Cook With Heart, Feed With Love™

รวม อาหารอันตรายต่อแมว ที่เจ้าทาสควรรู้

อาหารอันตรายต่อแมว เรื่องใหญ่ที่เจ้าทาสอย่างเราต้องรู้ และทำความเข้าใจให้ดี เพราะอาหารบางอย่าง หรือแม้กระทั่งวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ บางประเภทที่เรามองว่าส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ อาจจะไม่ได้เป็นผลดีกับร่างกายของน้องแมว ซ้ำร้ายกว่านั้นอาจจะกลายเป็นโทษรุนแรงถึงขั้นชีวิตเลยก็มี ซึ่งคุณเองก็คงไม่ได้อยากเป็นคนหยิบยื่นยาพิษเหล่านี้ให้น้องแน่ ๆ ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจ “อาหารอันตรายต่อแมว” กันค่ะ ว่ามีสิ่งไหนที่แมวเหมียวกินไม่ได้ เข้าขั้นอันตราย หรือสิ่งไหนที่กินได้แต่ควรหลีกเลี่ยงบ้าง พร้อมทั้งเจาะลึกว่าอาหารต้องห้ามแต่ละอย่าง ให้โทษส่งผลต่อร่างกายน้องแมวอย่างไร มาดูกัน 

ห้ามเด็ดขาด อาหารอันตรายต่อแมว 

เพราะร่างกายของน้องแมว โดยเฉพาะระบบย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ มีความแตกต่างกับมนุษย์และสัตว์ประเภทอื่น บางอย่างที่เป็นประโยชน์กับเรา อาจจะส่งผลร้ายกับน้องแมวถึงขั้นเสียชีวิต สำหรับอาหารอันตรายต่อแมวที่ห้ามอย่างเด็ดขาด จะมีดังนี้ 

อาหารอันตรายต่อแมว

ช็อกโกแลต : เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กับน้องหมาเท่านั้น แต่น้องแมวเหมียวก็ด้วย สำหรับช็อกโกแลตของหวานสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่กลายเป็นสิ่งต้องห้ามจนเปรียบเสมือนยาพิษของเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ภายในช็อกโกแลตมีสาร “Theobromine” สารอันตรายที่ส่งผลต่อการโดยตรงต่อระบบหายใจ หากแมวได้รับจะมีอาการหายใจถี่ผิดปกติ คลื่นไส้ กระสับกระส่าย หรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ช็อกโกแลตไม่กี่มิลลิกรัม สามารถทำให้น้องกลับดาวแมวได้เลย และยิ่งหากเป็นตัวดาร์กช็อกโกแลตด้วยแล้ว ความเข้มข้มของสาร Theobromine มีสูงมาก เท่ากับเพิ่มความอันตรายอีกเท่าตัว 

มะเขือเทศ : สงสัยกันแน่ ๆ ว่ามะเขือเทศเนี่ยนะหรอ? ส่งผลร้ายกับน้องแมว บอกเลยว่าส่งผลมากกว่าที่คิดค่ะ ภายในมะเขือเทศจะมีสารอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า “กลีโคอัลคาลอยด์ โซลานีน” หากแมวได้รับเข้าไปแล้วจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสช็อก และเสียชีวิตได้ทันที อันตรายมาก 

อาหารอันตรายต่อแมว เลี่ยงได้ต้องเลี่ยง 

สำหรับอาหารบางชนิดอาจไม่ได้เป็นอันตรายต่อน้องแมวรุนแรงถึงขั้นชีวิตแบบเฉียบพลัน แต่ถ้าไม่หลีกเลี่ยง หรือระวังเป็นพิเศษละก็ ส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตของน้องอย่างแน่นอน่นกัน สำหรับอาหารอันตรายต่อแมวที่ควรเลี่ยง มีดังนี้ 

อาหารปรุงของคน : อาหารที่ผ่านการปรุงแบบที่คนกิน โดยเฉพาะอาหารประเภททอดจะนำพาน้องไปสู่การเป็นโรคมะเร็ง โรคไต ในอนาคตได้ง่ายกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะร่างกายของแมวไม่มีระบบขับถ่าย หรือตัวช่วยคัดกรองสารก่อมะเร็งได้เท่ากับคน พอร่างกายต้องทำงานอย่างหนักเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้บ่อย ๆ เข้าก็จะเสื่อมไปตามสภาพ 

ปลาดิบ ไข่ดิบ : การให้น้องแมวกินอาหารดิบเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดวิตามิน B, B1 ซึ่งส่งผลต่อปัญหาผิวหนัง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษจากแบคทีเรีย น้องแมวบางรายอาจถึงขั้นช็อกหมดสติ และเสียชีวิตได้ในที่สุด 

ยีสต์ : เมนูที่มีส่วนผสมของยีสต์โดยเฉพาะขนมปังต่าง ๆ อาจทำให้แมวเกิดอาการปวดท้อง ภูมิแพ้ อาจเป็นสาเหตุของอาการผิวหนังอักเสบได้ 

ตับ : สำหรับเรา “ตับ” อาจจะเป็นเมนูที่มีประโยชน์ในด้านธาตุเหล็กมาก แต่สำหรับแมวแล้วกลับให้โทษมากกว่า เพราะจะส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินเอในร่างกายของน้องแมว ทำให้เกิดกระดูกเปราะ และยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของมดลูกอีกด้วย

ลูกเกด องุ่น : เจ้าผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยวของโปรดของใครหลาย ๆ คนเนี่ยละ ถือเป็นยาพิษแบบผ่อนส่งให้นอนแมวกลับไปวิ่งเล่นดาวแมวอย่างสงบมานักต่อนักแล้ว สารบางอย่างในองุ่นจะทำให้แมวเหมียวเกิดอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง ยิ่งหากได้รับในปริมาณมาก ๆ หรือมีแพ้อาหารประเภทนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

เพราะเรื่องของอาหาร คุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ เจ้าของอย่างเราคือผู้หยิบยื่นให้เขาเต็ม ๆ น้องแมวจะสุขภาพดี ได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน หรือป่วยง่าย สุขภาพไม่แข็งแรง จะเป็นอย่างไรส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจธรรมชาติของแมว ให้ความรัก ความเอาใจใส่ เรียนรู้ว่าอะไรที่เป็นอาหารอันตรายต่อแมวแล้ว เรื่องโภชนาการจากอาหารที่ต้องครบถ้วน อยู่ในปริมาณเหมาะสม แม่นยำตามที่แมวสุขภาพดีซักตัวจะต้องมี ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด มอบความรักให้เขาผ่านอาหารแมวที่เข้าใจแมวมากที่สุดอย่าง Buzz Pet Food ผ่านการวิจัย คัดสรรวัตถุดิบที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับสุขภาพร่างกาย ทั้งภายในและภายนอกมากที่สุด เพื่อให้เขาคงความสดใส ร่าเริง เล่นสนุกอยู่กับคุณได้ในทุก ๆ วัน 

มารู้จักกับ อาหารโฮลิสติก อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับน้องหมาตัวโปรด

อาหารโฮลิสติก เป็นอาหารสัตว์อีกหนึ่งเกรดที่กำลังเป็นที่รู้จักในหมู่แวดวงของคนรักสัตว์ โดยเฉพาะเจ้าทาสคนไหนที่อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ของตัวเอง อาหารโฮลิสติกถือเป็นอาหารเกรดสูงอันดับต้น ๆ ของประเภทอาหารสัตว์ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยงโดยตรง ทั้งในแง่ระบบภายในร่างกาย ความแข็งแรง พลังงานที่ได้รับ ผิวหนังขนสวย การขับถ่าย ส่งผลแม้กระทั่งกลิ่นของมูล แต่เพราะอะไร? อาหารประเภทนี้ถึงมีความแตกต่างจากอาหารสุนัขปกติทั่วไป วันนี้ Buzz pet มีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

อาหารโฮลิสติก คืออะไร? 

อาหารโฮลิสติก เป็นอาหารสัตว์ที่โดดเด่นในเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบมาก โดยจะเน้นไปที่การใช้ของที่มาจากธรรมชาติแท้และสารอินทรีย์ ใช้เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้หลากหลายประเภท ส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะวัตถุดิบแบบ Human Grade หรือวัตถุดิบเกรดเดียวกับคน ไม่มีการใช้เศษเนื้อ เศษอาหาร ไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ทางเคมี สารถนอมอาหาร สารกันบูดกันเสีย เติมสี หรือแต่งกลิ่นแต่อย่างใด นอกจากนี้ อาหารโฮลิสติกยังมีการคำนวณคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน แม่นยำ และมีความเฉพาะเจาะจงสูง อาหารสัตว์ประเภทนี้จึงมีแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลาย ๆ สูตร ที่มีให้เห็นบ่อยจะแบ่งในเรื่องของขนาดตัว พันธุ์ เป็นต้น 

โดยคำว่า “โฮลิสติก” มีความหมายว่า “องค์รวม” อาหารประเภทนี้จึงมีหัวใจสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ แบบองค์รวม ตั้งแต่ระบบภายในร่างกาย อาหารย่อยง่าย ลดปัญหาสัตว์เลี้ยงแพ้อาหาร ดูแลเรื่องความแข็งแรง ทำให้เขาได้รับพลังงานที่เพียงพอ พร้อมเล่นสนุกได้ในแต่ละวัน ดูผิวหนังขนให้สวยเงางาม ระบบขับถ่ายอยู่ในเกณฑ์ดี อึถ่ายเป็นก้อน ละเอียดไปจนถึงเรื่องของกลิ่นจากมูลน้องหมา ที่จะไม่ส่งกลิ่นแรงเหมือนอาหารเกรดอื่นเลยทีเดียว 

อาหารโฮลิสติก

สุขภาพสุนัขที่กินอาหารโฮลิสติก

เพราะความใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบ กรรมวิธีในการผลิตเพื่อให้ได้อาหารโฮลิสสิกที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติแท้อย่างครบถ้วนนั้นเอง จึงทำให้อาหารประเภทนี้สามารถดูแลสุขภาพน้องหมาได้ทั้งองค์รวม ดูแลทุกระบบ ตอบสนองต่อเนื่องกันไปอย่างเป็นระเบียบ ยิ่งหากให้น้องหมากินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เราจะยิ่งสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงสุขภาพดีของเขา ซึ่งข้อดีที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพมีดังนี้ 

  • สามารถใช้เพิ่มน้ำหนักให้สุนัขที่ขาดสารอาหาร หรือช่วยลดน้ำหนักสุนัขที่อ้วนจนเกินไปได้ 
  • เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ย่อยง่าย มีมวลขนาดเล็ก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย ไม่มีปัญหาการย่อยอาหารผิดปกติ ไม่ทำให้น้องหมามีอาการแพ้อาหาร โดยเฉพาะอาการแพ้โปรตีน หรือแพ้ธัญพืช 
  • ปรับสุขภาพผิวหนังให้ดี ขนสวยเงางาม 
  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่เป็นโรคง่าย ๆ
  • ส่งเสริมในเรื่องระบบย่อยอาหาร ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบที่มีกากใยสูง มีเอมไซน์ช่วยย่อยต่าง ๆ ลดกลิ่นของมูลของน้องหมาได้อีกด้วย 
  • ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวเป็นอย่างมาก เพราะภายในร่างกายของน้องหมาที่มีสารตกค้างจากเคมีที่ติดมากับอาหารสุนัข 

 

การที่เจ้าตูบของคุณจะมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ ปัจจัยสำคัญคือเรื่องของอาหารค่ะ การเลือกอาหารโฮลิสติกอย่าง BUZZ Netura สูตรเนื้อปลาแซลมอลจากประเทศเบลเยี่ยม อัดแน่นไปด้วยโภชนาการจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ดีที่สุด ใช้เฉพาะ High Quality Meat, Grain Free ไม่ใส่เกลือ ปราศจากธัญพืช ไม่มีการเเต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด ถือเป็นทางเลือกสำคัญที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน หากมองไปถึงสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจของสุนัขในระยะยาว

แมวร้องตอนกลางคืน ปัญหากวนใจที่คุณแก้ได้

แมวร้องตอนกลางคืน ปัญหาโลกแตกของคนเลี้ยงแมวที่ทำเอาเวลานอนพักผ่อนของคุณต้องหายหด ตื่นเช้ามาแบบไม่สดใสยังไม่พอ ต้องเสี่ยงต่อการโดนเสียงด่าตามหลังจากคนข้างบ้านในยามดึกอีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่คุณต้องรู้จัก เข้าใจกับธรรมชาติของน้องแมวให้มากขึ้นก่อน เพื่อให้เราสามารถแก้ปัญหาความงอแงของน้องแมวที่ไม่ยอมหลับยอมนอนในตอนกลางคืนได้อย่างตรงจุดมากที่สุด 

 

แมวร้องตอนกลางคืน เกิดจากอะไร? 

ก่อนอื่นมาเข้าใจธรรมชาติของน้องแมวก่อน แมวเป็นสัตว์ที่มีเลือดนักล่าและเป็นทั้งผู้ถูกล่าอยู่ด้วยกัน นิสัยโดยปกติจะชอบนอนในเวลากลางวัน ใช้เวลานาน 16 – 20 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว แต่จะตื่นออกหากินในเวลากลางคืน หากไม่มีการฝึกน้อง เขาก็จะส่งเสียงร้องกวนคุณในช่วงกลางคืนตามสัญชาติของเขานั้นแหละ 

แต่การที่แมวร้องตอนกลางคืน ไม่ได้เป็นเพียงสัญชาติญาณ อยากร้องก็ร้องเพียงอย่างเดียวนะ แต่ในทุกเวลาที่เขาร้องล้วนมีสาเหตุ เช่น แมวหิวในช่วงเวลากลางคืน พลังงานเหลือล้นอยากเล่นกับเจ้าของ น้องแมวเข้าใกล้ช่วงเวลาติดสัด หรือมีปัญหาสุขภาพ เป็นต้น 

 

แก้ปัญหาอย่างไร? เมื่อแมวร้องตอนกลางคืน

หลังจากที่คุณสังเกตน้องแมวในเบื้องต้นไปแล้วว่าการที่แมวร้องตอนกลางคืนเกิดขึ้นจากอะไร เป็นที่สัญชาติญาณความงอแงของเขาเอง ไม่ได้เกิดจากอาการติดสัด หรือปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด ก็ต้องมาแก้ไข ปรับ Timezone เวลาชีวิตของน้องแมวให้เหมาะกับเราแทน 

เล่นกับแมว – เพิ่มกิจกรรมช่วงกลางวันให้มากขึ้น : วิธีที่จะให้แมวเข้านอนพร้อมเราได้อย่างแรกคือให้เขาใช้พลังงานเยอะ ๆ ในช่วงเวลากลางวันและเย็น คุณอาจจะเพิ่มกิจกรรมให้น้องแมวได้ตื่นตัว เล่นสนุกในเวลากลางวัน หรือเล่นกับแมวให้เขาได้ออกแรงในช่วงเย็น หลังจากที่เขาใช้พลังเยอะ ๆ ก็จะเหนื่อยและเข้านอนพร้อมคุณในเวลากลางคืนเอง ถือเป็นการลดปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนไปได้อีกทาง 

แมวร้องตอนกลางคืน

เพิ่มสมาชิกอีกตัว : ไม่ใช่วิธีที่จะแนะนำทุกคน การจะแก้ปัญหาด้วยข้อนี้ต้องดูก่อนว่ามีความพร้อมหรือเปล่า อยากเลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือไม่ มีความพร้อมในด้านกำลังทรัพย์ พื้นที่ และเวลาในการเลี้ยงมากแค่ไหนก่อน ซึ่งการมีน้องแมวอยู่เป็นเพื่อนกันในช่วงเวลากลางคืนเข้าจะเล่นสนุกกันเองมากกว่าที่จะร้องเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ 

ให้อาหารแมวก่อนเวลาเข้านอน : หากแมวตัวแสบของคุณร้องตอนกลางคืนทุกครั้งเพราะหิว ให้ลองปรับเวลาให้อาหารของเขาอีกซักนิด แบ่งมาให้ในช่วงหัวค่ำ หรือก่อนเข้านอนซักนิด เพื่อให้เขาอิ่มท้อง ไม่ต้องเป็นแมวร้องตอนกลางคืนกวนทั้งคุณและคนรอบข้าง โดยคุณอาจจะเลือกอาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอย่าง Buzz Advanced Nutrition สูตรสำหรับแมวโตเต็มวัยเลี้ยงในบ้าน ส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อสัตว์จากสัตว์ปีก ปลา แหล่งโปรตีนสำคัญ พร้อมทั้งอุดมไปด้วย Omega 3 และ 6 ฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์ช่วยย่อยอาหาร มี L-Carnitine ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรงรวมถึงช่วยระบบการเผาผลาญไขมันให้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง ปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีสารสกัด Yucca schidigera ซึ่งเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่เข้ามาช่วยลดกลิ่นอุจจาระของแมวโดยเฉพาะ 

 

เพียงเท่านี้ทาสแมวทั้งหลายก็สามารถแก้ปัญหาแมวร้องตอนกลางคืนได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องขังกรง กักบริเวณซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ มีแต่จะทำให้น้องแมวร้องหนักขึ้น ก้าวร้าวมากขึ้้นด้วย แต่ในกรณีที่น้องแมวยังร้องเรียกคุณอยู่ ไม่ว่าจะเพราะหิวกลางดึกหรือชวนเล่นอีกก็ตาม เราอยากให้เจ้าทาสทั้งหลายใจแข็งเข้าไว้ เพื่อให้เขาได้รู้เวลา ไม่นิสัยเสียจากความเข้าใจผิด ๆ ว่าการร้องเสียงดัง หรือกระโดดขึ้นมาปลุกคุณจะทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่อย่างงั้นเวลานอนอันแสนสงบสุขของคุณจะไม่มีอีกต่อไปอย่างแน่นอน 

ดูแลแมวแก่ ทาสอย่างเราต้องทำอย่างไร

ดูแลแมวแก่ เพื่อนรักที่อยู่กับเรามานาน ให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทาสแมวต้องเอาใจใส่ ไม่ปล่อยปละละเลยเท่านั้นเอง

 

แมวอายุกี่ปี ถึงเรียกว่าดูแลแมวแก่

ดูแลแมวแก่ ก็เหมือนการดูแลผู้สูงอายุย่อมมีความแตกต่างจากการดูแลในช่วงแรก ๆ ที่นำเขามาเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะอายุที่มากขึ้นจึงมักจะนำพาหลายปัญหาตามมาด้วย  แมวแก่จึงเป็นช่วงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม และการใส่ใจในเรื่องสุขภาพ แล้วเจ้าเหมียวของคุณอยู่ในวัยสูงอายุหรือยัง ? เราสามารถรู้ได้ จากการแบ่งช่วงวัยของแมว สามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้  

  • ช่วงโตเต็มวัย 7 – 10 ปี
  • ช่วงสูงวัย 11 – 14 ปี
  • ช่วงวัยชรา 15 ปีขึ้นไป โดยแมวอายุ 10 ปี จะเท่ากับคนอายุ 56 ปี 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้าเหมียวเข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว คือ การดมกลิ่น รับรส และการได้ยินของเขาจะลดประสิทธิภาพลง มีปัญหาช่องปากและฟันมากขึ้น เช่น ฟันหลอ ฟันสึก ข้อต่อมีความยืดหยุ่นน้อยลงจึงมักเกิดปัญหาในยามที่ต้องเคลื่อนไหว เดินกะเพลก ปัญหาผิวหนังและขน ขนซีดลง หยาบกระด้าง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง หรือแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น นอนเยอะ ไม่เล่น ไม่เลียขน ซึ่งแมวแต่ละตัวจะแสดงสัญญาณแห่งความสูงวัยไม่เหมือนกัน 

 

ดูแลแมวแก่

ดูแลแมวแก่ ต้องทำอย่างไร

  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

เมื่อแมวเข้าสูงช่วงสูงวัยตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากตรวจพบโรคต่าง ๆ จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยโรคส่วนใหญ่ที่พบจะเกิดจากความเสื่อมสภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น

  • โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคที่เกี่ยวกับฮอร์โมน โดยอาการที่แสดงออก คือ แมวจะกินน้ำมาก ปัสสาวะมาก กินอาหารเยอะแต่น้ำหนักลด
  • โรคไขข้ออักเสบ ทำให้เจ็บเวลาเคลื่อนไหว แมวจึงทำกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำน้อยลง เช่น การเที่ยวนอกบ้าน การเล่นสนุก เป็นต้น
  • โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตหรือรับฮอร์โมนไทร์ออกซินมากเกินไป อาการที่บ่งบอก คือ ขนเริ่มหยาบกระด่าง  แมวกินอาหารปกติ หรือมากกว่าปกติแต่น้ำหนักลด กินน้ำเยอะ ปัสสาวะบ่อย
  • โรคปริทันต์ ปัญหาฟันและเหงือกที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการกินอาหารทำให้น้ำหนักลด น้ำลายยืด ปากปิดไม่สนิท ปากมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
  • โรคไต เกิดจากภาวะไตเสื่อมหรือได้รับบาดเจ็บ โดยโรคนี้มักแสดงอาการไม่ชัดเจน คือ กินน้ำเยอะ ปัสสาวะเยอะ น้ำหนักลด โลหิตจาง มีแผลในปาก ซึ่งลักษณะอาการคล้ายกับโรคอื่น ๆ ที่กล่าวมา
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด อาการที่มักสังเกตได้คือ แมวจะไม่เล่น เซื่องซึม เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก น้ำหนักลด 
  • โรคมะเร็ง มีสาเหตุและอาการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่พบเซลล์มะเร็ง

เพราะโรคเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เราจึงห้ามลืมที่จะพาเจ้าเหมียวไปตรวจเช็กสุขภาพอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากพบอาการที่บ่งบอกโรคใดโรคหนึ่ง ต้องรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์ทันที ทั้งนี้ ถ้าเจ้าเหมียวมีประวัติเคยรักษาโรคหรือมีความเสี่ยง ทาสแมวควรพาน้องไปตรวจสุขภาพทุก ๆ 6 เดือน จะดีที่สุด

 

  • ดูแลแมวแก่ ต้องพาไปออกกำลังกาย

อย่าปล่อยให้เจ้าเหมียวอายุมากอยู่นิ่งนาน ๆ ทาสแมวควรกระตุ้นให้น้องเล่นเบา ๆ อย่างน้อยวันละ 15 – 30 นาที อาจใช้ของเล่นที่น้องชอบเป็นตัวล่อ เพื่อให้น้องได้ขยับร่างกาย ซึ่งเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัน

 

  • ความสะอาด สิ่งสำคัญของการดูแลแมวแก่

แมวอายุมากมักเลียขนตัวเองลำบาก ทาสแมวจึงต้องดูแลแมวแก่โดยการช่วยแปรงขนให้น้องเป็นประจำ เพื่อกำจัดขนร่วงและขนที่พันกัน จะทำให้แมวมีสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้การทำความสะอาดบริเวณใบหน้าก็สำคัญ ส่วนใกล้ดวงตาอาจมีขี้ตาและคราบน้ำตา ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดอย่างเบามือ นอกจากนี้อย่าลืมตัดเล็บให้น้องด้วย เพราะเมื่อแมวแก่ตัวลง เขาจะไม่สามารถจัดการกับเล็บคม ๆ ได้เหมือนตอนยังวัยรุ่นอยู่

  • สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สำหรับดูแลแมวแก่

ทาสแมวจะต้องทำความสะอาดที่อยู่ของเจ้าเหมียวเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการติดปรสิต คอยจัดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายให้เข้าถึงง่าย และควรเพิ่มให้อยู่ทุกชั้นของบ้านที่แมวชอบไปอยู่ เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายและความเครียด นอกจากนี้ อย่าลืมเปลี่ยนและทำความสะอาดถาดอาหาร น้ำ และกระบะทรายเป็นประจำ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

 

  • ดูแลแมวแก่ เรื่องอาหารสำคัญมาก

แมวแก่มักเบื่ออาหารง่ายทำให้น้ำหนักลด และอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ เพื่อลดการเกิดปัญหาดังกล่าว ทาสแมวจึงจำเป็นต้องให้อาหารแมวการออกแบบทั้งกลิ่น รสชาติ มีให้เลือกเยอะ ไม่จำเจ เพื่อแก้ปัญหาแมวเบื่ออาหารโดยเฉพาะ พร้อมกันกับมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ตัวอาหารต้องไม่แข็งหรือใหญ่จนเคี้ยวยาก เพื่อให้แมวกินอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเลือกอาหารที่ดีจะช่วยให้สุขภาพโดยรวมของแมวดีขึ้นตามไปด้วย เพราะสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดี ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่แมวกินเข้าไป 

 

สุดท้าย อาหารก็เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการดูแลแมวแก่ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เลือกอาหารแมวคุณภาพดี อย่าง Buzz Balance Nutrition อาหารแมวเพื่อแมวทุกสายพันธ์ุ ไม่แต่งสี โซเดียมต่ำ ไม่ใส่สารกันบูด อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็น มีให้เลือกหลากหลายรส ช่วยลดปัญหาเบื่ออาหารได้อย่างแน่นอน การดูแลแมวแก่ เป็นเรื่องความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของ เราต้องดูแลให้น้องมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ทอดทิ้ง อยู่กับเขาไปจนถึงวาระสุดท้าย ถึงแม้ว่าเจ้าเหมียวอาจไม่ได้น่ารัก หรือขี้เล่นเหมือนก่อน แต่เขาก็ยังคงเป็นเจ้าแมวเหมียวลูกรักตัวเดิมของคุณไม่เปลี่ยนแปลง  

 

ภูมิแพ้ในสุนัข เรื่องใหญ่ที่ทาสหมาควรใส่ใจ

ภูมิแพ้ในสุนัข เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับสุนัขของคุณ โดยพบได้ราว 10 – 15 % ของประชากรสุนัขที่มักมีอายุไม่เกิน 3 ปี

 

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากอะไร ?

โรคภูมิแพ้ในสุนัข เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือ การตอบสนองที่ไวผิดปกติของปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น อาหาร ตัวไร แมลง ฝุ่น เป็นต้น ซึ่งสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ก็จะคล้าย ๆ กับคน 

ไม่นานมานี้ มีงานวิจัยพบว่า สุนัขบางสายพันธ์มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าสายพันธ์ุอื่น ได้แก่ พันธุ์ West Highland White Terrier, Golden Retriever, Lhasa Apso, Bichon Frise, Shih Tzu และ French Bull Dog แม้โรคนี้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความรำคาญให้เจ้าตูบได้ไม่น้อย ด้วยอาการของโรคที่พบได้บ่อย คือ มีผื่นแดง รู้สึกคัน เกาจนทำให้เกิดแผล มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง และหู หน้าบวม อาจมีการอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย 

 

ภูมิแพ้ในสุนัข

โรคภูมิแพ้ในสุนัข ที่พบได้บ่อย

  • โรคภูมิแพ้ในสุนัข ชนิดสัมผัส เกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีบางอย่าง เช่น แชมพู จนทำให้เกิดภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังแดง มีอาการคัน และเกา เกิดแผลเป็นสะเก็ดแห้ง
  • แอโทปิ โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่เกิดจากการสูดดมละอองเชื้อรา ฝุ่น เกสรดอกไม้ เป็นต้น สังเกตได้หากสุนัขเกิดอาการแพ้ ผิวหนังบริเวณปากจะเปลี่ยนเป็นสีแดง 
  • โรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากน้ำลายหมัด เป็นประเภทที่พบได้บ่อยโดยสุนัขจะมีอาการคันอย่างรุนแรงจนดูผิดปกติ อาจเกาจนเกิดแผลได้
  • โรคภูมิแพ้อาหาร สุนัขบางตัวไวต่อสารบางอย่างที่อยู่ในอาหารจนทำให้เกิดภูมิแพ้ได้ เช่น ธัญพืช ฮีสตามีนในโปรตีนบางประเภท ผักโขม และมะเชือเทศ เป็นต้น ซึ่งจะมีอาการเกี่ยวกับผิวหนัง อาจมีอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย

รักษาและป้องกัน โรคภูมิแพ้ในสุนัข

เมื่อสุนัขมีอาการคล้ายโรคภูมิแพ้ ทางที่ดีควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทดสอบภาวะภูมิแพ้ ว่ามีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรบ้าง จะได้รักษาและป้องกันได้ถูกวิธี โดยวิธีป้องกันง่าย ๆ ที่เจ้าของเจ้าตูบสามารถทำได้ มีดังนี้

  • ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดปรสิต ไม่ว่าจะเป็น เห็บ หมัด ตัวไร พยาธิชนิดต่าง ๆ 
  • อาบน้ำให้สุนัข อย่างน้อย 1 – 2 ครั้ง / เดือน ด้วยแชมพูหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว และหมั่นตรวจเช็กสภาพผิวของสุนัขว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีตุ่มหนอง ผื่นแดง ขนร่วง เป็นต้น เพื่อทำการรักษาก่อนที่จะบานปลาย
  • เลือกอาหารที่ดี เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ในสุนัขที่มีต้นเหตุจากอาหาร โดยอาหารสุนัขต้องอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ กรดโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 อย่าง Buzz Netura อาหารสุนัขคุณภาพพรีเมียม ที่มีแหล่งโปรตีนจากธรรมชาติเน้นวัตถุดิบประเภทปลา ปราศจากธัญพืช ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้อาหาร

 

แม้โรคภูมิแพ้ในสุนัขจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่เจ้าของอย่างเราก็มองข้ามไม่ได้ ต้องช่วยดูแลและปกป้องเจ้าตูบจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เพื่อลดโอกาสที่อาการจะกำเริบ ทำให้เข้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่เจ็บป่วยให้ได้มากที่สุด

 

หมาอ้วน ไม่ใช่เรื่องดี มาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ

หมาอ้วน เล่นด้วยกี่ทีก็ดูนุ่มนิ่มน่ารักดีอยู่หรอก แต่หารู้ไม่ว่าการขุนให้น้องหมาอ้วนพลีอยู่แบบนี้ ก็ไม่ต่างกับการผลักน้องหมาที่เรารักให้เข้าใกล้โรคร้ายเร็วขึ้น เสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วย และความไม่คล่องตัวที่จะตามมาในอนาคตด้วยตัวคุณเอง รู้แบบนี้แล้วมาลดน้ำหนักให้น้องกันเถอะ 

 

เกิดอะไรขึ้น? ถ้าปล่อยให้น้องหมาอ้วน 

หมาอ้วน แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายในอนาคตไม่ต่างจากคนหรือสัตว์ประเภทอื่น โรคอ้วนในสุนัขเป็นภาวะที่น้องหมามีไขมันสะสมในร่างกายมากกว่า 30% ตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำหนักของสุนัขในแต่ละพันธุ์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้องอ้วนส่วนใหญ่จะมาจากการที่สุนัขกินอาหารมากเกินความต้องการในแต่ละวัน เมื่อพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายมีมากเกินความจำเป็นหากเทียบกับพลังงานที่เสียไปในแต่ละวัน จึงทำให้เกิดไขมันสะสมและกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด 

นอกจากนี้ น้องหมาอ้วนยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างกรรมพันธุ์ ช่วงวัย เพศ การทำหมัน ยาปฎิชีวนะที่สุนัขได้รับ หรือรวมไปจนถึงโรคภัยบางอย่างที่น้องหมากำลังเจอได้อีกด้วย แต่ไม่ว่าการที่น้องหมาอ้วนจะมาจากสาเหตุใด แต่หากปล่อยไว้เรื่องของปัญหาสุขภาพต้องตามมามากมายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคไขข้อ – กระดูก โรคเนื้องอก โรคเบาหวาน โรคระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) อายุสั้นลง รวมไปถึงมีความเสี่ยงในการผ่าตัดมากกว่าสุนัขทั่วไป 

 

มาลดน้ำหนักให้หมาอ้วนกันเถอะ 

ถึงจะเป็นการลดน้ำหนักของน้องหมา แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้องกลับมาสมส่วนได้ขึ้นอยู่กับคุณเจ้าของล้วน ๆ ตั้งแต่การควบคุมปริมาณของอาหารสุนัข อย่าใจอ่อนเด็ดขาดเวลาน้องหมามาอ้อนขอขนมหรืออาหารเพิ่ม ปริมาณอาหารที่ให้ควรสัมพันธ์กับระดับพลังงานที่น้องหมาต้องการในแต่ละวัน ควบคู่กับความเหมาะสมในด้านอายุ และสายพันธุ์ของเขา การให้อาหารแนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 – 4 มื้อใน 1 วัน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังทำให้ลดอาหารหิวของน้องหมา ดีกว่าการให้อาหารเพียงวันละ 1 มื้ออย่างแน่นอน 

หมาอ้วน

หลังจากการคำนวณปริมาณอาหารและเวลาในการกินของน้องหมาแล้ว ต่อมาก็ต้องเป็นการออกกำลังกายเนี่ยแหละ ลองพาเขาไปวิ่ง ไปเล่นกิจกรรมที่ใช้พลังงานใช้แรงบ้าง สำหรับน้องหมาตัวไหนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลยคุณอาจจะเริ่มจากการพาสุนัขมาจูงเดินบ้าง 15 – 20 นาที สำหรับน้องหมาอ้วนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์มาก ๆ ไม่ควรให้วิ่งหรือเล่นกิจกรรมที่ต้องกระโดดก่อนในระยะแรก เพราะอาจเป็นอันตรายต่อขา ข้อเข่าของสุนัข 

 

สุดท้าย ลองเปลี่ยนอาหารสุนัข เปลี่ยนในที่นี้คือการเปลี่ยนอาหารให้เน้นไปที่วัตถุดิบ ต้องตอบโจทย์ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักน้องหมาอ้วนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถให้พลังงาน และโภชนาการได้อย่างครบถ้วนเทียบเท่าอาหารสูตรปกติ แนะนำ Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขสูตรโฮลิสติก เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพสูง ใช้แหล่งโปรตีนประเภทปลาเป็นหลัก มีส่วนผสมของเคยแอนตาร์กติกา ผักผลไม้ครบทั่ว ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช ช่วยในเรื่องควบคุมน้ำหนักให้น้องหมาอ้วน ลดปริมาณ ลดกลิ่นของอุจจาระ ลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ที่มาจากการแพ้อาหารของน้องหมาอีกด้วย 

 

เคล็บลับเลี้ยง แมวขนยาว ให้ขนสวย

เลี้ยงแมวขนยาว ให้ขนสวยไม่ใช่เรื่องยาก ใครเป็นทาสแมวมือใหม่ เรามีเคล็ดไม่ลับจะมาบอก เพื่อให้เจ้าเหมียวของคุณ มีขนสวย สุขภาพดี น่ากอด

เลี้ยงแมวขนยาว สิ่งสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษก็คือ ขน หากขนยาวนุ่มฟู แต่ขาดการดูแลก็ย่อมทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ขนพันกันเป็นก้อน ปัญหาขนร่วง โรคผิวหนัง เป็นต้น ด้วยเหตุเหล่านี้ทาสแมวจึงต้องใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ถึงเป็นทาสแมวมือใหม่ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน

แมวขนยาว

เลี้ยงแมวขนยาว ต้องดูแลขนอย่างไร

1.เลี้ยงแมวขนยาว ต้องเลือกผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ให้เหมาะสม

  • เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงขนที่ได้มาตรฐาน รับรองความปลอดภัย เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ แต่ทั้งนี้หากไม่มั่นใจ ก็สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้
  • หวีแปรงขนแมว สิ่งสำคัญในการเลี้ยงแมวขนยาว หวีแปรงจะมีให้เลือกหลัก ๆ 2 แบบ คือ แปรงหมุด ซี่หวีจะค่อนข้างห่าง เน้นช่วยเรื่องกำจัดขนที่ร่วงออกจากลำตัว และแปรงขนลวด ซี่จะถี่ มีหน้าที่ช่วยสางขนที่พันกันให้หลุดออก

2.อาบน้ำและแปรงขน สิ่งที่ห้ามลืม

  • การอาบน้ำแมวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก สามารถช่วยกำจัดเห็บหมัดได้อีกทาง แต่อย่าอาบบ่อยเกินไป เพราะมันจะกลายเป็นการทำร้ายผิวหนังและขนของแมวแทน โดยเราแนะนำให้อาบ 1 – 2 ครั้ง / เดือน
  • อย่าลืมทำความสะอาดใบหน้า รอบดวงตาที่อาจมีคราบน้ำตาและขี้ตา แนะนำให้ใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ชุบน้ำสะอาดเช็ดอย่างเบามือ 
  • ถ้าขนแมวยาวเกินไป ควรพาไปตัดแต่งขนให้เรียบร้อย 
  • เลี้ยงแมวขนยาว จะต้องแปรงขนให้น้องอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อกำจัดขนที่พันกันและขนร่วงให้หลุดออก อีกทั้งยังช่วยเช็กเห็บหมัดที่อาจซ่อนอยู่ได้ด้วย โดยเริ่มแปรงขนจากขนใต้ท้อง ลำตัว ต้นคอ หลังใบหู หน้าอก หางและก้นตามลำดับ 

3.เลี้ยงแมวขนยาว ต้องเลือกอาหารดี ๆ 

ทาสแมวจะต้องเลือกอาหารแมวที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและเส้นขน อีกทั้งต้องมีกากใยอาหารสูง เพื่อช่วยขับก้อนขนที่อยู่ในทางเดินอาหาร ไม่ให้เกิดการอุดตัน เจ้าเหมียวก็จะมีสุขภาพขนที่ดีขึ้นพร้อมกับการมีร่างกายที่แข็งแรง ซึ่ง Buzz Advanced Nutrition – Hair & Skin เป็นอาหารแมวสูตรเฉพาะสำหรับบำรุงเส้นขนและผิวหนัง อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 6 จากน้ำมันรำข้าว และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาแซลมอน พร้อมเพิ่มคอลลาเจน เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เงางาม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าเหมียวที่คุณรัก

เคล็ดไม่ลับเหล่านี้ จะช่วยให้การเลี้ยงแมวขนยาวไม่ใช่เรื่องยาก และรับรองได้ว่าขนเจ้าเหมียวของคุณจะต้องสุขภาพดี ยาวสวย และนุ่มฟูอย่างแน่นอน

 

 

สุนัขกับปัญหา เห็บ หมัด ที่ควรรู้

เห็บหมัด ตัวจิ๋วที่ร้ายไม่ใช่เล่น นอกจากจะทำให้เจ้าตูบคันคะเยอแล้ว มันยังนำพามาซึ่งโรคร้ายที่อาจเป็นภัยถึงชีวิตสุนัขของคุณ ดังนั้นเจ้าของอย่างเราจึงต้องหาทางป้องกันให้ถูกวิธี

เห็บหมัด มาจากไหน ?

เห็บหมัด ผู้ร้ายสองตัวจิ๋วนี้มาอยู่บนตัวสุนัขได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ เริ่มที่ หมัด นักวิ่งและนักกระโดดมือทอง ที่มักอาศัยอยู่บนตัวสุนัขโดยการกระโดดจากพื้นดิน พื้นหญ้า หรือสุนัขตัวอื่น แล้วมาผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานอยู่บนตัวสุนัขของคุณ ส่วน เห็บ ตัวอ้วนกลม มีวงจรชีวิตแบ่งเป็น 4 ช่วง โดยตัวเมียจะวางไข่จำนวนมากถึง 2,000 – 4,000 ใบ / ครั้ง ตามมุมอับต่าง ๆ เช่น รอยแตกของปูน พื้นบ้าน สนามหญ้า เป็นต้น หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน มี 6 ขา มันจะพยายามกลับมาอาศัยอยู่บนตัวสุนัขเพื่อดูดเลือด หลังจากนั้น 2 – 3 วัน มันจะลอกคราบเป็นตัวกลางวัยมี 8 ขา และดูดเลือดสุนัขต่อ เพื่อเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยแล้วสืบพันธุ์ต่อไป 

เห็บหมัดจะพบมากในช่วงเดือนเมษายน – สิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนต่อด้วยฤดูฝน มีสภาพอากาศร้อนชื้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตและขยายพันธ์ุเป็นอย่างมาก และด้วยลักษณะที่มาของเห็บหมัด จึงไม่แปลกที่สุนัขจะมีเห็บหมัดมาอาศัยอยู่บนตัวได้อย่างง่ายดาย หากเจ้าของไม่ดูแลป้องกัน

เห็บหมัด

อันตรายจาก เห็บหมัด ที่ควรรู้

เห็บหมัดที่อาศัยอยู่บนตัวสุนัข นอกจากจะสร้างความรำคาญและอาการคันให้สุนัขแล้ว สองตัวจิ๋วยังนำพาโรคร้ายมากมายมาเยือนเจ้าตูบอีกด้วย โรคที่พบเจอได่บ่อยมีดังนี้ 

  • โรคภูมิแพ้น้ำลายเห็บหมัด จะมีอาการคัน ผิวหนังแดง อักเสบ และขนร่วง มักพบบริเวณแนวสันหลัง หรือบริเวณที่เห็บหมัดอาศัยอยู่เยอะ ซึ่งโรคนี้จะนำไปสู่โรคผิวหนังอักเสบรุนแรงได้
  • โรคโลหิตจาง เพราะเห็บหมัดจำนวนมากดูดเลือดสุนัข
  • โรคพยาธิเม็ดเลือด เป็นอีกหนึ่งโรคอันตราย มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิ แต่ล้วนมีพาหะมาจากเห็บหมัดทั้งสิ้น โดยสุนัขมักมีอาการเบื่ออาหาร ไข้สูง เหงือกซีด เกล็ดเลือดต่ำ ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก เป็นต้น 
  • พาหะพยาธิ หมัดเป็นพาหะพยาธิตัวตืด ซึ่งจะมาอาศัยอยู่ที่ลำไส้ของสุนัข ทำให้อุจจาระเหลว ภาวะท้องมาน น้ำหนักลด และอาจมีอาการคันที่ก้น

รู้วิธีรับมือ เห็บหมัด ภัยร้ายตัวจิ๋ว

เห็นถึงอันตรายของเห็บหมัดอย่างนี้ คงต้องรีบหาวิธีกำจัดและป้องกันเห็บหมัดกันแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งเราก็มีวิธีรับมือปัญหานี้มานำเสนอดังนี้ 

  • การกำจัดและป้องกันเห็บหมัดมีหลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับสัตวแพทย์ ความสะดวกของเจ้าของ และปริมาณเห็บหมัดในตัวสุนัข โดยวิธีที่นิยมมีทั้งการฉีดยา ให้ยากิน หยดยาหลังคอ ปลอกคอ และการใช้สเปรย์หรือแป้งกำจัดเห็บหมัด โดยแต่ละวิธีจำเป็นต้องทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
  • หากสุนัขมีความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพื่อให้สามารถทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
  • จำกัดพื้นที่ หรือทุกครั้งที่พาสุนัขออกนอกบ้าน คุณอาจจะต้องพ่นสเปรย์ป้องกัน เพื่อลดโอกาสที่เห็บหมัดจะเกาะติดตัวสุนัขมา
  • อาบน้ำสุนัขเป็นประจำ อย่างน้อย 1 – 2 ครั้ง / เดือน โดยใช้น้ำยาหรือแชมพูที่ช่วยกำจัดเห็บหมัด
  • ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสุนัขเป็นประจำ โดยใช้น้ำยาที่สามารถกำจัดเห็บหมัดได้

ด้วยวิธีเหล่านี้ เห็บหมัด ตัวจ่อยจะไม่กล้ามาเกาะเจ้าตูบของคุณอย่างแน่นอน

เห็บหมัด เป็นหนึ่งปัญหาสุขภาพที่เจ้าของต้องดูแล แต่เพื่อให้ร่างกายของสุนัขสมบูรณ์แข็งแรง การดูแลสุขภาพจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ ด้วยการเลือกอาหารสุนัขที่ดี มีสารอาหารครบถ้วน อย่าง Buzz Healthy Life ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และป้องกันการเกิดโรค เพื่อให้เจ้าตูบของคุณแข็งแรง ร่าเริง พร้อมเติบโตอย่างสมวัย

 

 

มือใหม่ อยากเลี้ยงแมว ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

อยากเลี้ยงแมว แต่เป็นมือใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? การจะรับสัตว์ซักตัวมาเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน พันธุ์อะไร การเตรียมตัวทั้งในเรื่องปัจจัย 4, อุปกรณ์ในการเลี้ยงเขาล้วนเป็นสิ่งจำเป็นด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งกับเจ้าแมวเมี้ยวที่ธรรมชาติของเขา นิสัยเฉพาะตัวของเขามีความเป็นตัวเองสูง ต้องได้รับการดูแลใส่ใจจากเจ้าของมากเป็นพิเศษ ดังนั้นใครที่กำลังจะสมัครเข้าชมรมทาสแมวคนจึงจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกายใจ ทั้งอุปกรณ์ และกำลังทรัพย์ แต่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ Buzz Pets มีข้อมูล รวมไปถึงเคล็ดลับในการเตรียมตัว เลือกซื้อของมาฝาก 

 

บ้านต้องเป็น safe zone ให้น้องแมว 

เรื่องสำคัญของคนอยากเลี้ยงแมวต้องรู้ ไม่ว่าบ้านของคุณจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แต่คุณต้องมีพื้นที่ส่วนตัวให้น้องแมวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคุณต้องทำให้ที่จุดนั้นกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย อยู่แล้วอุ่นใจ มีน้ำดื่ม มีที่นอนที่เป็นส่วนตัวในน้องแมว (ในกรณีรับลูกแมวมาเลี้ยง แนะนำให้ใช้เสื้อผ้าเก่า ๆ ของเราปูลงไปบนที่นอน กลิ่นอ่อน ๆ ของเราจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย กล้าหลับได้อย่างเต็มตามากขึ้น) หากต้องการให้แมวสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ต้องกังวลเรื่องจะติดโรคจากที่ไหน ไม่หนีหาย อยู่ในสายตาเราตลอดเวลาแนะนำให้เลี้ยงแมวแบบระบบปิดตั้งแต่เริ่มนำน้องเข้ามาในบ้าน สถานที่เลี้ยงจึงควรปิด ไม่ที่ช่อง หรือเปิดโล่งให้น้องแมวออกไปหนีเที่ยวได้ 

นอกจากนี้ ขั้นตอนการย้ายน้องเข้ามาในบ้าน คุณควรเตรียมตะกร้าใส่น้องแมวให้เรียบร้อย ด้วยธรรมชาติของลูกแมวจะขี้กลัว ขี้ตกใจเป็นปกติ ดังนั้นตะกร้า – กระเป๋าที่ใช้ขนย้ายน้องทั้งตอนนำเข้าบ้าน พาไปหาสัตว์แพทย์ หรือพาไปสถานที่ใหม่ ๆ จึงควรมิดชิด ระบายอากาศ และกว้างพอที่จะให้แมวยืน หมุนตัวได้ แนะนำให้ซื้อเผื่อน้องโตไปเลย ไม่ควรเปลี่ยนปล่อย ๆ เพราะการใช้ตะกร้าเดิมจะทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยมากกว่า 

อยากเลี้ยงแมว

 

อุปกรณ์ขาดไม่ได้ สำหรับเจ้าเหมียว 

นิสัยการขับถ่ายของแมว ธรรมชาติบางอย่างของเขาเป็นสิ่งที่มือใหม่อยากเลี้ยงแมวจำเป็นต้องรู้ ต้องซัพพอร์ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เริ่มจาก 

ห้องน้ำน้องแมว : สิ่งสำคัญที่คนอยากเลี้ยงแมวต้องทำความเข้าใจ คือสัตว์ประเภทนี้รักสะอาดมาก จะถ่ายหนักถ่ายเบาเฉพาะที่เดิม ๆ เท่านั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าทาสที่จะต้องเตรียมกระบะทรายไว้ในที่ที่เงียบ สงบเอาไว้ให้น้อง เปรียบเสมือนห้องน้ำในการขับถ่าย กระบะทรายควรมีความลึกพอสมควรเผื่อไว้ให้น้องแมวขุด กระตุยทรายเพื่อกลบของเสียของตัวเอง ควรเลือกใช้ทรายแมวให้มีคุณภาพสูงเข้าไว้ เปลี่ยนบ่อย ๆ จะสามารถกลบกลิ่นอึ กลิ่นฉี่แรง ๆ ของเจ้าเหมียวได้ บ้านสะอาด ไร้กลิ่นกวนใจ ถูกสุขลักษณะแน่นอน 

เสาข่วนเล็บแมว ของเล่นเตรียมให้พร้อม : เลือดนักล่าของเจ้าแมวตัวแสบเป็นสัญชาติญาณที่ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้ (และเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี) แมวมักจะต้องลับเล็บเพื่อให้คมเอาไว้ป้องกันตัว ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยลอกแผ่นเล็บที่ตายแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแสดงอาณาเขตผ่านการปล่อยกลิ่นระหว่างข่วนอีกด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้บ้านพัง เฟอร์นิเจอร์เละคามือเจ้าตัวแสบ ควรหาเสา – อุปกรณ์สำหรับลับเล็บแมวให้พร้อมช่วยได้แน่นอน แต่ไม่จบแค่นี้ สัญชาติญาณนักล่าของแมวยังมีผลมาถึงการเล่นของเขา โดยเฉพาะลูกแมวที่อาจจะยังยั้งแรงไม่เป็น เปิด/ปิดเล็บตัวเองไม่เป็นจนอาจจะทำให้เจ้าทาสทั้งหลายบาดเจ็บได้ การใช้ของเล่นให้น้องได้ตบ ได้งับแทนมือของเราจะช่วยลดการบาดเจ็บนี้ลงได้ แถมยังกระตุ้นแมวให้ได้ออกกำลังกายผ่านการเล่นสนุกกับคุณอีกด้วย 

อุปกรณ์ทำความสะอาด : มือใหม่อยากเลี้ยงแมวอาจจะยังไม่รู้ฤทธิ์เวลาเจ้าเหมียวโดนจับอาบน้ำ ถึงแม้ว่าแมวจะทำความสะอาดตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีผลถึงขนาดสามารถกำจัดกลิ่น ฝุ่น ความสะอาดได้อย่างทั่วถึง หากคุณคิดที่จะอาบน้ำให้เขาเป็นประจำ หลังจากน้องอายุครบ 2 เดือน ควรฝึกให้เขาชินกับการอาบน้ำตั้งแต่เด็ก อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ ทำความสะอาดแมวจะมีดังนี้ 

  • อ่างอาบน้ำ / กะละมังสำหรับแมว 
  • แชมพูสำหรับอาบน้ำแมว 
  • ถุงอาบน้ำแมว / เสื้อผ้าเก่า ๆ เพื่อป้องกันน้องแมวฝากรอยขีดข่วน 
  • ผ้าเช็ดตัวแมว หลังจากอาบน้ำเสร็จ 
  • ไดร์เป่า หวีแปรง 

ก่อนจะอาบน้ำให้แมวทุกครั้ง อย่าลืมดูความพร้อมของเจ้าตัวก่อน มีอาการป่วยหรือเปล่า พร้อมที่จะอาบน้ำหรือไม่ น้ำที่ใช้เย็นไปร้อนไปหรือไม่ ถ้าหากเจ้าเหมียวดื้อมากรับมือไม่ไหว การส่งต่อให้ร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า (จากประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่เขามีมากกว่าเรา) 

อาหาร คือสิ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพปัจจุบันและอนาคต 

อาหารที่น้องแมวกินอยู่ทุกวันนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะสามารถทำให้น้องมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในแง่ของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ความแข็งแรง ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย อารมณ์ สุขภาพขนผิวหนัง ดังนั้นการเลือกอาหารแมวคุณภาพสูง ผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดีแบบ Human Grade มีการคำนวณคุณค่าทางโภชนาการอย่างแม่นยำและเหมาะสมกับแมวมากที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยง จะเป็นการปูพื้นฐานสุขภาพแมวเหมียวให้แข็งแรง ร่าเริง โอกาสเจ็บป่วยน้อยมากหากเทียบกับน้องแมวที่ไม่ได้ดูแลเรื่องอาหาร เพราะร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์มาตลอด 

 

เพื่อให้น้องแมวที่กำลังจะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านแบบเต็มตัว มีสุขภาพแข็งแรง เล่นสนุกได้สมวัย แนะนำอาหารแมวพรีเมียมจาก Buzz Pets มีหลายสูตรให้เลือกตามความเหมาะสมกับแมวแต่ละแบบ คิดค้นพิเศษสำหรับความต้องการด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ตั้งแต่สูตรปกติ สูตรน้องแมวที่มีน้ำหนักน้อยเกินมาตรฐาน สูตรเน้นการบำรุงเส้นขนผิวหนังโดยเฉพาะ สูตรสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน ลดความเสี่ยงการสะสมของเส้นขน รวมไปถึงสูตรสำหรับลูกแมวและแม่แมวที่กำลังตั้งครรภ์ ผลิตภัณฑ์ไม่มีการแต่งกลิ่น แต่งสี ผลิตโดยกรรมวิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงอย่างแน่นอน 

เมื่อ สุนัขแพ้โปรตีน ต้องกินอะไรทดแทน?

สุนัขแพ้โปรตีน ควรให้น้องกินอะไรทดแทน ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นกับคุณเจ้าของและน้องหมาตัวโปรดเลยก็ว่าได้ เพราะโภชนาการกลุ่มโปรตีนเป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ของสุนัขที่จะส่งผลต่อสุขภาพ ความแข็งแรง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการที่น้องหมากำลังแสดงออกคือการแพ้โปรตีน วันนี้ Buzz Pets มีข้อมูลและวิธีการแก้ไขเพื่อให้ร่างกายของน้องหมาไม่ขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนมาฝาก 

 

สุนัขแพ้โปรตีนเกิดจากอะไร? 

สุนัขแพ้โปรตีนมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ทั้งในภาวะที่น้องหมาอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง หรืออาจจะเป็นมาตั้งแต่เกิดก็ได้ ซึ่งการแพ้โปรตีนจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ 

  • การแพ้อาหาร เกิดขึ้นจากร่างกายไม่รับอาหารที่กินเข้าไป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน สุนัขจะแสดงออกจากการอาเจียน ท้องเสีย 
  • ภาวะภูมิแพ้อาหาร ปัญหานี้เป็นปฎิกิริยาจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้ร่างกายแสดงอาการต่อต้าน ที่พบมากจะเกี่ยวข้องกับผิวหนัง เช่น ผิวหนังมีผื่นแดง มีเม็ดตุ่ม น้องหมาคันบ่อยเกาบ่อย ขนร่วง หากปล่อยไว้มีโอกาสร้ายแรงถึงขั้นผิวหนังเกิดการอักเสบหนัก ผิวหนังมันเยิ้ม เกิด Hot spot มีตุ่มหนอง หรือมีกลิ่นตัวเกิดขึ้น ในบางตัวอาจจะส่งผลกับระบบทางเดินอาหาร สุนัขมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสียอยู่เป็นประจำ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือร้ายแรงที่สุดอาจมีปัญหาถึงระบบประสาท ทำให้สุนัขแสดงอาการชักออกมาได้

การเช็กน้องหมาที่บ้านในเบื้องต้นสามารถสังเกตจากผิวหนังและการขับถ่ายของเสียของเขาได้เลย ว่ามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร หากพบว่าตามร่างกายเริ่มมีตุ่ม มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง น้องหมาเกาอยู่ตลอดเวลา เริ่มกัดเนื้องับเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีรังแคเกาะอยู่ตามเส้นขนผิวหนัง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหาย ตุ่มแดงหรือแผลต่าง ๆ เริ่มเรื้อรังมากขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องเสียบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ให้สันนิธานไว้ก่อนว่า 1 ในสาเหตุของอาการเหล่านี้อาจจะเกิดจากอาหารที่กิน แต่จะเข้าข่ายเป็นภูมิแพ้อาหาร หรืออาการแพ้อาหารปกติ ต้องพาน้องไปตรวจเช็กอย่างละเอียดกับสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง 

 

สุนัขแพ้โปรตีน

 

ทางแก้ หากสุนัขแพ้โปรตีน 

ไม่ว่าน้องหมาจะเข้าข่ายแพ้โปรตีนจากอาการแพ้อาหาร หรือจากภาวะภูมิแพ้อาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีวิธีแก้เหมือนกัน คือต้องงดอาหารในส่วนที่แพ้ซะ ซึ่งอาการแพ้โปรตีนของสุนัขส่วนใหญ่จะไม่ได้แพ้ไปหมดซะเลยทีเดียว โดยปกติแล้วระบบย่อยอาหารของน้องหมาจะทำการย่อยอาหารต่าง ๆ ให้อยู่ในโมเลกุลระดับเล็กมาก เล็กจนระบบภูมิคุ้มกันเองไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ในบางกรณีที่อาหารบางส่วนถูกย่อยแบบไม่สมบูรณ์ ทำให้ยังมีโมเลกุลขนาดใหญ่พอให้ระบบภูมิคุ้มกันหาเจออยู่ บวกกับร่างกายดูดซึมเอาไปใช้งานยากขึ้นไปอีก จึงทำให้ร่างกายของสุนัขเกิดการต่อต้านตอบสนองผ่านอาการแพ้ต่าง ๆ ที่เราเห็นนั้นเอง 

“ส่วนประกอบหลัก ต้องสัมพันธ์กับโภชนาการ” เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุเกิดจากอาหาร ทาสหมาอย่างเราจำเป็นจะต้องใส่ใจในการเลือกอาหารสุนัขมากขึ้นอีกเท่าตัว หลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่ง่ายต่อการเกิดความเสี่ยงทำให้ร่างกายย่อยอาหารยาก เช่น วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว รวมถึงเครื่องในของสัตว์ทุกชนิด ไข่ไก่  นมและผลิตภัณฑ์จากนม ในกรณีที่บ้านไหนปรุงอาหารให้น้องหมาเอง จำเป็นต้องคำนวณโภชนการต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเหมาะสมกับพันธุ์ ร่างกาย อายุ ควบคู่กันกับต้องคอยระวังวัตถุดิบบางอย่างที่อาจเข้าไปกระตุ้นอาการแพ้ของน้องหมาได้ แต่สำหรับใครที่ให้อาหารสุนัขแบบเม็ดเป็นทุนเดิม แนะนำให้เปลี่ยนสูตรอาหาร โดยคุณอาจจะคัดเลือกจากส่วนผสมต่าง ๆ หรือเลือกอาหารที่เป็นเกรดโฮลิสติก ซึ่งสูตรนี้จะมีความใส่ใจ พิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบในการผลิตอาหารสุนัขมากเป็นพิเศษอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน อาหารสุนัขเกรดโฮลิสติกที่เลือกใช้สารอาหารประเภทโปรตีนจากปลาโดยเฉพาะ 45% เป็นปลาแซลมอนแอตแลนติกจับจากแหล่งธรรมชาติ พร้อมกับวัตถุดิบอื่น ๆ อย่าง ผัก ผลไม้ มันฝรั่งเทศ ถั่ว Peas ที่ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน  แร่ธาตุครบถ้วนตามที่น้องหมาควรจะได้รับ โดยปราศจากส่วนประกอบที่เสี่ยงต่อการกระตุ้นภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร สารอาหารที่ได้รับโดยเฉพาะโปรตีนจะเป็นกลุ่มที่มีโมโลกุลเล็ก ง่ายต่อการย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

เพื่อให้น้องหมาของคุณมีสุขภาพดี แข็งแรงร่าเริงได้แม้จะมีปัญหาเรื่องแพ้โปรตีน แนะนำอาหารสุนัขพรีเมียมอย่าง Buzz Netura – สูตรเนื้อปลาแซลมอน ผลิตจากประเทศเบลเยี่ยม ไม่มีส่วนผสมของไก่ สัตว์ปีก ไม่มีส่วนผสมของข้าวโพด ธัญพืชที่มีส่วนในการเกิดภูมิแพ้จากการแพ้อาหาร อีกทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักของน้องหมาที่เกินเกณฑ์ให้กลับมามีแข็งแรง ร่างกายสมส่วนได้อีกด้วย