสื่อมยังไม่เกิดกับเจ้าตูบตัวยักษ์ของคุณก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าชะล่าใจไป เราควรหาทางป้องกันก่อนเกิดโรคไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการพาเจ้าตูบตัวยักษ์ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักเจ้าตูบให้อยู่ที่เกณฑ์ที่เหมาะสม โดยเลือกอาหารสุนัขที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอย่าง Healthy life Limited Ingredients สูตรเนื้อแกะแท้ บำรุงข้อกระดูก ที่มีกลูโคซามีน และคอนดรอยติน ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก ป้องกันความผิดปกติของกระดูก และชะลอการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อต่อ จึงเหมาะกับสุนัขพันธ์ุใหญ่เป็นอย่างมาก เพื่อให้เจ้าตูบได้วิ่งเล่นกับคุณไปนาน ๆ 

 

เรื่องต้องรู้ของมือใหม่ หัดเลี้ยง ลูกสุนัข

เทคนิคการเลี้ยง ลูกสุนัข ที่ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่าต้องรู้และเข้าใจ เพื่อให้น้องหมาโตขึ้นมาอย่างมีสุขภาพร่างกาย สุขภาพใจที่ดี ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง? 

 

การเลี้ยง ลูกสุนัข ถือเป็นการเข้ามาของสมาชิกใหม่ที่เพิ่มความสดใส และเสียงหัวเราะให้คนในบ้านไม่น้อยเลยค่ะ ด้วยความน่ารักตามวัยของเขาเอง จึงทำให้หลายคนตกหลุมรักเจ้าตัวแสบเหล่านี้ได้ง่าย ๆ แต่ความน่ารักสดใสของลูกสุนัขนี้ ก็แฝงมาด้วยความซนความแสบที่คุณต้องรับมือ พร้อม ๆ กันกับการดูแลสุขภาพ อาหาร พฤติกรรมที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาโตขึ้นมาเป็นสุนัขนิสัยดี ฉลาด แข็งแรงต่อไปในอนาคต แต่เรื่องอะไรบ้าง? ที่มือใหม่หัดเลี้ยงลูกสุนัขต้องรู้… เรามีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

ลูกสุนัขกับเลเวลความซน x10 ที่คุณต้องรับมือ 

ลูกสุนัขอายุประมาณ 2 – 3 เดือน (ช่วงเวลาที่นิยมเริ่มต้นเลี้ยงมากที่สุด) ถ้าเทียบกับเด็กก็เป็นวัยกำลังหัดวิ่งเลย ระดับความซน ความทะโมนย่อมคูณสิบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ที่มีความป่วน กวน บ้าพลังเป็นทุนเดิม เจ้าของอย่างเราจึงมีหน้าที่ต้องคอยห้าม คอยฝึกเขาในกรณีที่ความซนของเขามันเกินลิมิต การสอนให้เขารู้จักฟังคำสั่ง รู้ว่าอะไรคือเรื่องที่ห้ามทำ เหนื่อยวันนี้ส่งผลดีต่อน้องหมาในอนาคตแน่นอน 

 

สิ่งที่ต้องรับมือมากเป็นพิเศษคืออาการคันฟันของสุนัข เขาจะกัดทุกอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่ตัวคุณไปยันเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งลูกสุนัขเองจะยังไม่รู้จักยั้งแรง ไม่รู้ว่าแรงกัดขนาดไหนที่ทำให้คุณเจ็บ การฝึกให้เขาหยุดกัดจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้เขาติดนิสัยชอบกัด จนกลายเป็นน้องหมาดุร้ายในอนาคต 

  • หาของเล่นสำหรับลูกสุนัขที่ซัพพอร์ตอาการคันฟันของน้องหมา เลือกที่ปลอดภัยมั่นใจว่าจะไม่มีสารเคมีตกค้าง หรือเป็นอันตรายต่อสุนัขจริง ๆ 
  • หากลูกสุนัขเริ่มเล่นกับคุณด้วยการกัดที่แรงขึ้น ให้คุณเจ้าของร้องออกมาด้วยเสียงที่สูงเลียนแบบเสียงร้องของสุนัขเวลาเจ็บ ผ่อนแรงในส่วนที่เขากำลังกัดอยู่ลง และหยุดเล่นกับลูกสุนัขทันที เพื่อให้เขารู้ตัวว่าการกัดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 
  • สำหรับน้องหมาที่ดื้อมาก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกัด คุณสามารถดุด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติได้แต่ห้ามตี ห้ามใช้ความรุนแรงนะคะ และไม่ควรใช้วิธีร้องเลียนเสียงสุนัขบ่อยเกินไป เพราะน้องหมาจะไม่เกิดการเรียนรู้ 

ลูกสุนัข

ความสะอาด สุขภาพ และการรับวัคซีนให้ครบสำคัญ 

เพราะลูกสุนัขก็เหมือนเด็กอายุน้อย ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ของร่างกายยังไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น บวกกับความซนของเขาที่อาจจะแจ็คพอตแตกเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดเข้า เจ้าของอย่างเรามีหน้าที่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข 

 

ยิ่งซนยิ่งต้องสะอาด : การอาบน้ำ ทำความสะอาดเป็นการเสริมสุขลักษณะที่ดีให้น้องหมา โดยเฉพาะหากลูกสุนัขไปเล่นซนจะเลอะมาทั้งตัว ยิ่งต้องรีบทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้จำเป็นต้องมีค่า pH เหมาะกับผิวหนังลูกสุนัข ห้ามใช้แชมพูของคนเด็ดขาด และทุกครั้งที่อาบน้ำเสร็จต้องเป่าขนให้แห้ง เพื่อรักษาสภาพผิวหนังให้ดีอยู่เสมอ ไม่มีปัญหาเชื้อราหรือโรคอื่น ๆ ตามมา 

 

การรับวัคซีน ถ่ายพยาธิคือเรื่องขาดไม่ได้ : ถือเป็นเรื่องสำคัญของเจ้าของลูกสุนัขทุกตัวที่ต้องให้ความสำคัญกับการรับวัคซีนสุนัขให้ครบถ้วนทุกชนิด กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ เพราะค่าใช้จ่ายของโรคเหล่านี้มีสูงมาก 

เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรงด้วยอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ 

ด้วยร่างกายที่ต้องเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของลูกสุนัข จึงทำให้เขาจำเป็นต้องได้สารอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการที่ครบถ้วน เหมาะสมกับสุขภาพเพื่อช่วยในเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรง และได้รับพลังงานอย่างเพียงพอในแต่ละวัน บวกกับข้อจำกัดบางอย่างภายในร่างกาย ขนาดกระเพาะที่ยังเล็กอยู่ รวมไปถึงวัตถุดิบบางอย่าง อาทิ นมวัว กระดูก อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร จึงทำให้เจ้าของควรเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะอย่าง Buzz Healthy Life สูตร Puppy Growth สูตรเนื้อแกะแท้ โปรตีนคุณภาพสูงนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ช่วยลดอาการแพ้อาหาร เสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีสารสกัดจากโรสแมรี่ช่วยลดอาการเครียดในสุนัข เม็ดอาหารมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เลือกให้เหมาะสมกับพันธุ์ของลูกสุนัขได้ 

 

เพราะการเลี้ยงดูลูกสุนัขด้วยความรัก ความเข้าใจ และอาหารที่ดีที่สุด ถือเป็นจุดเริ่มที่จะทำให้ลูกสุนัขตัวน้อยของคุณ เติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบมากที่สุดค่ะ 

4 เคล็ดลับ ฝึกลูกหมา ให้น่ารักเชื่อฟัง นิสัยดี

การ ฝึกลูกหมา ให้น่ารัก พูดรู้เรื่อง ขับถ่ายเป็นที่ ขอมือได้ สวัสดีได้ ถือเป็นความใฝ่ฝันเบื้องต้นที่ทาสหมาทั้งหลายต้องการให้เจ้าตัวแสบของตัวเอง เป็นไปตามที่ใจต้องการ แต่ให้อยู่เฉย ๆ น้องคงไม่มีการเรียนรู้หรอกค่ะ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องฝึกลูกหมาเอง ให้เขารู้จักฟังคำสั่งของเรา ซึ่งการฝึกลูกหมาตัวเล็กอายุไม่เกิน 5 เดือน มีความง่ายกว่าน้องหมาตัวโตเยอะ คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่ควรเริ่มจากอะไร? และควรฝึกอะไรในเบื้องต้นบ้าง มาดูกันค่ะ 

 

ฝึกลูกหมาให้ขับถ่ายเป็นที่ 

การฝึกลูกหมาในเบื้องต้น ควรเริ่มจากการฝึกให้น้องขับถ่ายให้เป็นที่ก่อนในอันดับแรกค่ะ น้องหมาจะจำสถานที่ขับถ่ายของตัวเอง และจะขับถ่ายบริเวณนั้นไปเรื่อย ๆ จนเปรียบเสมือนห้องน้ำของเขา คงไม่ดีแน่หากห้องน้ำของเขาจะกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านต่าง ๆ ของเรา การฝึกให้เริ่มจากเจ้าของต้องคอยสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายของเขา หากน้องหมามีทีถ้าว่าจะอุจจาระ หรือปัสสาวะให้ส่งเสียงบอกเขาว่า “ไม่” และรีบอุ้มเขาพาไปยังจุดที่คุณเตรียมไว้ให้เป็นที่ขับถ่ายทันที แต่ห้ามตีเด็ดขาด ทำครั้งแรกน้องหมาอาจจะตกใจกลัวจนไม่กล้าขับถ่าย ไม่ต้องกังวลค่ะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 2 – 3 ครั้ง ลูกหมาจะเริ่มรู้ด้วยตัวเองแล้ว ว่านี้คือสถานที่ที่เขาต้องมาหากต้องการขับถ่าย เพียงเท่านี้ลูกหมาของคุณก็จะขับถ่ายเป็นที่แบบนี้ไปตลอดค่ะ ที่สำคัญหากน้องหมาเริ่มขับถ่ายเป็นที่เป็นทางตามที่คุณสอนแล้ว อย่าลืมชมเขาด้วยล่ะ 

 

ฝึกลูกหมาให้รู้จักชื่อตัวเอง 

การฝึกให้ลูกหมารู้จักชื่อตัวเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรับคำสั่งต่าง ๆ และเป็นการฝึกลูกหมาที่ง่ายที่สุด เพียงแค่ทุกครั้งที่เล่น ทุกครั้งที่เรียกน้องหมาให้เรียกด้วยชื่อของเขา สบตาทุกครั้งเวลาเรียก ทำย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เรียกตลอดเวลา และอย่าใช้สรรพนามอื่น ๆ อย่างน้องหมา ตัวเล็ก ในช่วงแรก จะเอ็นดูหรือหมั่นเขี้ยวแค่ไหนก็ต้องให้เขารู้จักชื่อของตัวเองก่อน ใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์เขาจะสามารถรู้ได้อย่างแน่นอนว่าตัวเขาชื่ออะไร

ฝึกลูกหมา

ฝึกลูกหมาให้ฟังคำสั่ง ไม่ทำลายข้าวของ 

เพราะสุนัขมีสัญชาติของการอยู่ด้วยกันเป็นฝูงติดตัวมา การฝึกลูกหมาจึงควรจะเป็นเจ้าของเพื่อให้เขารู้ว่าหัวหน้าฝูงที่เขาต้องเชื่อฟังคือใคร สิ่งสำคัญในการฝึกลูกหมาให้เชื่อฟังคือรางวัล น้ำเสียงและความอดทนค่ะ น้องหมาจะรับรู้ได้จากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป (เวลาเราทำเสียง 2 คุยกับน้องหมา เขาถึงดีใจไง) ห้ามตะโกน หรือตะคอกโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด 

  • ใช้คำที่สั้น กระชับ เมื่อคุณต้องการออกคำสั่ง 
  • ใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวานน่าฟัง เมื่อต้องการชม 
  • ใช้คำที่กระชับ น้ำเสียงดุดัน และดังขึ้นเล็กน้อย เมื่อต้องการจะดุ หรือตักเตือน 

ทุกครั้งที่ฝึกลูกหมา อย่าลืมเตรียมของรางวัลเป็นขนมสำหรับสุนัขเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เขาจำได้ว่าหากเชื่อฟังจะได้รับรางวัล 

 

ฝึกลูกหมาให้กินอาหารเป็นเวลา 

การฝึกให้น้องหมากินเป็นเวลา ถือเป็นเรื่องดีที่จะส่งผลต่อสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักให้สมส่วนได้ในระยะยาว นอกจากการเลือกอาหารให้เหมาะสมกับพันธุ์ และอายุสุนัขด้วย Buzz อาหารสุนัขสูตร Puppy Plus แล้ว ช่วงเวลาในการให้อาหารสุนัขควรให้อาหารวันละ 2 – 3 ครั้งต่อวัน โดยควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละครั้งให้เหมาะสม รวมแล้วต่อวันไม่มากหรือน้อยจนเกินไป (ใครไม่แน่ใจในปริมาณที่ให้ อาจจะใช้วิธีแบ่งเป็นอาหารต่อวันก่อนแบ่งเป็นมื้อก็ได้) โดยในการให้อาหารทุกครั้งควรฝึกให้มีเวลากิน 30 – 40 นาที เมื่อครบกำหนดต้องเก็บทันที ห้ามใจอ่อนถึงแม้ว่าในช่วงแรกที่ฝึกลูกหมา เขาจะยอมกินตรงตามเวลาก็ตาม 

แต่นอกจากการฝึกลูกสุนัขให้เชื่อง ให้เชื่อฟังคุณแล้ว เรื่องของความรัก การดูแลเอาใจใส่ และให้ความสำคัญในเรื่องโภชนาการก็สำคัญกับการเจริญเติบโตของลูกสุนัขไม่แพ้กัน อย่าลืมมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาทุกวันด้วย Buzz อาหารสุนัขสูตร Puppy Plus อาหารสำหรับลูกสุนัข เหมาะกับทุกพันธุ์ ทุกขนาด ตั้งแต่น้องหมาพันธุ์เล็ก – กลาง อายุตั้งแต่ 4 – 12 เดือน และสุนัขพันธุ์ใหญ่ อายุ 4 – 24 เดือน เพื่อให้เขาเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์อย่างสมวัย

โรคพิษสุนัขบ้า ภัยร้ายของเจ้าตูบ

โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่แพร่ระบาดได้ทุกฤดู แต่มักพบมากในฤดูร้อน โดยเกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ซึ่งสามารถฆ่าชีวิตสุนัขที่คุณรักได้อย่างง่ายดาย 

 

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากไวรัส Rabies Virus ซึ่งพบได้ในสัตว์เลือดอุ่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำ ไม่ใช่แค่เพียงสุนัขหรือแมวเท่านั้น โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลาย เมื่อได้รับเชื้อ มันจะแพร่กระจายเข้าไปสู่เส้นประสาทส่วนปลาย ไขสันหลัง และเข้าสู่สมอง โดยแบ่งตัวในสมอง และปล่อยเชื้อไวรัสเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย หนึ่งในนั้นคือต่อมน้ำลาย สุนัขที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการภายใน 14 – 90 วัน โดยสามารถแบ่งอาการของโรคได้ 3 ระยะ ดังนี้

 

สังเกตอาการของโรคพิษสุนัขบ้า

1.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 1 

    อาการระยะเริ่มแรก จะแสดงอาการ 2 – 3 วัน โดยสุนัขจะมีอุปนิสัยและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หงุดหงิดง่าย แยกมาอยู่ตัวเดียว ไม่คลุกคลีกับเจ้าของเหมือนเคย อุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ ม่านตาขยาย และตอบสนองต่อแสงลดลง

2.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 2

    อาการระยะตื่นเต้น แสดงอาการ 1 – 7 วัน โดยสุนัขจะมีอาการกระวนกระวาย มีอาการทางประสาท ตอบสนองรุนแรงต่อเสียงและสิ่งเร้า แสดงอาการดุร้าย กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า วิ่งอย่างไร้จุดหมาย ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแม้จะได้รับบาดเจ็บ เสียงเห่าหอนผิดปกติ ลิ้นห้อย น้ำลายไหลเยอะผิดปกติ

3.โรคพิษสุนัขบ้าระยะที่ 3 

    อาการระยะอัมพาต ซึ่งเป็นระยะที่สั้นที่สุด โดยสุนัขจะคางห้อยตก ลิ้นสีแดงคล้ำห้อยออกมา น้ำลายไหลเยอะมาก ขาอ่อนเปลี้ย ทรงตัวไม่ได้ เมื่อล้มแล้วจะลุกไม่ได้ เกิดเป็นอัมพาตทั้งตัวอย่างรวดเร็ว และตายในที่สุด

โดยการแสดงอาการของสุนัขในแต่ละระยะนั้น จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบดุร้าย และแบบซึม

  • โรคพิษสุนัขบ้าแบบดุร้าย จะแสดงอาการระยะตื่นเต้นเด่นชัด และยาวนาน แต่ระยะอัมพาตสั้นมาก
  • โรคพิษสุนัขบ้าแบบซึม จะแสดงอาการระยะตื่นเต้นสั้นมาก แต่แสดงเด่นชัดในระยอัมพาต

โรคพิษสุนัขบ้าสามารถแพร่เชื้อผ่านทางน้ำลายได้ตั้งแต่ 1 – 7 วันก่อนแสดงอาการจนกระทั่งตาย โดยคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ามักติดเชื้อจากการถูกกัด ข่วน ถูกเลีย หรือน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อกระเด็นเข้าแผล

พิษสุนัขบ้า

ป้องกันเจ้าตูบจากโรคพิษสุนัขบ้า

เพราะท้ายที่สุดมักจบด้วยความตาย โรคพิษสุนัขบ้าจึงเป็นโรคที่ร้ายแรงสำหรับเจ้าตูบเป็นอย่างมาก เจ้าของอย่างเราจึงต้องใส่ใจดูแลและป้องกัน ด้วยการ

  • พาเจ้าตูบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามกำหนดเวลาเป็นประจำทุกปี
  • จำกัดพื้นที่ หรือใช้สายจูงทุกครั้งเมื่อพาเจ้าตูบไปเดินเล่นนอกบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากสัตว์ตัวอื่น

 

นอกจากนี้ อย่าลืมเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง และภูมิคุ้มกันที่ดีให้เจ้าตูบด้วยอาหารสุนัขที่มีความสมดุลทางโภชนาการ Buzz Balance Nutrition อาหารเพื่อสุนัขทุกสายพันธุ์ ที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันที่ดี บำรุงกระดูก ฟัน ระบบประสาท และสมอง อีกทั้งยังควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่แต่งสี และไม่ใส่สารกันบูด เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากอาหารที่ให้ เพื่อเจ้าตูบที่คุณรัก ต้องเลือก Buzz Pet Food

หมากัดเจ้าของ รับมือกับปัญหานี้อย่างไรดี?

หมากัดเจ้าของ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความระแวงให้กับคุณ และคนในบ้านไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าปล่อยให้ปัญหา และความระแวงฝังอยู่ในบ้านนานเกินไป มาหาวิธีรับมือกันค่ะ 

 

หมากัดเจ้าของ สาเหตุเกิดจากอะไร? 

การที่น้องหมาที่เราเลี้ยง เรารักอยู่ทุกวันจะกัดเราได้ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ สาเหตุส่วนใหญ่ที่เป็นปัจจัยสำคัญ มีดังนี้ 

 

  • พันธุ์ และนิสัยส่วนตัวของสุนัข ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน ว่าสุนัขที่คุณนำมาเลี้ยงเป็นพันธุ์ไหน ธรรมชาติของเขาเป็นอย่างไร ทั้งนี้จะรวมไปถึงกรรมพันธุ์ด้วย พ่อแม่ของน้องหมามีนิสัยเป็นอย่างไร ลูก ๆ ส่วนใหญ่ก็จะติดนิสัยของพ่อ – แม่มาด้วย 
  • วิธีการเลี้ยงดู หมากัดเจ้าของสะท้อนถึงการเลี้ยงดูมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสุนัขพันธุ์ใด จะขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายหรือไม่ก็ตาม หากได้รับการเลี้ยงดูแบบไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมกับพันธุ์และนิสัยของเขา โอกาสที่หมากัดเจ้าของ หรือดุร้ายก็มีสูงได้มากเช่นกัน 
  • น้องหมาเจ็บป่วย บางทีการที่หมากัดเจ้าของ ทั้งทีไม่เคยกัดเลยเป็นสุนัขที่น่ารักมาตลอด ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากอาการเจ็บป่วย ทั้งจากทางร่างกาย เขาอาจจะรู้สึกเจ็บจนไม่สบายตัว หงุดหงิด ฮอร์โมนเปลี่ยน หรือเจ็บป่วยทางใจ สุนัขบางตัวเคยโดนทำร้าย ได้รับการกระทบกระเทือนจนส่งผลต่อจิตใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะน้องหมาจะกลายเป็นสุนัขขี้กลัว ขี้ระแวง หวาดกลัวคนมาก (ในบางช่วงไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของ พบเจอบ่อยมาก ) เพราะความหวาดกลัวนี้เองจึงทำให้หมากัดเจ้าของได้ 

 

หมากัดเจ้าของ รับมืออย่างไร? 

หลังจากที่คุณเริ่มเข้าใจในสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณที่มีต่อสัตว์เลี้ยงกันค่ะ สำหรับสุนัขไม่ว่าจะพันธุ์ไหน ตัวเล็ก หรือตัวใหญ่ เขาจะใช้สัญชาตญาณในการดำรงชีวิตต่างจากมนุษย์ การเลี้ยงวิธีเลี้ยงดูให้เหมาะสม รวมไปถึงพฤติกรรมที่เจ้าของและคนในบ้านที่ปฏิบัติต้องสุนัข จึงมีส่วนสำคัญที่อาจจะทำให้เขามีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจ และกลายเป็นหมากัดเจ้าของในที่สุด 

การเลี้ยงดูต้องเหมาะสมกับสายพันธุ์ นิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเลี้ยงดู รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้เลี้ยงและคนในบ้านจึงต้องไม่เหมือนกัน 

 

  • สุนัขที่มีความบ้าเลือด เป็นนักสู้ อย่าง อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย, บางแก้ว หรือร็อตไวเลอร์ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ พลังเยอะเหลือล้น ชอบเอาชนะ วางอำนาจ ผู้เลี้ยงจึงมักกลัวว่าสุนัขจะสร้างความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายกันคนรอบข้าง จึงเลือกที่จะผูกไว้ ไม่ให้น้องได้เจอสังคม แต่ความกังวลอาจจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จุดฉนวนความเครียด และกดดันในการใช้ชีวิต ที่ต้องการออกจากการโดนกักขังของสุนัขออกมาทีละน้อย กระตุ้นความระแวง เกิดความเครียด บวกกับสุนัขไม่รู้จักการเข้าสังคม ไม่รู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคน และสัตว์ตัวอื่น ๆ  เมื่อได้รับอิสระ (ทั้งหลุดโดยไม่ได้ใจ หรือตั้งใจปล่อย) สุนัขจะมีโอกาสแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวดุร้าย เพราะอยากต่อสู้เพื่อหนีออกมาจากการโดนกักขัง ทำให้น้องหมากัดเจ้าของได้ในที่สุด 

 

  • สุนัขที่ฉลาด มีความเป็นนักล่า ชอบเอาชนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความดุร้าย ขนาดตัวไม่ใหญ่เท่าข้อแรกอย่าง แจ็ครัสเซล ดัชชุน หรืออื่น ๆ แต่นิสัยพื้นฐานของเขายังคงมีความเป็นนักล่าสูง พลังเยอะ ไวต่อสิ่งเร้า ชอบการแข่งขัน การเลี้ยงดูจึงควรซัพพอร์ตความพลังเยอะ ควรมีกิจกรรมที่ทำให้พลังของเขาสงบลงได้ 

สุนัขตัวเล็ก น่ารัก แต่เอาแต่ใจ ความน่ารักของเขาอาจจะทำให้เราสปอยล์กันแบบไม่รู้ตัว การเห่า การส่งเสียงดังโวยวายโดยที่ผู้เลี้ยงไม่ดุ ไม่เตือน อาจจะทำให้น้องหมาตัวเล็กน่ารัก ดูเหมือนจะไม่ทำร้ายใคร กลับกลายเป็นมีนิสัยก้าวร้าว ตั้งตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดีไม่ดีกลายเป็นกัดเจ้าของไปอีก

หมากัดเจ้าของ

พฤติกรรมยั่วยุสุนัขให้โกรธง่าย ไม่ใช่เรื่องดี 

หลายบ้านมักแสดงความรัก หรือแสดงพฤติกรรมกับน้องหมาแบบผิด ๆ โดยเฉพาะการยั่วยุสุนัขให้เขาเห่า หงุดหงิด ขู่ แยกเขี้ยว รวมไปถึงการเล่นยื้อแย่งของเล่น ปล่อยให้กัดสิ่งของ ที่เป็นพฤติกรรมกระตุ้นการใช้ความรุนแรง โดยขาดสติ ไม่มีการควบคุม อาจจะทำให้เรารู้สึกตลก แต่มันไม่ได้ส่งผลดีในระยะยาวเลยค่ะ เพราะน้องหมาจะค่อย ๆ กลายเป็นสุนัขที่ดุร้าย ก้าวร้าว และเอาแต่ใจติดตัวในที่สุด ยิ่งอายุเยอะยิ่งแก้ไขยาก 

 

การเลี้ยงสุนัขต้องใช้จิตวิทยาเข้าช่วย 

เพราะสุนัชใช้สัญชาตญาณในการใช้ชีวิต คนเลี้ยงอย่างเราจึงจำเป็นจะต้องใช้จิตวิทยาเป็นตัวช่วยในการบอกเขาว่าอะไรควรหรือไม่ควร ไม่ปลุกปั่น หรือเล่นอะไรกับเขาที่ทำกระตุ้นความรุนแรงออกมา ทำหน้าที่ให้ตัวคุณเองเป็นจ่าฝูง รวมไปถึงการให้สุนัขให้ออกกำลังกาย ใช้พลังกำลังโดยไม่ขาดสติ เช่น การว่ายน้ำ โยนรับลูกบอล วิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกับเรา จะช่วยทำให้น้องหมาสามารถควบคุมตัวเอง และใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี ลดความเครียด กดดัน หรืออาการหงุดหงิดลงได้ 

 

เพราะการเลี้ยงดูที่ดีของเจ้าของ จะแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนในรูปแบบพฤติกรรมของสุนัข ดังนั้นก่อนคิดจะเลี้ยงน้องหมา อย่าลืมถามใจตัวเองก่อนว่าน้องหมาพันธุ์ไหนที่คุณสามารถรับมือได้ เลี้ยงดูเขาได้อย่างดีพร้อมทั้งเวลา สถานที่ และดูแลสุขภาพเขาด้วยโภชนาการที่ครบถ้วนด้วย BUZZ อาหารสุนัขที่เข้าใจสุนัขมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีปัญหาน้องหมากัดเจ้าของอีกต่อไปค่ะ

อุจจาระสุนัข บอกอะไรเรา ?

อุจจาระสุนัข ของเสียที่บอกสุขภาพของเจ้าตูบได้ จากลักษณะ สี ปริมาณ และสิ่งที่ปะปนออกมากับอุจจาระ

 

เมื่อพูดถึงอุจจาระสุนัข กลิ่นก็ลอยตามมาเลยทีเดียว แต่รู้อะไรหรือไม่ อึเหม็น ๆ นี้ สามารถบอกถึงสุขภาพภายในร่างกายของเจ้าตูบได้ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการขับถ่ายอุจจาระของสุนัข มีดังนี้

 

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของสุนัข

  • อายุขัย เมื่อสุนัขอายุมาก ประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร และขับถ่ายจะต่ำลง ทำให้ถ่ายยากและมักมีภาวะท้องผูกได้ง่าย
  • อาหาร ส่งผลโดยตรงต่อการขับถ่ายของสุนัข หากกินอาหารที่ไม่เหมาะกับสภาพลำไส้ อาจทำให้ท้องเสีย หรืออาหารที่ย่อยยาก ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้หมด จึงอุดตันที่ลำไส้ได้
  • การกินน้ำ สุนัขที่กินน้ำน้อย อุจจาระจะแข็ง ทำให้ถ่ายยาก
  • ความเครียด ส่งผลต่อการถ่ายอุจจาระของสุนัข เช่น สุนัขที่มีภาวะความเครียดเนื่องจากการเปลี่ยนที่อยู่ มักจะไม่ยอมขับถ่าย
  • โรคภัยไข้เจ็บ สุนัขที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และขับถ่าย เช่น โรคลำไส้อักเสบ จะทำให้สุนัขขับถ่ายลำบาก จนไม่อยากถ่าย

อุจจาระสุนัข

อุจจาระสุนัข บอกถึงสุขภาพของเจ้าตูบได้จริงหรือ ?

ลักษณะ สี ปริมาณ และสิ่งที่ปะปนในอุจจาระสุนัข สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของสุนัขได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของต้องค่อยสังเกต โดยอุจจาระสุนัขแต่ละแบบ บ่งบอกถึงอะไรบ้าง มาดูกันเลย

อุจจาระสุนัขปกติ

  • ลักษณะอุจจาระสุนัขจับตัวกันเป็นก้อน ไม่แข็ง หรือเหลวเป็นน้ำ
  • มีสีน้ำตาลเหลือง หรือน้ำตาลปนเขียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่สุนัขกินเข้าไป
  • ไม่มีสิ่งแปลกปลอมปะปนออกมากับอุจจาระ
  • แสดงว่าสุนัขมีสุขภาพร่างกายและระบบขับถ่ายที่ดี

อุจจาระสุนัขสีดำ

  • ลักษณะอุจจาระเป็นก้อนใหญ่ เหนียวคล้ายดินน้ำมัน
  • มีสีเข้ม หรือดำ
  • แสดงว่าระบบย่อยอาหารอาจมีความผิดปกติ หรืออาจมีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น

อุจจาระสุนัขเหลว 

  • ลักษณะอุจจาระเหลว แต่ยังไม่เป็นน้ำ มีมูกปน และส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีอาการท้องร่วง หรืออาจติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อบิด

อุจจาระสุนัขเหลวเป็นน้ำ

  • ลักษณะอุจจาระเหลวเป็นน้ำ ไม่เป็นรูปร่าง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีอาการอักเสบที่กระเพาะอาหาร และลำไส้ โดยมักมีอาการอาเจียนร่วมด้วย

อุจจาระสุนัขเป็นไข สีเทา

  • ลักษณะอุจจาระเหลว เป็นไข
  • มีสีเทา 
  • มีเศษอาหารที่ยังไม่ย่อยปะปนออกมา
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน หรือถุงน้ำดี และอาจมีอาการท้องผูกด้วย

อุจจาระสุนัขมีพยาธิ

  • มีพยาธิตัวแบนหรือตัวกลมปะปนอยู่ในอุจจาระสุนัข
  • แสดงว่าสุนัขของคุณกำลังติดพยาธิ

อุจจาระสุนัขมีเลือดปน

  • อุจจาระสุนัขมีสีแดงปนออกมา
  • แสดงว่าอาจมีการอักเสบและเป็นแผลบริเวณทางเดินอาหารส่วนท้าย ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ล่ามไปถึงทวารหนัก หรือบริเวณก้น อาจมีต้นเหตุมาจากการกินอะไรบางอย่างเข้าไป เช่น กระดูกไก่ ไม้แหลม เป็นต้น

อุจจาระสุนัขเป็นเม็ด ๆ 

  • ลักษณะอุจจาระเป็นเม็ด ก้อนเล็ก ๆ 
  • แสดงว่าสุนัขกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับไต ซึ่งมักพบในสุนัขอายุมาก

อุจจาระสุนัขสีเหลือง

  • ลักษณะอุจจาระเหลวคล้ายโคลน
  • มีสีเหลือง
  • แสดงว่าสุนัขอาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับ ถุงน้ำดี และตับอ่อน

อุจจาระสุนัขสีเขียว

  • อาจมีเศษหญ้าปะปนออกมาด้วย
  • มีสีเขียว
  • แสดงว่าสุนัขอาจกินหญ้ามากเกินไป หรืออาจประสบกับปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดีอยู่

ทั้งนี้ ปริมาณอุจจาระสุนัขจะต้องสอดคล้องกับปริมาณการกินของสุนัข เพราะหากอุจจาระมีปริมาณมากกว่าการกิน ก็อาจบ่งบอกว่าระบบย่อยอาหารและดูดซึมทำงานผิดปกติ หรือหากอุจจาระมีปริมาณน้อยเกินไป ก็จะบ่งบอกถึงภาวะท้องผูก และการอุดตันของทางเดินอาหาร ทำให้สุนัขไม่สามารถขับถ่ายได้อย่างปกติ

 

เพราะอุจจาระสุนัข บ่งบอกถึงสุขภาพของเจ้าตูบได้ การดูแลให้เจ้าตูบมีสุขภาพแข็งแรง และระบบขับถ่ายที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของอย่างเราลืมไม่ได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงในเรื่องนี้ ก็คือ อาหาร เราจึงต้องเลือกอาหารที่ดีอย่าง Buzz Netura High – quality meat / Grain – free อาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ย่อยง่าย ช่วยลดกลิ่นมูล ควบคุมน้ำหนัก ไม่แต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด จึงทำให้สุนัขมีสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว

 

น้องหมาซึม ไม่ดีแน่ มาหาสาเหตุกัน

หมาซึม ไม่เล่น ไม่สนุกสนานเหมือนเก่า ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณต้องหันมาสนใจ เจอแบบนี้ไม่ดีแน่ มาหาสาเหตุกัน

 

น้องหมาซึม เจ้าของอย่างเราย่อมรู้ดีว่าเขามีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างไร อาการซึมลงของสุนัข ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าน้องหมาของคุณกำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาเสียเท่าไร อาการซึมของสุนัขเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อาการที่แสดงจะไม่เฉพาะเจาะจงจนเราจึงไม่สามารถระบุสาเหตุของโรค หรือความผิดปกตินี้ได้อย่างชัดเจน จำเป็นต้องพึ่งการซักประวัติ และตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดจากสัตวแพทย์เพิ่มเติม 

 

หมาซึม เกิดจากอะไร? 

น้องหมาซึม ไม่กินข้าว ไม่เล่นสนุกเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เจ้าของอย่างเราสามารถสังเกตสุนัขในเบื้องต้นได้จาก 4 สาเหตุที่เจอบ่อย ดังนี้ 

 

หมาซึมจากสภาพร่างกาย : เป็นสาเหตุที่เจอบ่อยที่สุดโดยเฉพาะในสุนัขอายุมาก ร่างกายเริ่มโรยรา ปวดเมื่อยเนื้อตัวตลอด ทำให้อยากนอนอย่างเดียว ไม่อยากเล่น ไม่อยากขยับตัวไปไหน หรือพบเจอบ่อยในน้องหมาที่กำลังมีอาการป่วย ไม่สบายตัว มีไข้ เจ็บปวดตามร่างกาย 

หมาซึม

ภาวะความผูกพันมากเกินไป : น้องหมาบางตัวมีอาการซึมลง เบื่ออาหาร เกิดจากภาวะความผูกพันกับเจ้าของ สมาชิกในฝูง หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ที่เลี้ยงมาด้วยกันมากเกินไป ทำให้เมื่อต้องแยกจากกัน หรือต้องห่างกันหลายวัน น้องหมาจะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ตั้งแต่กระวนกระวาย ส่งเสียงร้อง เห่า หอน ขับถ่ายไม่เป็นที่ เริ่มวิตกกังวลจนทำลายข้าวของภายในบ้าน ทำท่าขุดดิน เลียตัวเองมากขึ้น ไปจนถึงอาการซึม ไม่ร่าเริง นอนมากขึ้น และไม่กินอาหารจนกว่าจะได้เจอกับเจ้าของ ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้ถือเป็นภาวะวิตกกังวลจากการถูกแยก (Separation Anxiety) เป็นภาวะที่เราสามารถฝึกให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ลำพังได้ เพื่อป้องกันภาวะวิตกกังกลจากการถูกแยกซ้ำสอง  

 

จากอุปนิสัยส่วนตัว : สุนัขบางตัวมีอุปนิสัยเฉพาะตัวจริง ๆ ไม่ขี้เล่น ชอบนอน หรือน้องหมาบางตัวเคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ทำให้กลายเป็นสุนัขขี้กลัว ขี้ระแวง เพราะไม่ไว้ใจใคร ไม่กล้าเข้าใกล้คน หรือแม้กระทั่งสุนัขที่เคยถูกทิ้งมา จะมีอาการซึม เบื่ออาหาร ไม่กินข้าว จำเป็นต้องใช้ความรัก ความเอาใจใส่จากเจ้าของใหม่เข้าดูแล 

 

สภาพแวดล้อมเปลี่ยน : บางทีการย้ายบ้าน ย้ายสถานที่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาซึมได้เหมือนกัน หรือในต่างประเทศที่มีอากาศ มีฤดูกาลเปลี่ยนแปลงชัดเจน ก็อาจจะส่งผลต่อการซึมลงของสุนัขได้เช่นกัน อาทิ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว น้องหมาจะนอนเยอะขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศทำให้รู้สึกว่าร่างกายมีพลังงานลดลง 

 

         หากน้องหมาซึม มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปให้เจ้าของเฝ้าสังเกตอาการให้ครบ 24 ชั่วโมง เช็กว่าน้องมีอาการอย่างไรบ้าง อึถ่ายหรือไม่ กินอาหารได้ตามปกติหรือเปล่า หากครบ 24 ชั่วโมงแล้ว น้องหมาไม่มีทีท่าว่าจะหายซึมให้รีบพาน้องพบสัตวแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของอาการต่อไป 

 

         เพราะน้องหมาในบ้าน ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเรา ที่เข้ามาสร้างสีสัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนในบ้านมีความสุขได้ ในเวลาที่เขาเจ็บป่วย เราเองก็ต้องมีหน้าที่ดูแล รักษาเขาให้ดีที่สุด พร้อมกันการดูแลสุขภาพ ดูแลโภชนาการเขาให้ดีที่สุด ด้วยอาหารสุนัข Buzz Healty Life สูตรเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับน้องหมาที่คุณรัก ผลิตภัณฑ์เป็นสูตร Limited Ingredients ผลิตจากเนื้อแกะแท้ บำรุงกระดูก ข้อต่อ สำหรับสุนัขผิวแพ้ง่าย และสำหรับลูกสุนัข

บาร์ฟ ดีต่อสุนัขของคุณอย่างไร

บาร์ฟ คืออะไร ? ใครรู้บ้าง ก่อนให้บาร์ฟแก่สุนัขของคุณ เรามาทำความรู้จักกับอาหารประเภทนี้อย่างถ่องแท้กันก่อนดีกว่า

 

บาร์ฟ คืออะไร ?

บาร์ฟ ( BARF ) มาจากคำว่า Biological Appropriate Raw Foods ที่หมายถึงอาหารสดแบบดิบนั่นเอง ซึ่งเคยเป็นพฤติกรรมการกินแบบเดิมของสุนัขในอดีต ก่อนที่จะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา สุนัขเคยเป็นนักล่า และกินอาหารดิบมาก่อน โดยบาร์ฟในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงเนื้อ หรือกระดูกสดเท่านั้น แต่ยังหมายรวม ผัก ผลไม้ ธัญพืชสดด้วย

บาร์ฟ

เคยมีผู้ทดลองให้สุนัขกินบาร์ฟติดต่อกัน ผลปรากฎว่า สุนัขมีสุขภาพดี และแข็งแรงขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ และผิวหนังก็ลดลง เห็นอย่างนี้หลายคนคงเริ่มอยากให้สุนัขกินบาร์ฟกันแล้วใช่ไหมล่ะ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า ข้อดีของการกินบาร์ฟมีอะไรบ้าง

 

สุนัขกินบาร์ฟ ดีอย่างไร ?

  • สุนัขจะได้รับสารอาหารเต็มที่
  • เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง
  • ผิวหนังสุขภาพดี ลดปัญหาโรคผิวหนัง และอาการแพ้ต่าง ๆ
  • ขนเงางาม ไม่หลุดร่วงง่าย และลดกลิ่นตัว
  • ฟันสะอาด เหงือกแข็งแรง และลดปัญหากลิ่นปาก
  • ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ระบบย่อยอาหาร และขับถ่ายดี ทำให้ปริมาณและกลิ่นของอุจจาระน้อยลง
  • ไม่มีวัตถุกันเสีย สีสังเคราะห์ และสารปรุงแต่ง
  • เสริมภูมิต้านทานให้สุนัข ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไขข้อ โรคมะเร็ง เป็นต้น

บาร์ฟที่ดีต้องสดใหม่

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การให้บาร์ฟแก่สุนัขก็มีความเสี่ยงไม่ใช่น้อย เนื่องจากของสดมีความเสี่ยงที่จะมีสารปนเปื้อน เชื้อโรค และพยาธิ ทางที่ดีคุณจะต้องเลือกของสดใหม่วันต่อวันให้แก่สุนัข และถ่ายพยาธิสุนัขเป็นประจำทุกเดือน นอกจากอันตรายจากเชื้อโรคแล้ว การให้บาร์ฟยังมีข้อเสียอีก คือ ราคาค่อนข้างสูง มีความยุ่งยากในขั้นตอนการเตรียมอาหาร เก็บรักษาได้ไม่นาน และสุนัขมีความเสี่ยงต่อภาวะการขาดสารอาหาร เกิดการอักเสบของกระเพาะ และลำไส้ รวมทั้งเกิดภาวะท้องผูกได้ง่าย หากให้บาร์ฟในสัดส่วนที่ไม่สมดุล

 

วิธีให้บาร์ฟแก่สุนัข

ปริมาณบาร์ฟที่ให้แก่สุนัข ขึ้นอยู่กับขนาดและสารพันธ์ุ โดยในช่วงแรกของการให้บาร์ฟ ควรให้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อให้สุนัขปรับตัวราว 7 วัน หลังจากนั้นค่อยเพิ่มปริมาณ หากต้องการให้สุนัขกินผัก ก็สามารถบดผักผสมลงไปในเนื้อสัตว์ด้วยก็ได้

การกินบาร์ฟให้ได้สารอาหารครบถ้วน เราควรจัดตารางอาหารใน 1 สัปดาห์ ให้สุนัข โดยให้อาหารประเภทเนื้อ 5 วัน อาหารปราศจากเนื้อ 1 วัน และงดอาหาร 1 วัน ( ยกเว้นในกรณีที่เป็นลูกหมา )

 

บาร์ฟ จึงเป็นอาหารทางเลือกที่ช่วยให้สุนัขของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ หากใครยังไม่แน่ใจว่าเจ้าตูบของคุณกินบาร์ฟได้หรือไม่ ก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้ แต่ถ้ายังไม่อยากให้บาร์ฟแก่สุนัข เราก็มีอีกหนึ่งทางเลือกที่อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ไม่แพ้กัน นั่นคือ Buzz Netura High – Quality Meat / Grain Free อาหารสุนัขที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์คุณภาพพรีเมียม พร้อมผัก ผลไม้ ที่อุดมด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ย่อยง่าย ช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงขนให้เงางาม ลดความเสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้อาหาร รวมทั้งลดปริมาณ และกลิ่นอุจจาระสุนัข ไม่แต่งสี กลิ่น รส และไม่มีสารกันบูด รับรองได้ว่า เจ้าตูบจะมีสุขภาพแข็งแรงได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน

 

สุนัขกินกระดูก ภัยเงียบที่ฆ่าชีวิตได้

สุนัขกินกระดูก ได้หรือไม่ นี่คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ คนที่พึ่งเลี้ยงสุนัข วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนี้ไปพร้อม ๆ กัน

 

อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อ สุนัขกินกระดูก

ปัญหามักเกิดขึ้นจากสิ่งที่เรารับรู้จนเคยชิน ที่ว่า เจ้าตูบกินกระดูก เจ้าเหมียวกินปลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด เนื่องจากในอดีต สุนัขที่ล่าเหยื่อก็ไม่ได้กินเพียงแค่เนื้อและอวัยวะต่าง ๆ เท่านั้น กระดูกก็เป็นอีก 1 ส่วน ที่เป็นอาหารชั้นยอดของสุนัข แต่ในปัจจุบัน เมื่อมีการรักษาพยาบาลสัตว์ เราก็พบว่า สุนัขกินกระดูกถือเป็oเรื่องอันตรายมิใช่น้อย โดยเฉพาะกระดูกต้มสุก ที่มักแตกหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในร่างกาย ส่วนกระดูกดิบ แม้จะอันตรายน้อยกว่าและมีประโยชน์ไม่ใช่ย่อย แต่ก็เสี่ยงต่อเชื้อโรคและการติดพยาธิ

อันตรายที่เกิดขึ้นจากสุนัขกินกระดูก สามารถจำแนกตามขนาดกระดูกได้ 2 กรณี ดังนี้

  • สุนัขกินกระดูกชิ้นใหญ่

กระดูกหมูหรือวัวที่มีขนาดใหญ่ เช่น ท่อนขา สุนัขจะไม่สามารถกินเข้าไปได้ จึงต้องใช้การแทะไปเรื่อย ๆ โดยกระดูกลักษณะเช่นนี้ ยิ่งสุกจะยิ่งแข็ง ซึ่งอันตรายต่อฟันเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจเป็นเหตุให้ฟันบิ่นหรือหักจนไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้

  • สุนัขกินกระดูกชิ้นเล็ก

กระดูกไก่ มักเป็นหนึ่งตัวเลือกที่จะกลายเป็นอาหารของสุนัข ซึ่งกระดูกเล็ก ๆ แบบนี้จะแตกหักเป็นชิ้น มีปลายแหลม ก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะในทางเดินอาหารของสุนัข ไม่ว่าจะเป็น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และสำไส้ เพราะกระดูกเล็กแหลมจะทิ่มแทง และอุดตันในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการอาเจียน อาจมีท้องเสียร่วมด้วย มีเลือดออกทางช่องทวารหนัก หายใจลำบาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียได้ ดังนั้น หากสุนัขมีความเสี่ยง หรือเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

หมากินกระดูก

สรุปแล้วสุนัขกินกระดูกได้หรือไม่ ?

แม้การกินกระดูกจะสร้างผลกระทบต่อร่างกายของเจ้าตูบในระยะยาว แต่สุนัขก็สามารถกินกระดูกได้ เพียงแค่เจ้าของต้องเลือกสรร และไม่ให้กระดูกบ่อยเกินไป โดยให้เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ที่ไม่เล็กจนกลืนได้ทันที ติดเนื้อ นิ่ม เคี้ยวง่าย สดใหม่ ไม่สุกเต็มที่ แต่ต้องผ่านความร้อนเพื่อฆ่าพยาธิและเชื้อโรค การให้กระดูกจะทำให้เจ้าตูบได้บริหารฟัน กระดูกจะช่วยขัดฟันและเหงือกให้สะอาดไปในตัว

 

สุนัขกินกระดูกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ดูเหมือนว่าข้อเสียที่เกิดขึ้นจะรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทางที่ดี เจ้าของอย่างเราควรหลีกเลี่ยงที่จะให้กระดูกสุนัขกินน่าจะดีที่สุด แล้วเปลี่ยนมาให้ Buzz Balance Nutrition อาหารสุนัขคุณภาพสูง ที่มีให้เลือกหลายรสชาติ ควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่มีสีสังเคราะห์ อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ แคลเซียม และฟอสฟอรัส เพราะฉะนั้น ถึงไม่กินกระดูก สุนัขของคุณก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วนอย่างแน่นอน

ภูมิแพ้ในสุนัข เรื่องใหญ่ที่ทาสหมาควรใส่ใจ

ภูมิแพ้ในสุนัข เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับสุนัขของคุณ โดยพบได้ราว 10 – 15 % ของประชากรสุนัขที่มักมีอายุไม่เกิน 3 ปี

 

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากอะไร ?

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือ การตอบสนองที่ไวผิดปกติของปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น อาหาร ตัวไร แมลง ฝุ่น เป็นต้น ซึ่งสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ก็จะคล้าย ๆ กับคน 

ไม่นานมานี้ มีงานวิจัยพบว่า สุนัขบางสายพันธ์มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าสายพันธ์ุอื่น ได้แก่ พันธุ์ West Highland White Terrier, Golden Retriever, Lhasa Apso, Bichon Frise, Shih Tzu และ French Bull Dog แม้โรคนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความรำคาญให้เจ้าตูบได้ไม่น้อย ด้วยอาการของโรคที่พบได้บ่อย คือ มีผื่นแดง รู้สึกคัน เกาจนทำให้เกิดแผล มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง และหู หน้าบวม อาจมีการอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย 

 

ภูมิแพ้ในสุนัข

โรคภูมิแพ้ในสุนัข ที่พบได้บ่อย

  • โรคภูมิแพ้ในสุนัข ชนิดสัมผัส เกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีบางอย่าง เช่น แชมพู จนทำให้เกิดภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังแดง มีอาการคัน และเกา เกิดแผลเป็นสะเก็ดแห้ง
  • แอโทปิ โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่เกิดจากการสูดดมละอองเชื้อรา ฝุ่น เกสรดอกไม้ เป็นต้น สังเกตได้หากสุนัขเกิดอาการแพ้ ผิวหนังบริเวณปากจะเปลี่ยนเป็นสีแดง 
  • โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากน้ำลายหมัด เป็นประเภทที่พบได้บ่อยโดยสุนัขจะมีอาการคันอย่างรุนแรงจนดูผิดปกติ อาจเกาจนเกิดแผลได้
  • โรคภูมิแพ้อาหาร สุนัขบางตัวไวต่อสารบางอย่างที่อยู่ในอาหารจนทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ เช่น ธัญพืช ฮีสตามีนในโปรตีนบางประเภท ผักโขม และมะเชือเทศ เป็นต้น ซึ่งจะมีอาการเกี่ยวกับผิวหนัง อาจมีอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย

รักษาและป้องกัน โรคภูมิแพ้ในสุนัข

เมื่อสุนัขมีอาการคล้ายโรคภูมิแพ้ ทางที่ดีควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทดสอบภาวะภูมิแพ้ ว่ามีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรบ้าง จะได้รักษาและป้องกันได้ถูกวิธี โดยวิธีป้องกันง่าย ๆ ที่เจ้าของเจ้าตูบสามารถทำได้ มีดังนี้

  • ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดปรสิต ไม่ว่าจะเป็น เห็บ หมัด ตัวไร พยาธิชนิดต่าง ๆ 
  • อาบน้ำให้สุนัข อย่างน้อย 1 – 2 ครั้ง / เดือน ด้วยแชมพูหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว และหมั่นตรวจเช็กสภาพผิวของสุนัขว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีตุ่มหนอง ผื่นแดง ขนร่วง เป็นต้น เพื่อทำการรักษาก่อนที่จะบานปลาย
  • เลือกอาหารที่ดี เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากอาหาร โดยอาหารสุนัขต้องอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ กรดโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 อย่าง Buzz Netura อาหารสุนัขคุณภาพพรีเมียม ที่มีแหล่งโปรตีนจากธรรมชาติเน้นวัตถุดิบประเภทปลา ปราศจากธัญพืช ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้อาหาร

 

แม้โรคภูมิแพ้ในสุนัขจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่เจ้าของอย่างเราก็มองข้ามไม่ได้ ต้องช่วยดูแลและปกป้องเจ้าตูบจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เพื่อลดโอกาสที่อาการจะกำเริบ ทำให้เข้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่เจ็บป่วยให้ได้มากที่สุด

 

หมาอ้วน ไม่ใช่เรื่องดี มาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ

หมาอ้วน เล่นด้วยกี่ทีก็ดูนุ่มนิ่มน่ารักดีอยู่หรอก แต่หารู้ไม่ว่าการขุนให้น้องหมาอ้วนพลีอยู่แบบนี้ ก็ไม่ต่างกับการผลักน้องหมาที่เรารักให้เข้าใกล้โรคร้ายเร็วขึ้น เสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วย และความไม่คล่องตัวที่จะตามมาในอนาคตด้วยตัวคุณเอง รู้แบบนี้แล้วมาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ 

 

เกิดอะไรขึ้น? ถ้าปล่อยให้น้องหมาอ้วน 

หมาอ้วน แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายในอนาคตไม่ต่างจากคนหรือสัตว์ประเภทอื่น โรคอ้วนในสุนัขเป็นภาวะที่น้องหมามีไขมันสะสมในร่างกายมากกว่า 30% ตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำหนักของสุนัขในแต่ละพันธุ์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้องอ้วนส่วนใหญ่จะมาจากการที่สุนัขกินอาหารมากเกินความต้องการในแต่ละวัน เมื่อพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายมีมากเกินความจำเป็นหากเทียบกับพลังงานที่เสียไปในแต่ละวัน จึงทำให้เกิดไขมันสะสมและกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด 

นอกจากนี้ น้องหมาอ้วนยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างกรรมพันธุ์ ช่วงวัย เพศ การทำหมัน ยาปฎิชีวนะที่สุนัขได้รับ หรือรวมไปจนถึงโรคภัยบางอย่างที่น้องหมากำลังเจอได้อีกด้วย แต่ไม่ว่าการที่น้องหมาอ้วนจะมาจากสาเหตุใด แต่หากปล่อยไว้เรื่องของปัญหาสุขภาพต้องตามมามากมายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคไขข้อ – กระดูก โรคเนื้องอก โรคเบาหวาน โรคระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) อายุสั้นลง รวมไปถึงมีความเสี่ยงในการผ่าตัดมากกว่าสุนัขทั่วไป 

 

มาลดน้ำหนักให้หมาอ้วนกันเถอะ 

ถึงจะเป็นการลดน้ำหนักของน้องหมา แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้องกลับมาสมส่วนได้ขึ้นอยู่กับคุณเจ้าของล้วน ๆ ตั้งแต่การควบคุมปริมาณของอาหารสุนัข อย่าใจอ่อนเด็ดขาดเวลาน้องหมามาอ้อนขอขนมหรืออาหารเพิ่ม ปริมาณอาหารที่ให้ควรสัมพันธ์กับระดับพลังงานที่น้องหมาต้องการในแต่ละวัน ควบคู่กับความเหมาะสมในด้านอายุ และสายพันธุ์ของเขา การให้อาหารแนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 – 4 มื้อใน 1 วัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังทำให้ลดอาหารหิวของน้องหมา ดีกว่าการให้อาหารเพียงวันละ 1 มื้ออย่างแน่นอน 

หมาอ้วน

หลังจากการคำนวณปริมาณอาหารและเวลาในการกินของน้องหมาแล้ว ต่อมาก็ต้องเป็นการออกกำลังกายเนี่ยแหละ ลองพาเขาไปวิ่ง ไปเล่นกิจกรรมที่ใช้พลังงานใช้แรงบ้าง สำหรับน้องหมาตัวไหนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลยคุณอาจจะเริ่มจากการพาสุนัขมาจูงเดินบ้าง 15 – 20 นาที สำหรับน้องหมาอ้วนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์มาก ๆ ไม่ควรให้วิ่งหรือเล่นกิจกรรมที่ต้องกระโดดก่อนในระยะแรก เพราะอาจเป็นอันตรายต่อขา ข้อเข่าของสุนัข 

 

สุดท้าย ลองเปลี่ยนอาหารสุนัข เปลี่ยนในที่นี้คือการเปลี่ยนอาหารให้เน้นไปที่วัตถุดิบ ต้องตอบโจทย์ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักน้องหมาอ้วนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถให้พลังงาน และโภชนาการได้อย่างครบถ้วนเทียบเท่าอาหารสูตรปกติ แนะนำ Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขสูตรโฮลิสติก เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพสูง ใช้แหล่งโปรตีนประเภทปลาเป็นหลัก มีส่วนผสมของเคยแอนตาร์กติกา ผักผลไม้ครบทั่ว ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช ช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักให้น้องหมาอ้วน ลดปริมาณ ลดกลิ่นของอุจจาระ ลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ที่มาจากการแพ้อาหารของน้องหมาอีกด้วย 

 

เมื่อ สุนัขแพ้โปรตีน ต้องกินอะไรทดแทน?

สุนัขแพ้โปรตีน ควรให้น้องกินอะไรทดแทน ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นกับคุณเจ้าของและน้องหมาตัวโปรดเลยก็ว่าได้ เพราะโภชนาการกลุ่มโปรตีนเป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ของสุนัขที่จะส่งผลต่อสุขภาพ ความแข็งแรง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการที่น้องหมากำลังแสดงออกคือการแพ้โปรตีน วันนี้ Buzz Pets มีข้อมูลและวิธีการแก้ไขเพื่อให้ร่างกายของน้องหมาไม่ขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนมาฝาก 

 

สุนัขแพ้โปรตีนเกิดจากอะไร? 

สุนัขแพ้โปรตีนมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ทั้งในภาวะที่น้องหมาอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง หรืออาจจะเป็นมาตั้งแต่เกิดก็ได้ ซึ่งการแพ้โปรตีนจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ 

  • การแพ้อาหาร เกิดขึ้นจากร่างกายไม่รับอาหารที่กินเข้าไป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน สุนัขจะแสดงออกจากการอาเจียน ท้องเสีย 
  • ภาวะภูมิแพ้อาหาร ปัญหานี้เป็นปฎิกิริยาจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้ร่างกายแสดงอาการต่อต้าน ที่พบมากจะเกี่ยวข้องกับผิวหนัง เช่น ผิวหนังมีผื่นแดง มีเม็ดตุ่ม น้องหมาคันบ่อยเกาบ่อย ขนร่วง หากปล่อยไว้มีโอกาสร้ายแรงถึงขั้นผิวหนังเกิดการอักเสบหนัก ผิวหนังมันเยิ้ม เกิด Hot spot มีตุ่มหนอง หรือมีกลิ่นตัวเกิดขึ้น ในบางตัวอาจจะส่งผลกับระบบทางเดินอาหาร สุนัขมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสียอยู่เป็นประจำ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือร้ายแรงที่สุดอาจมีปัญหาถึงระบบประสาท ทำให้สุนัขแสดงอาการชักออกมาได้

การเช็กน้องหมาที่บ้านในเบื้องต้นสามารถสังเกตจากผิวหนังและการขับถ่ายของเสียของเขาได้เลย ว่ามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร หากพบว่าตามร่างกายเริ่มมีตุ่ม มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง น้องหมาเกาอยู่ตลอดเวลา เริ่มกัดเนื้องับเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีรังแคเกาะอยู่ตามเส้นขนผิวหนัง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหาย ตุ่มแดงหรือแผลต่าง ๆ เริ่มเรื้อรังมากขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องเสียบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ให้สันนิธานไว้ก่อนว่า 1 ในสาเหตุของอาการเหล่านี้อาจจะเกิดจากอาหารที่กิน แต่จะเข้าข่ายเป็นภูมิแพ้อาหาร หรืออาการแพ้อาหารปกติ ต้องพาน้องไปตรวจเช็กอย่างละเอียดกับสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง 

 

สุนัขแพ้โปรตีน

 

ทางแก้ หากสุนัขแพ้โปรตีน 

ไม่ว่าน้องหมาจะเข้าข่ายแพ้โปรตีนจากอาการแพ้อาหาร หรือจากภาวะภูมิแพ้อาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีวิธีแก้เหมือนกัน คือต้องงดอาหารในส่วนที่แพ้ซะ ซึ่งอาการแพ้โปรตีนของสุนัขส่วนใหญ่จะไม่ได้แพ้ไปหมดซะเลยทีเดียว โดยปกติแล้วระบบย่อยอาหารของน้องหมาจะทำการย่อยอาหารต่าง ๆ ให้อยู่ในโมเลกุลระดับเล็กมาก เล็กจนระบบภูมิคุ้มกันเองไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ในบางกรณีที่อาหารบางส่วนถูกย่อยแบบไม่สมบูรณ์ ทำให้ยังมีโมเลกุลขนาดใหญ่พอให้ระบบภูมิคุ้มกันหาเจออยู่ บวกกับร่างกายดูดซึมเอาไปใช้งานยากขึ้นไปอีก จึงทำให้ร่างกายของสุนัขเกิดการต่อต้านตอบสนองผ่านอาการแพ้ต่าง ๆ ที่เราเห็นนั้นเอง 

“ส่วนประกอบหลัก ต้องสัมพันธ์กับโภชนาการ” เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุเกิดจากอาหาร ทาสหมาอย่างเราจำเป็นจะต้องใส่ใจในการเลือกอาหารสุนัขมากขึ้นอีกเท่าตัว หลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่ง่ายต่อการเกิดความเสี่ยงทำให้ร่างกายย่อยอาหารยาก เช่น วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว รวมถึงเครื่องในของสัตว์ทุกชนิด ไข่ไก่  นมและผลิตภัณฑ์จากนม ในกรณีที่บ้านไหนปรุงอาหารให้น้องหมาเอง จำเป็นต้องคำนวณโภชนการต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเหมาะสมกับพันธุ์ ร่างกาย อายุ ควบคู่กันกับต้องคอยระวังวัตถุดิบบางอย่างที่อาจเข้าไปกระตุ้นอาการแพ้ของน้องหมาได้ แต่สำหรับใครที่ให้อาหารสุนัขแบบเม็ดเป็นทุนเดิม แนะนำให้เปลี่ยนสูตรอาหาร โดยคุณอาจจะคัดเลือกจากส่วนผสมต่าง ๆ หรือเลือกอาหารที่เป็นเกรดโฮลิสติก ซึ่งสูตรนี้จะมีความใส่ใจ พิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบในการผลิตอาหารสุนัขมากเป็นพิเศษอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติกที่เลือกใช้สารอาหารประเภทโปรตีนจากปลาโดยเฉพาะ 45% เป็นปลาแซลมอนแอตแลนติกจับจากแหล่งธรรมชาติ พร้อมกับวัตถุดิบอื่น ๆ อย่าง ผัก ผลไม้ มันฝรั่งเทศ ถั่ว Peas ที่ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน  แร่ธาตุครบถ้วนตามที่น้องหมาควรจะได้รับ โดยปราศจากส่วนประกอบที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร สารอาหารที่ได้รับโดยเฉพาะโปรตีนจะเป็นกลุ่มที่มีโมโลกุลเล็ก ง่ายต่อการย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

เพื่อให้น้องหมาของคุณมีสุขภาพดี แข็งแรงร่าเริงได้แม้จะมีปัญหาเรื่องแพ้โปรตีน แนะนำอาหารสุนัขพรีเมียมอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน ผลิตจากประเทศเบลเยี่ยม ไม่มีส่วนผสมของไก่ สัตว์ปีก ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด ธัญพืชที่มีส่วนในการเกิดภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร อีกทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักของน้องหมาที่เกินเกณฑ์ให้กลับมามีแข็งแรง ร่างกายสมส่วนได้อีกด้วย 

 

อาหารสุนัข Netura High-quality meat / Grain-free เลือกอย่างไรให้ถูกใจน้องหมา

อาหารสุนัข จะเลือกซื้อทั้งที ก็ต้องอยากให้อาหารเหล่านี้ถูกใจสุนัขในบ้านเป็นธรรมดา แต่จะดีกว่าไหม? หากอาหารสุนัขที่คุณเลือกให้กับเจ้าตัวแสบแสนซื่อสัตย์ของคุณสามารถทำให้เขารู้สึกอร่อยถูกใจ มีความสุขทุกครั้งที่กินอาหารไปพร้อม ๆ กันกับโภชนาการที่ครบถ้วนแม่นยำ เสริมสร้างความแข็งแรงสุขภาพที่ดีให้น้องหมาได้อย่างตอบโจทย์ วันนี้ Buzz Pets food อาหารสุนัขพรีเมียม มีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกอาหารอย่างไร ให้ถูกใจน้องหมามาฝากค่ะ

อาหารสุนัข

อาหารสุนัข Netura High-quality meat / Grain-free คืออะไร? 

อาหารสุนัข Buzz Pets food สูตร Netura High-quality meat / Grain-free เป็นอาหารสุนัขที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศเบลเยี่ยม มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เป็นเกรดโฮลิสติกที่ถูกคัดสรรอย่างดี ตั้งแต่การใช้แหล่งโปรตีนแท้จากธรรมชาติ เลือกผักผลไม้ที่เน้นวิตามินสูง อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ปราศจากธัญพืช ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องการเกิดภูมิแพ้ หรืออาการแพ้อาหารของน้องหมา ผ่านการคิดค้นเพื่อให้ได้สูตรเฉพาะที่เหมาะสมแต่ละสายพันธุ์ ขนาด มีทั้งหมด 2 สูตรด้วยกัน คือ 

  1. Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน สำหรับสุนัขโตพันธุ์เล็ก
  2. Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน สำหรับสุนัขโตพันธุ์กลาง-ใหญ่

ซึ่งจะตัดสินใจเลือกสูตรไหนแบบใดให้ที่น้องหมาที่บ้าน ก็เป็นหน้าที่ของคุณเจ้าของแล้วที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละสายพันธุ์ สัมพันธุ์กับอายุ และขนาดของสุนัขเอง เพื่อให้เขาได้รับสารอาหารและโภชนาการที่ครบถ้วน เติมเต็มสารอาหารทำให้น้องหมาสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงสมส่วนมากที่สุด

 

อาหารสุนัข

น้องหมาจะอร่อยได้โภชนาการครบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ 

ไม่ว่าจะเรื่องของกลิ่น สี ที่ทำให้สุนัขเจริญอาหาร รู้สึก Enjoy ทุกครั้งที่ได้กินอาหาร ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่ออาหาร หรือฝั่งโภชนาการภายในอาหารมีความแม่นยำคุณประโยชน์สูงถูกใจเจ้าของสุนัข มีการคำนวณมาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับพันธุ์ ขนาดของสุนัข ทั้ง 2 อย่างนี้จะเป็นอย่างไรสิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับส่วนประกอบที่ถูกคัดสรรอย่างละเอียด พิถีพิถันทุกขั้นตอน สำหรับอาหารสุนัข สูตร Netura High-quality meat / Grain-free สามารถแบ่งสัดส่วนของส่วนประกอบได้เป็น 

– ส่วนผสมจากปลาแซลมอนแอตแลนติก (จับจากธรรมชาติ) 45% 

– คาร์โบไฮเดรตจากมันฝรั่งมันเทศ และถั่ว Peas 35% 

– ผลไม้ ผัก วิตามินและแร่ธาตุ 20% 

โดยสัดส่วนของโปรตีน ไขมัน ไฟเบอร์ แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ จะถูกปรับเพิ่ม – ลดอย่างเหมาะสมให้ตรงกับโภชนาการตามสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก และสุนัขพันธุ์กลางถึงใหญ่ที่ควรได้รับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะไม่มีส่วนผสมของไก่ หรือสัตว์ปีกเป็นส่วนประกอบ ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลืองเหมือนกับอาหารสุนัขทั่วไป ช่วยลดอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นบ่อยในน้องหมา ไม่มีการแต่งกลิ่น แต่งสี แต่จะใช้กรรมวิธีในการผลิตเฉพาะจาก Buzz Pets food จึงทำให้ทั้งกลิ่นและรสชาติอยู่ครบถ้วนกระตุ้นความอยากอาหารให้น้องหมาเจริญอาหารขึ้นได้อีกหนึ่งขั้น ที่สำคัญเพราะอาหารสูตรนี้เป็นสูตรที่ผลิตจากปลา จึงช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับสุนัขที่น้ำหนักเยอะ อ้วนกลมเกินเกณฑ์ อยากควบคุมน้ำหนักให้กลับมามีร่างกายที่สมส่วนสุขภาพดี สามารถวิ่งเล่นสนุกได้อย่างคล่องตัว 

 

เพราะสุขภาพในอนาคตของน้องหมาจะเป็นอย่างไร สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอาหารการกินทั้งนั้น การดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วยอาหารสุนัขคุณภาพสูงอย่าง Buzz Pets food สูตร Netura High-quality meat / Grain-free เกรดโฮลิสติก อาหารสุนัขที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ คัดสรร และพิถีพิถันทุกขั้นตอนจนได้สิ่งที่ดีต่อสุขภาพน้องหมา จะทำให้พวกเขาสดใสร่าเริง มีพลังงานเหลือล้นพร้อมเล่นสนุกกับคุณได้อย่างแข็งแรงสมวัยอย่างแน่นอน 

อยากเลี้ยง หมาใหญ่ อะไรที่ควรรู้

หมาใหญ่ เห็นทีไรก็อยากเลี้ยงทุกที เชื่อเลยว่าใครที่รักสุนัขเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิน 90% ต้องเคยโดนตกจากความตัวใหญ่น่าฟัดเหมือนหมี น่ารักใจดีระดับสิบของเจ้าพวกนี้อย่างแน่นอน แถมจะกอดจะเล่นแค่ไหนก็สู้มือ พลังงานเหลือล้นมีมากพอที่จะเล่นกับเราได้ทั้งวัน และเพราะความใหญ่โตของเขาเนี่ยละ จึงทำให้การเลี้ยงดูน้องหมาตัวใหญ่ค่อนข้างแตกต่าง มีข้อจำกัด และต้องใส่ใจมากกว่าสุนัขไซซ์เล็กพอสมควร ผู้เลี้ยงหรือคนที่กำลังมีโครงการว่าจะรับน้องหมาพันธุ์กลาง – ใหญ่มาเลี้ยงจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้ ศึกษา และเช็กความพร้อมของตัวเองเสียก่อน

 

หมาใหญ่

 

พันธุ์ ลักษณะนิสัย เรารับมือไหวไหม? 

น้องหมาใหญ่มีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ไม่ได้แตกต่างกันแค่ลักษณะภายนอก หรือราคาค่าตัวของน้องเท่านั้น แต่เรื่องของลักษณะนิสัย ความฉลาดเชื่อฟัง พละกำลัง รวมไปถึงสิ่งที่ควรดูแล ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ โรคภัยไข้เจ็บ อาการป่วยของน้องหมาที่มีโอกาสเป็นง่ายก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ยกตัวอย่างเช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หมาตัวใหญ่ขนสีทองเป็นมิตรกับทุกคนที่เข้าหา เป็นสุนัขที่ค่อนข้างฉลาด ซื่อสัตย์ และติดคนมาก ต้องการความรัก ความเอาใจใส่สูง ไม่ชอบโดนทิ้งให้อยู่ลำพัง โกลเด้นเป็นสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อสะโพกอักเสบง่าย เจ้าของจำเป็นต้องพาน้องออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อให้กระดูก ไขข้อ และกล้ามเนื้อขาหลังแข็งแรง (การออกกำลังกายสามารถลดความเครียดให้สุนัขได้ด้วย) นอกจากนี้เมื่อสุนัขเริ่มอายุมากขึ้น มักจะมีปัญหาของโรคไขข้อสะโพกอักเสบ โรคเกี่ยวกับตา และโรคไต เจ้าของจำเป็นต้องระวังเรื่องนี้ไว้ให้มาก ๆ 

 

ที่อยู่อาศัย สถานที่เลี้ยง 

แน่นอนว่าการเลี้ยงน้องหมาตัวใหญ่ พื้นที่ในการเลี้ยงดูเขายอมต้องเยอะตามเป็นธรรมดา ยิ่งกับสุนัขบางพันธุ์ที่มีพลังการทำลายล้างสูง แรงเยอะ เป็นสุนัขที่ต้องออกกำลังกายเป็นประจำ สถานที่เลี้ยงยิ่งจำเป็นต้องมี Space เป็นบ้านที่ต้องมีบริเวณเพื่อซัพพอร์ตธรรมชาติของเขา มีที่ให้วิ่งได้ เล่นได้ มีรั้วรอบขอบชิดเพื่อไม่ให้สุนัขไปรบกวนเพื่อนบ้านคนอื่น ทำให้การตัดสินใจจะรับหมาใหญ่ซักตัวเข้ามาในบ้าน นอกจากการศึกษาสายพันธุ์ นิสัยให้ดีแล้ว เรื่องของที่อยู่อาศัย สถานที่เลี้ยงว่ามีความเหมาะสมกับสุนัขพันธุ์ที่คุณอยากเลี้ยงหรือเปล่าถือเป็น 1 ใน ปัจจัยสำคัญ ที่จะเป็นตัวกำหนดได้ทันทีว่าคุณพร้อมที่จะเลี้ยงน้องหมาใหญ่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีโอกาสส่งผลไปถึงสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตของสุนัขในอนาคตเลยทีเดียว

หมาใหญ่

 

อาหารที่ได้รับในแต่ละวัน 

“อาหาร” นับเป็นเรื่องใหญ่ที่จะกลายเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของน้องหมาได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ความพิเศษที่ทำให้การให้อาหารของน้องหมาใหญ่แตกต่างจากพันธุ์อื่นคือ ปริมาณอาหารที่ให้จะเยอะตามขนาดตัว โภชนาการต้องครบถ้วนแม่นยำเพื่อให้เพียงพอเหมาะสมกับร่างกายสุนัขพันธุ์กลาง พันธุ์ใหญ่ในแต่ละวัน (จุดนี้ผู้เลี้ยงต้องระวัง การปริมาณอาหารไม่ควรให้น้อยไป หรือมากไป ควรอยู่ในปริมาณที่พอดีเพื่อให้น้องสมควร) ส่วนประกอบของอาหารจะเน้นไปทางโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ดูแลในเรื่องการให้พลังงาน บำรุงกระดูก ไขข้อ ฟันให้แข็งแรงสมบูรณ์ มีโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยดูแลผิวหนัง บำรุงขนให้สวยเงางาม การเลือกอาหารสุนัขสำหรับสุนัขพันธุ์กลางและใหญ่จึงจำเป็นต้องเลือกให้ดี ทั้งในแง่ของวัตถุดิบว่ามีการใช้โปรตีนประเภทใดเป็นส่วนประกอบ ขนาดเม็ดอาหาร กลิ่น รสชาติที่ทำให้น้องหมาโปรดปราน และความแม่นยำของโภชนาการที่สามารถมอบให้สุนัขได้อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับสายพันธุ์ของเขา 

แนะนำ Buzz Healthy Joints Formula อาหารสุนัขสูตรบำรุงข้อกระดูก ผลิตและนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย สำหรับสูตรนี้จะมีส่วนผสมของกลูโคซามีน ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูกโดยเฉพาะ ป้องกันความผิดปกติที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับกระดูก ชะลอการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อต่อ ดูแลให้น้องหมาตัวโตของคุณสามารถวิ่งสนุก ร่าเริงอยู่กับคุณได้ยาว ๆ ลดความเสี่ยงโรคข้อกระดูกเสื่อม โรคยอดฮิตของหมาใหญ่ที่มักจะเจอเวลาที่พวกเขาอายุเยอะขึ้น 

หรือหากใครมีน้องหมาตัวใหญ่อยู่แล้วแต่น้องตัวอ้วนกลมเกินไป ไม่ใช่เรื่องดีต่อสุนัขแน่นอน แนะนำอาหารสุนัข Buzz Netura สูตรเนื้อปลาแซลมอน ผลิตและนำเข้าจากประเทศเบลเยี่ยม เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดผ่านการคิดค้นเพื่อให้เหมาะกับน้องหมาตัวใหญ่โดยเฉพาะ ทั้งขนาดเม็ดอาหาร โภชนาการที่ตอบโจทย์ คอยดูแลเขาทั้งในเรื่องพลังงานอย่างเหมาะสม เล่นสนุกสมวัยได้ทั้งวัน 

 

เพราะการที่เราจะรับสมาชิกใหม่เข้าบ้านมาซักหนึ่งตัว นั้นหมายความว่าเราต้องรับผิดชอบชีวิตน้อง ๆ เหล่านี้ไปตลอดอายุขัยของเขา การศึกษาข้อมูล การเตรียมความพร้อมก่อนเลี้ยงสุนัข โดยเฉพาะหมาใหญ่ที่มีข้อจำกัดในหลาย ๆ อย่างทั้งเรื่องสถานที่ งบ เวลาที่คุณต้องมีมากพอในการพาเขาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องคิดไปถึงอนาคต เมื่อน้องหมาเริ่มอายุเยอะ เวลาเจ็บป่วยคุณสามารถคุณสามารถขนย้าย หรือพาเขาไปพบสัตวแพทย์ได้ทันทีหรือไม่ แต่เชื่อเถอะว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หากได้เจอกับความน่ารักสดใส ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ของน้องหมาที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตประจำวันของคุณอย่างแน่นอน  

สุนัขหลังคลอด ต้องดูแลอย่างไร

สุนัขหลังคลอด ต้องได้รับการดูแลและสารอาหารอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างน้ำนมที่มีคุณภาพให้ลูกสุนัขได้กิน และฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง 

 

สภาวะของสุนัขหลังคลอด

       โดยปกติ แม่สุนัขหลังคลอด จะมีช่วงให้นมลูกประมาณ 8 – 9 สัปดาห์ ซึ่งสารอาหารที่แม่สุนัขได้รับจะนำไปใช้ในการสร้างน้ำนมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ช่วงหลังคลอดแม่สุนัขอาจซูบผอมไปบ้าง บางตัวอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว และอารมณ์ที่แปรปรวน ซึ่งเกิดจากสัญชาตญาณที่ต้องปกป้องลูก นอกจากนี้ สภาพขนของแม่สุนัขอาจดูหยาบกระด้างไม่เงางามเหมือนก่อน เนื่องจากช่วงตั้งท้องและให้นม แม่สุนัขจะถูกดึงโปรตีน แคลเซียม และฟอสฟอรัส จากร่างกายไปยังลูกสุนัขและน้ำนม จึงไม่แปลกที่หลังคลอดสภาพขนของน้องจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะสารอาหารเหล่านั้นเป็นส่วนประกอบจำเป็นต่อการมีสุขภาพขนที่ดี

ดังนั้น ในช่วงหลังคลอด นอกจากเจ้าของจะต้องใส่ใจดูแลลูกสุนัขแล้ว แม่สุนัขก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมและอาหารการกิน

สุนัขหลังคลอด

 

ดูแลสุนัขหลังคลอด ต้องทำอย่างไรบ้าง

  • ในช่วงแรกหลังคลอด ควรจัดพื้นที่ให้แม่และลูกสุนัขอยู่ โดยอากาศต้องถ่ายเทสะดวก ไม่มีสิ่งรบกวน เช่น สุนัขตัวอื่น คน ยุง แมลงวัน เป็นต้น เพราะในช่วงนี้แม่สุนัขจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพราะหวงลูก 

 

  • ไม่อาบน้ำสุนัขหลังคลอด ควรรอ 2 – 3 สัปดาห์ และต้องอาบโดยใช้แชมพูอ่อน ๆ สำหรับสุนัขโดยเฉพาะ เนื่องจากหากอาบน้ำทันที อาจมีสารตกค้างจากแชมพูติดตามตัวแม่สุนัข ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกสุนัขได้ในขณะดูดนม

 

  • พาสุนัขหลังคลอดไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ เพื่อตรวจเช็กการฟื้นตัว และหาความผิดปกติของร่างกาย จะได้รักษาได้ทันท่วงที

 

  • แม่สุนัขต้องได้รับอาหารและน้ำสะอาดที่เพียงพอ โดยสุนัขหลังคลอดจะต้องใช้พลังงานมากเป็นพิเศษเพื่อสร้างน้ำนม เจ้าของจะต้องให้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็น 2 – 3 เท่า จากปริมาณเดิมที่เคยให้ และเพิ่มจำนวนมื้ออาหารให้น้องเป็น 2 – 4 มื้อ / วัน ในช่วง 2 – 5 สัปดาห์แรกหลังคลอด หลังจากนั้น ค่อย ๆ ปรับปริมาณและมื้ออาหารให้ลดลง จนเหลือ 2 มื้อ / วัน ในปริมาณปกติ เพราะในช่วงสัปดาห์หลัง ๆ แม่สุนัขจะเริ่มสร้างน้ำนมน้อยลงแล้ว

 

เพราะอาหารที่ดี ส่งผลต่อสุขภาพของสุนัขโดยตรง เจ้าของอย่างเรา จึงใส่ใจดูแลด้วยการเลือกอาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างแคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อสุนัขหลังคลอด อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารสุนัขพรีเมียม ไม่แต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด ที่มีสารอาหารครบถ้วนตามที่แม่สุนัขต้องการ พร้อมมีหลากหลายรสให้เลือก ตอบโจทย์เจ้าของที่อยากดูแลและฟื้นฟูสุนัขหลังคลอดให้กลับมาแข็งแรงได้ดังเดิมเป็นอย่างยิ่ง

 

มารู้จักกับปัญหา ช่องปากสุนัข กัน

รู้หรือไม่ น้องหมาก็มีปัญหา ช่องปากสุนัข กว่า 90 % เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ไม่คิดว่าสุนัขจะมีปัญหาช่องปาก ทำให้มองข้ามการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา

 

สัญญาณเตือน ปัญหาช่องปากสุนัข
ลักษณะช่องปากสุนัขที่สุขภาพดี ต้องมีฟันสะอาด ไม่มีคราบจุลินทรีย์ และหินปูน เหงือกเป็นสีชมพู ไม่ร่นแนบติดกับตัวฟัน อีกทั้งมีขอบเขตของเหงือกที่ชัดเจน ถ้าช่องปากสุนัขของคุณมีลักษณะเช่นนี้ ก็บ่งชี้ได้ว่าน้องมีสุขภาพช่องปากที่ดี ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดเป็นประจำ แต่หากคุณพบกับสัญญาณเหล่านี้แทน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าสุนัขกำลังเผชิญกับปัญหาช่องปากอยู่ก็ได้

  • มีกลิ่นปาก โดยมีสาเหตุจากแบคทีเรียสะสมและหมักหมมอยู่ในช่องปาก แสดงให้เห็นว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีแผลในช่องปาก อักเสบและเป็นตุ่มหนอง เลือดออกในช่องปาก นอกจากนี้ โรคต่าง ๆ อย่าง โรคไต โรคเบาหวาน ก็ทำให้น้องหมามีกลิ่นปากผิดปกติได้เช่นกัน
  • น้ำลายไหลยืดผิดปกติ เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกความผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น มีเนื้องอกในช่องปาก เหงือกอักเสบรุนแรง คราบหินปูนจำนวนมาก มีการติดเชื้อที่ระบบประสาท  หรืออาจได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
  • ฟันเปลี่ยนสี แสดงให้เห็นว่ามีการสะสมของคราบหินปูนจำนวนมาก อาจเป็นโรคทางพันธุกรรม หรืออาจมีการติดเชื้อบริเวณรากฟัน
  • เหงือกบวมแดง อักเสบ เป็นสัญญาณของปัญหาช่องปากสุนัข ไม่ว่าจะเป็น โรคปริทันต์ เหงือกร่น ฟันโยก ฟันหลุด ซึ่งส่งผลให้น้องหมาไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

ช่องปากสุนัข

ปัญหาช่องปากสุนัขที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง? 

เมื่อพบสัญญาณเตือนดังกล่าว ให้สงสัยได้เลยว่า น้องอาจมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น โดยสุนัขกลุ่มที่เสี่ยงจะมีปัญหาช่องปาก คือ สุนัขที่มีอายุมากกว่า 3 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาที่มักจะพบ มีดังนี้

 

  • คราบพลัคและหินปูน ปัญหาช่องปากสุนัขที่ต้องกำจัดออก
  • คราบพลัค หรือคราบจุลินทรีย์ เกิดจากแบคทีเรียจากอาหารที่กินเข้าไปรวมตัวกับน้ำลาย กลายเป็นแผ่นฟิล์มเหนียว ๆ ปกคลุมพื้นผิวฟัน เมื่อไม่ได้รับการกำจัดออกด้วยการแปรงฟันหรือขูดหินปูน ภายใน 3 – 5 วัน คราบพลัคเหล่านั้นจะรวมตัวกับแร่ธาตุในน้ำลาย แข็งตัวกลายเป็นหินปูนเกาะอยู่บนฟันสุนัข การสะสมของหินปูนจำนวนมากเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก และอาการเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการสูญเสียฟัน

     

  • โรคปริทันต์ ปัญหาช่องปากสุนัขที่เป็นต้นต่อของการสูญเสียฟัน
  • เมื่อคราบพลัคและหินปูนสะสมจำนานมาก โดยเฉพาะบริเวณขอบและร่องเหงือก จะทำให้จำนวนแบคทีเรียก่อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองเชื้อแบคทีเรียก่อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะปริทันต์ ได้แก่ เหงือก เอ็นยึดปริทันต์ เคลือบรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน โดยอาการของโรคจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
    • ระยะที่ 1 เหงือกอักเสบ

    เหงือกมีลักษณะบวมแดง อาจมีเลือดออกตามร่องเหงือก ในระยะนี้สามารถกลับมาเป็นปกติได้หากกำจัดคราบพลัคและหินปูนออกจนหมด

    • ระยะที่ 2 ปริทันต์อักเสบ

    เป็นระยะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยท้ายที่สุดจะเกิดการสลายของเอ็นยึดปริทันต์ และกระดูกเบ้าฟัน เป็นเหตุให้สูญเสียฟัน ซึ่งอาการที่พบในช่องนี้ คือ มีกลิ่นปาก เลือดออกตามขอบเหงือก เจ็บปวดรุนแรงทุกครั้งที่สัมผัสปาก กินอาการลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากมีอาการติดเชื้อที่โพรงรากฟัน จะพบฝีหรือแผลเรื้อรังที่ใบหน้าบริเวณใต้ตา เป็นลักษณะบ่งชี้

    นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียก่อโรคตัวนี้ ยังสามารถแพร่ไปยังหลอดเลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด และก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคตับ โรคหัวใจ

    เมื่อพบอาการผิดปกติที่บ่งชี้โรค เจ้าของควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะปานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่

    ดูแลช่องปากสุนัข เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

    เพราะปัญหาช่องปากสุนัข สร้างผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพโดยรวม ทางที่ดี ตัวเจ้าของอย่างเราควรดูแลและป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นด้วยวิธีเหล่านี้

    • ทำความสะอาดช่องปากและฟันเป็นประจำ ด้วยการแปรงฟัน โดยควรเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขเพื่อสร้างความเคยชิน หรืออาจใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การให้ขนมสุนัขที่ช่วยขัดฟัน
    • พาสุนัขไปตรวจสุขภาพช่องปากและฟันกับสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 

    สุนัข

    นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพช่องปากสุนัข การเลือกอาหารสุนัขที่ประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตครบถ้วน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อย่าง Buzz Balance Nutrition ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของต้องเลือกสรรให้น้องหมาที่คุณรัก เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และสุขภาพช่องปากที่ดี

     

     

สุนัขแก่ ควรดูแลอย่างไร?

สุนัขแก่ ต้องดูแลอย่างไรดี? แน่นอนว่าถ้าน้องหมาอยู่กับเรา ใช้ชีวิตกับเราจนแก่ได้ขนาดนี้ ความรัก ความผูกพันย่อมต้องมีมากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ร่างกายของสุนัขก็เหมือนมนุษย์เรานั่นแหละ พออายุเยอะขึ้น สังขารก็ต้องมีโรยราตามกาลเวลาเป็นเรื่องธรรมดา ความแข็งแรงมีไม่เหมือนเดิม ต้องระมัดระวังหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ตั้งแต่อาหารการกิน การใช้ชีวิต ซึ่งไม่ต่างจากการดูแลผู้สูงอายุเลย จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงเองที่ต้องใส่ใจดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่จะต้องดูแลอย่างไร? มีความแตกต่างจากการดูแลน้องหมาวัยหนุ่มสาวอย่างไร อาหารสุนัข BUZZ PETS มีเคล็ดลับการดูแลมาฝาก 

 

สุนัขเริ่มแก่แล้ว สังเกตอย่างไร? 

อยู่ด้วยกันทุกวัน บางทีคุณอาจจะไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของสุนัขเท่าไรนัก ตามปกติแล้วสุนัขจะเริ่มแก่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 8 ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของน้องหมาแต่ละพันธุ์

  • สุนัขพันธุ์เล็ก จะเริ่มแก่เมื่ออายุเข้าปีที่  8 และอายุยืนถึง 14 -15 ปี
  • สุนัขพันธุ์กลาง จะเริ่มแก่เมื่ออายุ 6 – 7 ปี และอายุยืนถึงประมาณ 12 ปี 
  • สุนัขพันธุ์ใหญ่ จะเริ่มแก่เมื่ออายุ 5 – 6 ปี และอายุยืนได้ถึง 10 ปี

 

แต่นอกจากเรื่องของอายุแล้ว คุณยังสามารถสังเกตได้ลักษณะทางร่างกาย นิสัย ความขี้เล่นที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุขัย เช่น สีขน หากเป็นสุนัขที่มีหลายสี สีส่วนที่เข้มสุดจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงก่อนโดยเฉพาะขนบริเวณปาก ใบหน้า จะเปลี่ยนชัดเจนมาก น้องหมาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง ไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน มีอาการเหนื่อยง่ายเพิ่มเติม นอนบ่อยมากขึ้น บางตัวอาจมีอาการตาฝาง ผิวหนังเริ่มมีกระเนื้อเพิ่มขึ้น 

เมื่อความคล่องตัวไม่เหมือนเดิม ระบบภายในร่างกายเริ่มลดประสิทธิภาพในการทำงานลง ความขี้เล่น ความบ้าพลังเริ่มลดลงโรยราไปตามอายุ การดูแลน้องหมาก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม ซัพพอร์ตกับร่างกายที่เปลี่ยนไปของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ เพื่อให้น้องหมาอยู่กับเราอย่างแข็งแรงไปได้อีกยาว ๆ

 

สุนัข

 

“อาหาร” สิ่งสำคัญที่ต้องเปลี่ยนแปลง 

น้องหมาก็เหมือนกับเรา ที่พอแก่ตัวลงท้องไส้ก็เริ่มไม่คอยดี ย่อยอาหารยาก ท้องอืดบ่อย อึถ่ายไม่สะดวก แนะนำให้ลองเปลี่ยนมาให้น้องหมากินอาหารสุนัขที่มีโปรตีนในปริมาณที่พอดีเพื่อลดการทำงานของไต มีไขมันน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวันเท่านั้น และมีส่วนประกอบของไฟเบอร์สูง เพื่อให้น้องหมาย่อยอาหาร และขับถ่ายได้อย่างปกติ คุณอาจจะต้องดูให้ลึกไปถึงส่วนประกอบที่ใช้ผลิตอาหารเลย แนะนำให้เลือกอาหารสุนัขที่ใช้เนื้อแกะเป็นหลัก เพราะเนื้อแกะถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สัตว์เลี้ยงมีโอกาสแพ้น้อยมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายมากกว่าเนื้อแดงประเภทอื่น ๆ เปลี่ยนเวลาและปริมาณอาหารที่ให้เป็นประจำ จากปกติที่ให้น้องหมากิน 1 มื้อในปริมาณเยอะ ๆ ทีเดียวจบ คุณอาจต้องเปลี่ยนแบ่งเป็น 2 มื้อ แล้วลดปริมาณในแต่ละมื้อแทน นอกจากนี้ควรมีน้ำดื่มวางไว้ให้น้องหมาตลอดเวลาด้วย

สุนัข

การดูแลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สำคัญ 

นอกจากเรื่องอาหารแล้ว การดูแลน้องหมาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สำคัญมาก และทำให้เขาได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ดังนี้

สถานที่นอน : ควรรองที่นอนของน้องหมาให้นุ่มสบายมากขึ้น เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้นกับข้อต่อต่าง ๆ หรืออาการปวดเนื้อปวดตัวของสุนัขเมื่อเริ่มแก่ตัวลง  

การขับถ่าย : พอเริ่มแก่อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเจอคือเรื่องอั้นฉี่ ควรพาน้องหมาไปขับถ่ายให้บ่อยขึ้น หรือทำมุมปลดทุกข์ให้สุนัขไปเลย 

การออกกำลังกาย : ความบ้าพลังอาจจะหดหายไปบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้สุนัขนั่งซึมไม่พาไป Relax หรือออกกำลังกายเลย สิ่งนี้ยังสำคัญกับสุนัขอยู่ แต่แค่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ควรเป็นกิจกรรมที่ส่งผลเสียต่อข้อต่อ กระดูก หรือใช้พลังงานเยอะ หักโหมจนเกินไป 

การทำความสะอาด : สุขลักษณะของสุนัขยังคงเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าน้องหมาจะอยู่ในวัยไหน ยิ่งกับสุนัขแก่ที่ร่างกายเคลื่อนไหวลำบาก เริ่มทำความสะอาดขนตัวเองไม่ได้ มีปัญหาช่องปากที่เริ่มกินอาหารแข็ง ๆ ไม่ได้ เริ่มมีหินปูนเกาะซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามส่งผลต่อน้องหมาในอนาคต (อีกไม่ไกล) การใส่ใจในเรื่องนี้จะช่วยน้องหมาได้เยอะ 

เพราะน้องหมาบางตัวเป็นมากกว่าเพื่อนต่างพันธุ์ แต่เขาเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน การดูแลเขาให้ดีที่สุดในวันที่เขาแก่ตัวลงจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงอย่างเรา ๆ ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้เขาสุขภาพแข็งแรง มีความสุขสนุกสนานกับเราไปได้เรื่อย ๆ

ไขข้อข้องใจ สุนัขกินอาหารคน ได้หรือไม่?

สุนัขกิน อาหารคน ได้หรือไม่? คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่พูดคุยกันมานานในกลุ่มคนรักสุนัขเลยก็ว่าได้ เพราะอาหารถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว จึงทำเกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับอาหารของน้องหมา บ้างก็บอกว่าควรให้กินเฉพาะอาหารสุนัขเท่านั้น บ้างก็เลือกที่จะสลับระหว่างอาหารคนและอาหารสุนัข เพื่อลดอาการเบื่ออาหารหากกินแต่อาหารเม็ดเป็นเวลานาน บ้างก็เลือกที่จะปรุงอาหารให้สุนัขเองทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงใดคือเรื่องถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อสุนัขตัวโปรดของเรามากที่สุด วันนี้ BUZZ PETS FOOD มีข้อมูลมาฝาก

 

อาหารคน สุนัขกินได้แต่ต้องผ่านความใส่ใจ 

อาหารคน สุนัขสามารถกินได้ แต่ทุกอย่างต้องผ่านการใส่ใจสูง เพราะระบบภายในร่างกายของสุนัข (รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ) มีความซับซ้อนและแตกต่างจากมนุษย์มาก อาหารบางอย่างที่เราคิดว่าดี รสชาติอร่อย หรือมีประโยชน์กับเรามาก ๆ อาจจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุนัขเลยก็ได้ เช่น ตับย่าง ไก่ย่างหมักเค็มนำ อร่อยทั้งคนทั้งน้องหมา แต่ใครจะไปรู้ว่าอาหารปรุงรสโดยเฉพาะรสเค็มจะทำให้สุนัขกลายเป็นโรคไตวายในอนาคต ดังนั้นการใส่ใจก่อนคิดจะยื่นอะไรให้สุนัขตัวโปรดกินทุกครั้งจึงสำคัญ ไม่ใช่ว่าเห็นน้องหมาทำหน้าตาน่าสงสาร นั่งน้ำลายไหลมองเข้าหน่อยก็ใจอ่อนไปซะหมดนะ

 

สุนัข

 

อาหารที่จะให้สุนัขในแต่ละมื้อ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “โภชนาการ” ของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ทุกอย่างต้องครบถ้วน และเพียงพอต่อร่างกาย ปริมาณอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสัมพันธ์กับน้ำหนักตัว พันธุ์ อายุ การใช้พลังงานในแต่ละวันของสุนัข และเพราะความยากทั้งในเรื่องวัตถุดิบของอาหารที่บางชนิดสุนัขไม่สามารถกินได้ ขั้นตอนการปรุงอาหารที่ต้องคลีนมาก ไม่ควรแต่งรสชาติจนเหมือนอาหารคนที่เรารับประทานกันแบบปกติทั่วไป บวกกับการคำนวณโภชนาการต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเนี่ยแหละ จึงทำให้เจ้าของน้องหมาหลาย ๆ คนถอดใจ เพราะหากโภชนาการที่เราให้น้องหมาน้อยหรือมากเกินไป ทุกอย่างนี้จะแลกมากับสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวของสุนัขเอง

 

สุนัข

 

เลือกอาหารสุนัขดีกว่าอย่างไร? 

เพราะความยาก ความละเอียดของกระบวนการต่าง ๆ ในการปรุงอาหารให้สุนัข แถมหากคุณไม่ได้มีความรู้ด้านนี้โดยตรงมาก่อน ลองทำแล้วก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลดี หรือผลเสียต่อสุขภาพสุนัขของคุณกันแน่ จึงทำให้ “อาหารสุนัข” กลายมาเป็นทางเลือกสำคัญของคนรักสุนัขที่ต้องการดูแลเรื่องอาหารของน้องหมาให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ส่งเสริมให้เขามีสุขภาพดีในทุกด้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

ซึ่ง อาหารสุนัข ก็มาจากวัตถุดิบอาหารธรรมดาทั่วไปเนี่ยแหละ แต่จะผ่านการคำนวณปริมาณ ดูแลเรื่องประโยชน์ด้านโภชนาการต่าง ๆ ที่สุนัขจะได้รับอย่างเหมาะสม นำมาเข้ากระบวนการแปรรูปให้อยู่ในรูปแบบของอาหารเม็ดทำให้ง่าย และประหยัดเวลากับเรามากขึ้น 

แต่เพราะสุนัขแต่ละตัวมีปัจจัยหลายอย่างที่แตกต่างกัน ทั้งพันธุ์ อายุ ขนาดตัว พลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน จุดนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้เลี้ยงเอง ที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับน้องหมาของคุณ เลือก BUZZ PETS FOOD อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมที่เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุด ครบถ้วน ถูกต้องตามหลักโภชนาการที่สัตว์เลี้ยงของคุณควรจะได้รับ เพื่อให้สุนัขตัวโปรดของคุณแข็งแรง สุขภาพดี พร้อมเล่นสนุกอยู่กับเราไปได้อีกยาว ๆ 

 

BUZZ PETS มีผลิตภัณฑ์หลายสูตรเพื่อให้คุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมมากที่สุดกับสัตว์เลี้ยงของคุณ มีตั้งแต่สูตรตามมาตรฐาน ไปจนถึงสูตรที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษ เช่น สูตรสำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องไขข้อ สูตรสำหรับลูกสุนัข หรือสูตรสำหรับสุนัขแพ้ง่าย เป็นต้น

วิธีดูแล น้องหมา ช่วงฮีตหรือติดสัด

น้องหมาช่วงฮีต หรือ ติดสัด เป็นสัญญาณธรรมชาติที่บ่งบอกได้ว่าพร้อมแล้วที่จะผสมพันธุ์แล้ว ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นช่วงที่มือใหม่หลาย ๆ คนกังวลและสับสนว่าควรจะรับมืออย่างไรดีกับการติดสัดของน้อง เนื่องจากนอกจากจะมีอาการติดสัดแล้วก็ยังร้องเสียงดังหลายครั้งจนทำให้เรายิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก วันนี้ Buzz Pets Food จึงมีวิธีดูแลน้องหมาช่วงฮีตหรือติดสัดมาฝากทุกคน 

 

 

สัญญาณเตือนและวงจรช่วงติดสัด (Estrus Cycle)

สัญญาณแรกที่สังเกตได้คือการบีบรัดของช่องคลอด อวัยวะเพศบวมแดงแต่จะสังเกตได้ไม่ชัดเจนมากนัก ทั้งนี้สามารถสังเกตได้อีกอย่างคือการมีของเหลวสีแดงไหลจากช่องคลอด ซึ่งคล้ายกับเลือดประจำเดือนในคน การเป็นสัดครั้งแรกจะเริ่มเมื่อสุนัขมีอายุประมาณ 6 – 12 เดือน แล้วแต่สายพันธุ์ โดยสามารถแบ่งวงจรช่วงฮีตหรือติดสัด (in heat) ได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้

 

  • ระยะก่อนติดสัด (Proestrus)  ระยะเวลาประมาณ 4 – 20 วัน อวัยวะเพศเริ่มขยายใหญ่ขึ้น มักจะเห็นเลือดหรือเมือกสีแดงสดไหลออกมา คล้ายเลือดประจำเดือนในคน ทำให้หลายคนเข้าใจว่าสุนัขมีประจำเดือน ซึ่งในช่วงนี้สุนัขจะก้มไปเลียอวัยวะเพศตัวเองเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังกินน้ำและขับถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้นด้วย

 

  • ระยะติดสัด (Estrus) ระยะเวลาประมาณ 5 – 13 วัน เลือดหรือเมือกสีแดงสดเริ่มจางลงเรื่อย ๆ สุนัขเพศเมียจะเริ่มสนใจสุนัขเพศผู้มากกว่าช่วงระยะก่อนติดสัด สังเกตได้ง่าย ๆ โดยใช้มือกดและแตะที่บริเวณหลังหรือเอวสุนัขแล้วดูว่าสุนัขยืนนิ่งยกหางหรือไม่ หากใช่ แสดงว่าเป็นการยอมรับการผสมพันธุ์นั่นเอง

 

  • ระยะหลังติดสัด (Diestrus) ระยะเวลาประมาณ 60 – 90 วัน อวัยวะเพศจะค่อย ๆ ลดขนาดลงจนกลับมาเท่าขนาดปกติ ไม่พบของเหลวไหลออกมาอีก แต่ถ้าหากน้องหมาผสมพันธุ์ไปแล้วในระยะติดสัด ก็จะตั้งท้องและคลอดลูกภายในระยะนี้

 

  • ระยะพัก (Anestrus)  ระยะเวลาประมาณ 2 – 3 เดือน เป็นระยะพักและซ่อมแซมมดลูกหรือเรียกได้ว่าเป็นระยะที่มดลูกเข้าอู่ในสุนัขที่เพิ่งออกลูก โดยเมื่อสิ้นสุดระยะนี้แล้วจะเข้าสู่วงรอบการติดสัดครั้งต่อไป

 

โดยเฉลี่ยส่วนมากแล้วสุนัขจะติดสัดประมาณ 2 รอบต่อปี หรือทุก ๆ 6 เดือน สำหรับสุนัขพันธ์ุเล็กอาจติดสัดได้มากถึง 3 รอบต่อปี ในขณะที่สุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีอาการติดสัดเพียง 2 รอบต่อปี ซึ่งถ้าน้องหมาเพิ่งมีอาการติดสัดในช่วงแรกก็ไม่ต้องตกใจไปที่วงจรการติดสัดอาจมีอะไรผิดสังเกตไปบ้าง เพราะโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ที่วงจรการติดสัดของน้องหมาถึงจะพัฒนาให้เป็นปกติ

 

 

น้องหมา

 

วิธีการดูแลน้องหมาช่วงติดสัด

  1. หากเราไม่ต้องการให้น้องหมาตั้งท้อง ควรกักบริเวณในช่วงระยะติดสัด แต่ถ้าอยากให้มีลูกช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพราะสุนัขจะยอมรับการผสมพันธุ์และเป็นช่วงที่ไข่ตก จึงมีโอกาสตั้งท้องสูงมาก
  2. หมั่นดูแลเรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำให้น้องหมาบ่อยครั้งขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่กินน้ำเยอะกว่าช่วงอื่น ๆ 
  3. ใส่ผ้าอ้อมหรือแพมเพิร์สให้น้องหมา เพื่อลดความยุ่งยากในการทำความสะอาด เพิ่มเวลาสังเกตและใส่ใจกับน้องหมามากขึ้นแทน
  4. สุนัขมักจะมีอาการกระสับกระส่ายมากขึ้นในช่วงติดสัด ดังนั้นจึงควรเล่นด้วยบ่อย ๆ และให้ความรักมากขึ้นเป็นพิเศษ
  5. ปล่อยให้น้องหมาได้ผ่อนคลายบ้าง เพราะในช่วงนี้จะมีอาการหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย โดยอาจจะพาไปวิ่งเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ

 

จะเห็นได้ว่าการสังเกตน้องหมาช่วงฮีตและติดสัด รวมถึงวิธีการดูแลน้องหมาในช่วงนี้ไม่ยากและไม่น่ากังวลอย่างที่คิดเลย ลองนำไปปรับใช้กันนะคะ แล้วคราวหน้าจะมีวิธีการดูแลน้องหมาอะไรอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ

 

ขี้เรื้อนแห้ง กับขี้เรื้อนเปียก ต่างกันอย่างไร

ขี้เรื้อน อีกหนึ่งโรคผิวหนังที่พรากความสวยงามและความมีชีวิตชีวาไปจากสุนัขของคุณ ที่มีต้นเหตุมาจากการติดปรสิตภายนอกที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้สุนัขมีอาการคัน ขนร่วง ผิวหนังแดง และเป็นแผลเลือดออกได้ ในปัจจุบัน โรคขี้เรื้อนสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ตามชนิดของไรซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ และอาการของโรค ดังนี้ Continue reading “ขี้เรื้อนแห้ง กับขี้เรื้อนเปียก ต่างกันอย่างไร”