Cook With Heart, Feed With Love™

ตรวจเลือดแมว เรื่องสำคัญที่เจ้าทาสไม่ควรละเลย

การ ตรวจเลือดแมว เป็นการใส่ใจสุขภาพน้องแมวขั้นพื้นฐาน และเป็นเรื่องสำคัญที่ทาสแมวไม่ควรละเลยเพราะอะไร? มาหาคำตอบกัน 

 

สำคัญมากก! ทาสแมวมือเก๋าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการตรวจเลือดแมวเป็นประจำ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่ควรมองข้ามเลย อีกทั้งยังถือเป็นการประเมินสุขภาพน้องแมวเบื้องต้นได้อีกด้วย ซึ่งมือใหม่หรือหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันจำเป็นต้องตรวจเลือดแมวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 1 ปีเลยจริงหรือ? ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป ไม่ได้ตรวจเฉย ๆ อย่างแน่นอน  

 

ทำไมต้อง ตรวจเลือดแมว 

เพราะน้องแมวเองมีร่างกาย และอุปนิสัยเฉพาะตัวที่แตกต่างจากคนและสัตว์ชนิดอื่นมากค่ะ เราจะแบ่งเรื่องสำคัญที่ทำให้น้องแมวทุกตัวควรผ่านการตรวจเลือดเป็น 3 ข้อหลักด้วยกัน 

  • ธรรมชาติของแมวจะเก็บอาการเจ็บป่วยไว้ไม่ให้ใครรู้ ตามสัญชาตญาณของนักล่าและผู้ถูกล่าในตัวค่ะ ดังนั้นทำให้กว่าคุณจะเริ่มจับสังเกต จับอาการป่วยของเขาได้ ก็แสดงว่าอาการป่วยของเขามีมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว ที่เห็นอาการเพราะป่วยระยะ 2 – 3 แล้ว ความเจ็บป่วยเพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว จนเก็บไว้ไม่อยู่ 

 

  • น้องแมวมีโรคเฉพาะตัวที่แตกต่างกันทั้งช่วงอายุ สายพันธุ์ ลองตรวจเลือดปีนี้อาจจะไม่เจอความผิดปกติ แต่อีก 3 ปีข้างหน้าคุณอาจจะเจอโรคแปลก ๆ ที่ฟ้องออกมาจากผลเลือดก็ได้ค่ะ ซึ่งโรคที่เจอได้บ่อยจะแบ่งเป็นกลุ่มแมวเด็ก อายุยังน้อยไปจนถึงแมวแก่อายุมาก ดังนี้  

กลุ่มแมวเด็ก : มักพบปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัส แบคทีเรียบ่อย เนื่องจากอวัยวะภายในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ยังทำงานได้แบบไม่สมบูรณ์ 

กลุ่มแมวแก่ : มักพบปัญหาจากความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ อาทิ ตับ ไต หัวใจ โดยเฉพาะปัญหาจากไต ดูจากภายนอกคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าไตของน้องแมวกำลังเสียหายในระยะเริ่มต้น แต่กว่าจะรู้ กว่าจะแสดงอาการ หลาย ๆ เคสพบว่าค่าไตของเจ้าเหมียวสูญเสียการทำงานไปแล้วอย่างน้อย 60 – 75% 

ตรวจเลือดแมว

 

  • สำหรับใครที่เลี้ยงเจ้าตัวป่วนเยอะ ๆ มีน้องแมวมากกว่า 2 ตัวในบ้านยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ เพราะโรคบางโรคสามารถแพร่จากแมวสู่แมวด้วยกันเองได้ ยิ่งบวกกับธรรมชาติของแมวที่มักจะเก็บความเจ็บป่วยเอาไว้ยิ่งทำให้คุณยากต่อการสังเกตอาการ ซึ่งโรคบางโรคไม่ได้ส่งผลแค่สุขภาพร่างกายของน้องแมวเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดความเครียดอีกด้วยค่ะ 

 

โดยการตรวจเลือดแมวจะเน้นไปที่การตรวจค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ดูค่าเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด การตรวจค่าเคมีต่าง ๆ อาทิ การตรวจค่าเอนไซม์ตับ การตรวจค่าไต เจ้าของควรพาน้องแมวมาตรวจสุขภาพ ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายและเข้ารับการตรวจเลือดเป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเจ้าแมวตัวแสบของคุณจะไม่มีโรค หรือปัญหาอะไรแอบซ่อนอยู่ค่ะ 

ในท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาสุขภาพมากกว่า 80% เกิดจากการเลี้ยงดู ความเอาใจใส่โดยเฉพาะอาหารที่เขากินอยู่ทุกวัน มาเปลี่ยนสุขภาพแมวให้ดีขึ้นง่าย ๆ ด้วยอาหารแมวจาก Buzz Pet Food เพิ่มสมดุลทางโภชนาการได้แบบครบถ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของน้องเหมียวค่ะ 

 

กำราบน้องหมาชอบทำลายข้าวของ ต้องทำอย่างไร?

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ ชอบกัด ชอบเล่นสิ่งของต่าง ๆ จนพัง คุณสามารถฝึกเขา ทำให้เขารู้ได้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ควรทำได้ด้วยตัวคุณเอง 

 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ จะมองว่าเป็นพฤติกรรมปกติตามธรรมชาติของสุนัขก็ได้ ถ้าน้องหมาเลือกกัด เลือกเล่นเฉพาะของเล่น หรือสิ่งที่ของที่เราซื้อมาเพื่อรองรับนิสัยส่วนตัวของเขา แต่ถ้าวันใดน้องหมาเริ่มเพิ่มเลเวลการทำลายข้าวของไปที่เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงของที่มีมูลค่าสูงเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มมองแล้วค่ะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอแล้ว เพราะนอกจากจะสร้างความปวดหัว ปวดใจกับเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อของใช้ใหม่โดยใช่เหตุแล้ว เรื่องนี้ยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับน้องหมา จนคุณอาจจะเผลอทำร้าย ตี จนเกิดความระแวงกันทั้ง 2 ฝ่ายโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรผิดค่ะ 

ดังนั้น การเข้าใจนิสัยสุนัขก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกเขา สอนเขาให้รู้ว่าพฤติกรรมของน้องหมาที่ชอบทำลายข้าวของเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ จะถือเป็นทางออกระยะยาว ที่จะทำให้น้องหมาที่คุณรักกลายเป็นสัตว์เลี้ยงนิสัยดี ที่ไม่สร้างความลำบากใจในเรื่องชอบทำลายข้าวของอีกต่อไปค่ะ  

 

พฤติกรรมชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากอะไร? 

น้องหมาชอบทำลายข้าวของ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งระดับการทำลายล้างสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของน้องหมาต้องสังเกตพฤติกรรมก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ  

  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 1 : จะเริ่มจากการกัด แทะ สิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน (นอกเหนือจากของเล่น) แทะขอบเฟอร์นิเจอร์ ขาโต๊ะ รถ ชอบขุดดิน เคี้ยวต้นไม้ มักจะแสดงพฤติกรรมเหล่านี้เวลาเจ้าของไม่อยู่บ้าน 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 2 : จะเริ่มทำลายข้าวของให้เจ้าของเห็น เพื่อเรียกร้องความสนใจ 
  • น้องหมาชอบทำลายข้าวของระดับ 3 : ไม่ใช่แค่แทะหรือกัดแค่อย่างเดียวแล้ว แต่น้องหมาจะเริ่มกินสิ่งที่กัดเข้าไปด้วย มีพฤติกรรมกัด – แทะเท้าตัวเองบ่อยขึ้น มีโอกาสทำทั้งที่เจ้าของอยู่ และเจ้าของไม่อยู่ 

หมาชอบทำลายข้าวของ

วิธีแก้ไขพฤติกรรมน้องหมาชอบทำลายข้าวของ 

ปัญหานี้ควรแบ่งการแก้ปัญหาออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเริ่มต้นจากตัวคุณเอง 

  • เก็บของใช้ต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นให้พ้นเงื้อมมือสุนัข โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ แว่นตา หรือของใช้อื่น ๆ ที่คุณหยิบจับบ่อยจนเขารู้ว่าคุณต้องสนใจ หรือใช้งานของชิ้นนั้น ๆ เป็นพิเศษแน่ ๆ  
  • เก็บของมีค่าราคาแพงไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด เพราะน้องหมาเขาไม่มารู้นะ ว่าของชิ้นไหนแพง ของชิ้นไหนถูก 
  • พอน้องหมาเริ่มโตแล้ว ควรหยุดให้ของใช้ส่วนตัวกับสุนัขเพื่อเอาไว้เล่นค่ะ เพราะเขาจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนของเก่า ของใหม่ พาลจะกัดเล่นเละเทะไปเสียหมดได้
  • ห้ามตะคอก หรือทำร้ายน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นความผิดในครั้งแรก หรือหลาย ๆ ครั้งก็ตาม เรายังเชื่ออยู่ว่าการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุยังคงเป็นเรื่องดีที่สุด

การแก้ไขปัญหาจากตัวน้องหมา 

หลังจากที่เราจัดการของใช้ ของมีค่าต่าง ๆ ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนการทำความเข้าใจน้องหมากันบ้างค่ะ 

  • ดูวัยของเขาก่อน ในช่วง 3 – 5 เดือนแรก อาจจะอยู่ในช่วงคันฟัน กัดนู้นกัดนี้เละไปหมด แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ฝึกน้องหมาง่ายที่สุด เริ่มแรกทำให้เขารู้จักว่าอะไรเล่นได้หรือเล่นไม่ได้ก่อน แนะนำให้ซื้อของเล่นสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ชมเขาทุกครั้งที่เขาเล่นของเล่นของตัวเอง เฝ้าสังเกตบ่อย ๆ หากน้องหมาเริ่มวอกแวกจะกลับไปกัดแทะข้าวของอื่น ๆ ให้ส่งเสียเตือนก็พอ 
  • หากน้องหมามีอาการ หรือสัญญาณที่ความไม่ปกติ ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดให้เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาให้ตรงจุดก่อนค่ะ ให้เวลา ให้ความรัก ความเอาใจใส่เขาบาง พาไปจูง พาไปวิ่งเล่นออกกำลังกายให้น้องหายเครียด คลายความกังวลบ้างค่ะ 
  • สิ่งสำคัญที่ห้ามทำเลยคือการลงโทษค่ะ ถึงแม้ว่าน้องจะเผลอกัดแทะสิ่งของจนพังไม่นานมานี้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีน้องหมาก็ไม่รู้แล้วค่ะว่าเขาผิดอะไรถึงถูกลงโทษ หากน้องโดนดุ โดนลงโทษบ่อย ๆ จนหวาดกลัว ระแวงคุณมากขึ้นไปอีกไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ดุร้ายออกมาอย่างแน่นอนค่ะ 

 

เพราะการสังเกตสุนัขของตัวเอง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความเป็นเขาอย่างมากขึ้นจะเป็นเรื่องที่คุณสามารถใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับน้องหมาได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องน้องหมาชอบทำลายข้าวของเท่านั้นนะคะ แต่สิ่งนี้ถือเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง 

นอกจากการใส่ใจในเรื่องพฤติกรรม ลักษณะนิสัยของสุนัขแล้ว อย่าลืมดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพของน้องหมาด้วยอาหารที่เหมาะสม และตอบโจทย์ในด้านโภชนาการอย่างแม่นยำมากที่สุด ด้วย BUZZ อาหารสุนัขที่เข้าใจน้องหมามากที่สุด มีให้เลือกหลายสูตร ตั้งแต่สูตรมาตรฐาน สูตรสำหรับสุนัขเล็ก สุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขพันธุ์ใหญ่ รวมไปถึงสูตรพิเศษที่จะเน้นเพิ่มการดูแลให้น้องหมามากเป็นพิเศษค่ะ 

 

โรคข้อสะโพกเสื่อม ปัญหายอดฮิตของเจ้าตูบตัวยักษ์

โรคข้อสะโพกเสื่อม สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อการเคลื่อนไหวของเจ้าตูบตัวยักษ์ เพื่อให้เจ้าตูบวิ่งเล่นสนุกไปกับคุณได้อีกนาน เราจึงต้องหาทางป้องกันก่อนเกิดปัญหานี้

โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia ) เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับสุนัขสายพันธ์ุใหญ่ โดยเกิดจากโครงสร้างข้อสะโพกมีรูปร่างและการเคลื่อนที่ผิดปกติ ทำให้กระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้ากับเบ้าสะโพกได้พอดี จึงนำไปสู่การอักเสบของกระดูกและข้อ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของสุนัข ด้วยอาการเจ็บและปวดบริเวณข้อสะโพก ส่งผลให้ลุก นั่ง ก้าวขึ้นที่สูงลำบาก เดินกะเผลก ลักษณะการยืนก็จะผิดปกติ โดยขาหลังจะชิดกัน แต่ปลายขา และเท้าชี้ออกด้านข้าง จนสุนัขไม่อยากทำกิจกรรม เดิน และยืน เมื่อขาไม่ได้ถูกใช้งานนาน กล้ามเนื้อจะลีบ ทำให้เกิดอาการสองขาหลังอ่อนแรงได้

โรคข้อสะโพกเสื่อม

โรคข้อสะโพกเสื่อมเกิดขึ้นจากอะไร ?

สาเหตุของโรคข้อสะโพกเสื่อม มักถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม พบมากในสุนัขพันธ์ุใหญ่บางสายพันธ์ุ เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, ร็อตไวเลอร์, เยอรมัน เชพเพิร์ด, เซนต์เบอน์นาร์ด, ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ อีก คือ

  • สุนัขอายุมาก กระดูกเสื่อม และการดูดซึมแคลเซียมน้อยลง
  • สุนัขน้ำหนักเกิน เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม
  • เลี้ยงสุนัขบนพื้นลื่น ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อสะโพกได้ง่าย
  • เลี้ยงสุนัขในพื้นที่จำกัดมาก ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกาย เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อลีบ และขาหลังอ่อนแรงได้

เมื่อเริ่มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรืออาการเจ็บปวดที่สุนัขแสดงออก ควรรีบพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการวินิจฉัยอาการของโรค จะได้รักษาได้ทันเวลา โดยในปัจจุบันโรคข้อกระดูกเสื่อมสามารถรักษาได้หลายวิธี ดังนี้

การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อม

  • การรักษาโรคข้อกระดูกเสื่อมด้วยยา เพื่อบรรเทาอาการปวด และให้อาหารเสริมจำพวกกลูโคซาไมด์ และคอนดรอยติน เพื่อเสริมสร้างกระดูกอ่อน และน้ำไขข้อ
  • การผ่าตัด ในกรณีที่มีการบาดเจ็บและอักเสบของข้อสะโพกรุนแรง
  • การกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวด ฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณข้อ และช่วยให้สุนัขกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติ

 

หากโรคข้อกระดูกเสื่อมยังไม่เกิดกับเจ้าตูบตัวยักษ์ของคุณก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าชะล่าใจไป เราควรหาทางป้องกันก่อนเกิดโรคไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการพาเจ้าตูบตัวยักษ์ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักเจ้าตูบให้อยู่ที่เกณฑ์ที่เหมาะสม โดยเลือกอาหารสุนัขที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอย่าง Healthy life Limited Ingredients สูตรเนื้อแกะแท้ บำรุงข้อกระดูก ที่มีกลูโคซามีน และคอนดรอยติน ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก ป้องกันความผิดปกติของกระดูก และชะลอการเสียดสีของกระดูกอ่อนในข้อต่อ จึงเหมาะกับสุนัขพันธ์ุใหญ่เป็นอย่างมาก เพื่อให้เจ้าตูบได้วิ่งเล่นกับคุณไปนาน ๆ 

 

เทคนิค อาบน้ำแมว เพื่อขนสวยสุขภาพดี

อาบน้ำแมว อาจเป็นเรื่องปวดหัวของทาสแมวบางคนที่มีแมวไม่ชอบอาบน้ำ แต่ถ้าคุณได้รู้เทคนิคเหล่านี้ เชื่อได้ว่าการอาบน้ำแมวจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปทันที

อาบน้ำแมวจำเป็นอย่างไร ?

การอาบน้ำแมวถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ทาสควรทำให้แมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวขนยาว แม้เจ้าเหมียวจะเป็นสัตว์รักสะอาดที่มักจะเลียทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ แต่มันก็เทียบเท่าการอาบน้ำไม่ได้ เพราะการอาบน้ำจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวหนังและขนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันปรสิตอย่างเห็บ และหมัดได้อีกด้วย การอาบน้ำแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลขนและผิวหนังให้มีสุขภาพดี

แมวอาบน้ำ

อาบน้ำแมวทำได้บ่อยแค่ไหน ?

แม้จะเป็นวิธีดูแลความสะอาดที่สำคัญ แต่การอาบน้ำแมวก็ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ขนของเจ้าเหมียวอ่อนแอลงได้ เนื่องจากสูญเสียน้ำมันเคลือบขน และอาจเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้แมวป่วยได้ด้วย ดังนั้น ทาสจึงควรอาบน้ำแมว 1 ครั้ง / 1 – 3 เดือน เท่านั้น

 

เทคนิคการอาบน้ำแมว

แต่ปัญหาใหญ่ของการอาบน้ำแมวที่ทาสหลายคนต้องประสบ คือ เจ้าเหมียวไม่ชอบอาบน้ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยพื้นฐานแมวเป็นสัตว์ที่กลัวน้ำอยู่แล้ว การที่จะทำให้แมวยอมอาบน้ำได้ง่าย ๆ จึงต้องฝึกให้แมวคุ้นชินกับน้ำตั้งแต่ยังเด็ก โดยเมื่อแมวอายุได้ 2 เดือน ให้เริ่มจับเท้าของน้องมาจุ่มน้ำอุ่น ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับน้ำจนอาบน้ำได้ ซึ่งในขณะที่อาบน้ำให้น้องทาสจะต้องใจเย็น ไม่ดุ ตี หรือจับหนังคอน้อง เพราะมันอาจทำให้น้องเครียด และฝังใจจนไม่อยากอาบน้ำอีกต่อไป

แต่ถ้าคุณไม่ได้ฝึกน้องมาตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องเตรียมใจว่าอาจเกิดรอยขีดข่วนบนตัวคุณได้เลย เป็นเหตุให้ทาสหลายคนต้องพึ่งร้านอาบน้ำสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าคุณอยากอาบน้ำให้เจ้าเหมียวเอง ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่

  • แชมพูสำหรับอาบน้ำแมวโดยเฉพาะ
  • ผ้าเช็ดตัวแมว 
  • แปรงสำหรับแปรงขนแมว
  • ไดร์เป่าผม
  • อ่างอาบน้ำ
  • น้ำอุ่น ๆ 

และทาสจะต้องใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด โดยมีความหนาพอสมควร เพื่อป้องกันเจ้าเหมียวข่วน ถ้าจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเริ่มอาบน้ำแมวกันเลย !

  • ตรวจเช็กร่างกายของแมว และสภาพอากาศ หากแมวซึม ไม่ร่าเริง ไม่กินอาหาร หรือขับถ่ายผิดปกติ อีกทั้งหากอากาศเย็น ชื้น หรือมีฝนตก ทาสไม่ควรอาบน้ำให้น้อง
  • แปรงขนให้น้องเหมียวก่อนอาบน้ำ
  • พาน้องลงอ่างน้ำอุ่นช้า ๆ โดยเริ่มจากเอาขาน้องจุ่มน้ำ รอจนน้องนิ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ทำให้ตัวน้องเปียกโดยระวังอย่างให้เข้าตา และจมูก ในกรณีที่ใช้ฝักบัวในการอาบ ต้องเปิดน้ำให้เบาที่สุด
  • ผสมแชมพูกับน้ำก่อนลูบไล้ลงบนตัวน้องอย่างเบามือ ถูให้ทั่วทั้งตัว ยกเว้นบริเวณใบหน้า 
  • ล้างแชมพูออกให้หมด ส่วนบริเวณใบหน้าจะทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบา ๆ 
  • เมื่ออาบน้ำเสร็จ ต้องเช็ดตัวน้องให้แห้ง และเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมโดยไม่ใช้ความร้อนให้แห้งสนิท จากนั้นแปรงขนน้องอีกครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

อาบน้ำแมว ไม่ใช่เรื่องยาก และถือเป็นวิธีในการดูแลสุขภาพขนและผิวหนังของเจ้าเหมียวที่สำคัญ ส่วนการดูแลจากภายในที่ลืมไม่ได้ ก็คือการเลือกอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นขนและผิวหนังโดยตรง อย่าง Buzz Advanced Nutrition สูตรบำรุงเส้นขน เเละ ผิวหนัง อาหารแมวสำหรับแมวทุกสายพันธุ์ ด้วยโภชนาการสารอาหารที่สมดุล พร้อมเพิ่มคอลลาเจน กรดไขมันโอเมก้า 6 และกรดไขมันโอเมก้า 3 เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนังและขนให้เงางาม เจ้าเหมียวของคุณจึงมีขนสวย นุ่ม น่ากอด

 

6 สัญญาณเตือน น้องแมวป่วย อยู่หรือเปล่า?

แมวป่วย อยู่หรือเปล่า? บางทีพฤติกรรมบางอย่างของน้องแมว อาจจะเป็นสัญญาณเตือนที่เขากำลังจะบอกอะไรเราอยู่ก็ได้ 

 

ถึงน้องแมวจะพูดไม่ได้ แต่เจ้าของอย่างเราก็สามารถรับรู้อาการป่วยของเขาจากความผิดปกติต่าง ๆ ที่เจ้าเหมียวกำลังส่งสัญญาณเตือนมาเพื่อบอกเราได้ แต่จะมีสัญญาณเตือน หรือพฤติกรรมแบบไหนที่เราควรจะระวัง และควรเฝ้าดูอาการมากเป็นพิเศษ วันนี้เรามี 6 สัญญาณเตือน ดูให้รู้ว่าน้องแมวป่วยอยู่หรือเปล่ามาฝากกันค่ะ 

 

  1. น้องแมวอาเจียน หรือขับถ่ายผิดปกติ

ถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่คุณสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าน้องแมวกำลังมีความผิดปกติในร่างกายค่ะ หากเขามีการขับถ่ายที่ผิดปกติ ถ่ายเหลว ถ่ายบ่อย ปัสสาวะบ่อยเกินไป หรือมีอาเจียนร่วมด้วย ให้คุณเฝ้าดูอาการภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ดีขึ้น หรือในระหว่างนี้น้องแมวมีการขับถ่ายออกมาเป็นสีที่ผิดปกติ อาทิ ถ่ายเป็นสีดำ, สีแดง ให้รีบพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุทันที สำหรับน้องแมวที่เฝ้าดูอาหารภายใน 24 ชั่วโมงแล้วหายเป็นปกติ ส่วนนี้อาจเกิดจากอาหารที่ผิดสำแดง น้องแมวอาจไปเล่นซนจนเผลอกินอะไรแปลกปลอมเข้า 

ในส่วนการอาเจียนของน้องแมว สามารถสันนิษฐานได้จากสี และลักษณะของเหลวที่เขาสำรอกออกมาค่ะ 

  • อ้วกเป็นสีเหลือง/อ้วกเป็นอาหาร : ปัญหาหลักคือเกิดจากการที่น้องแมวกินไว กินเร็วเกินไป กินแล้วไม่เคี้ยว หากอ้วกบ่อยเกิน 3 ครั้ง/วัน แนะนำพบสัตวแพทย์ 
  • อ้วกเป็นสีเขียว : สันนิษฐานว่าอาจจะมีการติดเชื้อในเบื้องต้น โดยเฉพาะในส่วนกระเพาะ ลำไส้ 
  • อ้วกเป็นสีแดง : อันตรายมาก เป็นสัญญาณของภาวะอวัยวะภายใน เส้นเลือด หรือหลอดอาหารฉีกขาด 
  • อ้วกเป็นสีน้ำตาล : อาจเกิดจากน้องแมวมีเลือดออก หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร 

 

  1. น้องแมวป่วย มีกลิ่นปาก 

กลิ่นปากของน้องแมวในที่นี้ คุณต้องแยกให้ออกนะว่าเป็นกลิ่นของอาหารหรือเป็นกลิ่นที่ผิดปกติ หากพบว่าน้องแมวมีกลิ่นปาก อยากให้คุณเจ้าของลองทำความสะอาดช่องปากของเจ้าเหมียวเสียก่อนค่ะ แนะนำให้ใช้ไม้มาทาทาบิให้น้องแมวกัดเล่นเพื่อระงับกลิ่นปาก ให้น้องกินน้ำเยอะ ๆ แล้วมาดูกันอีกทีว่าน้องยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่อีกหรือไม่.. เพราะหากยังมีอยู่นี้อาจจะเป็นสัญญาณสำคัญของแมวป่วย ซึ่งกลิ่นปากอาจหมายถึงโรคภายในช่องปาก โรคเหงือก หรืออาจะร้ายแรงไปจนถึงโรคไต โรคเบาหวานได้เลยค่ะ 

แมวป่วย

  1. แมวมีอาการเบื่ออาหาร 

พฤติกรรมการกินของน้องแมวเอง ก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนที่จะบอกถึงอาการป่วยของเขาได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเวลาดื้อไม่ยอมกินอาหาร ซึ่งอาการนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบค่ะ อาจเกิดจากการเปลี่ยนอาหาร หรือเป็นน้องแมวที่มีนิสัยเลือกกิน พอเจอเมนูไม่ถูกใจก็ดื้อไม่ยอมกินซะเลย อันนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่ถ้าหากเป็นของโปรดที่ปกติต้องกระโจนเข้าหาทุกครั้ง แต่มาวันนี้มีอาการซึม ไม่ยอมกินอาหาร อันนี้แหละน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ 

 

  1. หายใจเร็ว หายใจถี่ 

หากเป็นช่วงเวลาที่น้องแมววิ่งเล่นสนุกมา จะมีหายใจเร็วกว่าปกติจากการออกกำลังกายก็ไม่แปลกค่ะ แต่ถ้าเขานอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายแต่กลับหายใจเร็ว หายใจถี่ผิดปกติอันนี้น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ให้นำน้องไปอยู่ที่ในที่ที่เย็น โปร่งสบาย ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อคลายความร้อนให้น้อง ป้องกันการเป็นฮีทสโตรก และช็อกจนเสียชีวิตได้ค่ะ 

 

  1. น้องแมวซึม ไม่ร่าเริง 

อยู่ด้วยกันทุกวัน เจ้าทาสรู้ดีอยู่แล้วว่าแมวของคุณมีนิสัยอย่างไร หากเดิมน้องเป็นแมวร่าเริง ชอบเรียก ติดคน แต่อยู่ ๆ มาวันนึงมีอาการซึม ไม่ร่าเริง ไม่เล่น ไม่สนใจ ให้คุณเฝ้าดูอาการเบื้องต้นก่อนเลยค่ะ (บางทีน้องอาจจะงอนคุณอยู่หรือขี้เกียจก็ได้) หากน้องแมวยังเมินใส่ ไปแอบหลบตามซอกตามมุม ปลีกวิเวกผิดปกติ เดินลากขาหลัง แสดงว่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าน้องแมวป่วยอยู่ค่ะ 

 

  1. มีน้ำมูก ขี้ตาเยอะผิดปกติ 

เรื่องของน้ำมูก ขี้ตา ก็กลายเป็นสัญญาณเตือนแมวป่วยได้เหมือนกัน คุณจึงควรทำความสะอาดขี้ตาของแมวเหมียวอย่างเป็นประจำ ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนเป็นคราบ และเพื่อให้คุณได้รู้ด้วยว่าปริมาณน้ำตา น้ำมูกของแมวปกติแล้วจะมีประมาณไหน แล้วเยอะแค่ไหนถึงถือว่าผิดปกติ (น้องแมวบางพันธุ์จะมีอาการตาแฉะ ขี้ตาเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) ซึ่งอาการน้ำมูก ขี้ตาเยอะผิดปกติสามารถบ่งบอกได้ว่าน้องแมวกำลังป่วยอยู่ได้ ที่พบบ่อยคือไข้หวัด และอาการตาอักเสบ ควรเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีสัญญาณอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ควรพาน้องพบสัตวแพทย์เพื่อรักษาต่อไป ห้ามให้กินยาของคนเด็ดขาด อันตรายถึงชีวิตเลยนะ 

 

เพราะเรื่องของอาการเจ็บป่วยของแมว ก็มีแต่เจ้าของอย่างเราเนี่ยละที่จะสามารถสังเกตแล้วช่วยเขาได้ แต่นอกจากการใส่ใจ สังเกตสัญญาณเตือนเวลาแมวป่วยแล้ว ในช่วงเวลาปกติที่เขาเล่นซน อ้อนคุณได้ตามปกติ การดูแลเขาทั้งร่างกายและจิตใจก็เป็นเรื่องที่ห้ามละเลย โดยเฉพาะการเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพิ่มเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ ด้วย อาหารแมวจาก Buzz Pet Food อัดแน่นด้วยวัตถุดิบ และโภชนการที่ครบถ้วนเหมาะกับเจ้าแมวเหมียวทุกสายพันธุ์ ควบคุมปริมาณโซเดียม ไม่ใส่สี ไม่ใส่สารกันบูด เพื่อให้แมวของคุณสุขภาพดีได้ในระยะยาว 

 

เรื่องต้องรู้ของมือใหม่ หัดเลี้ยง ลูกสุนัข

เทคนิคการเลี้ยง ลูกสุนัข ที่ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่าต้องรู้และเข้าใจ เพื่อให้น้องหมาโตขึ้นมาอย่างมีสุขภาพร่างกาย สุขภาพใจที่ดี ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง? 

 

การเลี้ยง ลูกสุนัข ถือเป็นการเข้ามาของสมาชิกใหม่ที่เพิ่มความสดใส และเสียงหัวเราะให้คนในบ้านไม่น้อยเลยค่ะ ด้วยความน่ารักตามวัยของเขาเอง จึงทำให้หลายคนตกหลุมรักเจ้าตัวแสบเหล่านี้ได้ง่าย ๆ แต่ความน่ารักสดใสของลูกสุนัขนี้ ก็แฝงมาด้วยความซนความแสบที่คุณต้องรับมือ พร้อม ๆ กันกับการดูแลสุขภาพ อาหาร พฤติกรรมที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาโตขึ้นมาเป็นสุนัขนิสัยดี ฉลาด แข็งแรงต่อไปในอนาคต แต่เรื่องอะไรบ้าง? ที่มือใหม่หัดเลี้ยงลูกสุนัขต้องรู้… เรามีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

ลูกสุนัขกับเลเวลความซน x10 ที่คุณต้องรับมือ 

ลูกสุนัขอายุประมาณ 2 – 3 เดือน (ช่วงเวลาที่นิยมเริ่มต้นเลี้ยงมากที่สุด) ถ้าเทียบกับเด็กก็เป็นวัยกำลังหัดวิ่งเลย ระดับความซน ความทะโมนย่อมคูณสิบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่ที่มีความป่วน กวน บ้าพลังเป็นทุนเดิม เจ้าของอย่างเราจึงมีหน้าที่ต้องคอยห้าม คอยฝึกเขาในกรณีที่ความซนของเขามันเกินลิมิต การสอนให้เขารู้จักฟังคำสั่ง รู้ว่าอะไรคือเรื่องที่ห้ามทำ เหนื่อยวันนี้ส่งผลดีต่อน้องหมาในอนาคตแน่นอน 

 

สิ่งที่ต้องรับมือมากเป็นพิเศษคืออาการคันฟันของสุนัข เขาจะกัดทุกอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่ตัวคุณไปยันเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งลูกสุนัขเองจะยังไม่รู้จักยั้งแรง ไม่รู้ว่าแรงกัดขนาดไหนที่ทำให้คุณเจ็บ การฝึกให้เขาหยุดกัดจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้เขาติดนิสัยชอบกัด จนกลายเป็นน้องหมาดุร้ายในอนาคต 

  • หาของเล่นสำหรับลูกสุนัขที่ซัพพอร์ตอาการคันฟันของน้องหมา เลือกที่ปลอดภัยมั่นใจว่าจะไม่มีสารเคมีตกค้าง หรือเป็นอันตรายต่อสุนัขจริง ๆ 
  • หากลูกสุนัขเริ่มเล่นกับคุณด้วยการกัดที่แรงขึ้น ให้คุณเจ้าของร้องออกมาด้วยเสียงที่สูงเลียนแบบเสียงร้องของสุนัขเวลาเจ็บ ผ่อนแรงในส่วนที่เขากำลังกัดอยู่ลง และหยุดเล่นกับลูกสุนัขทันที เพื่อให้เขารู้ตัวว่าการกัดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 
  • สำหรับน้องหมาที่ดื้อมาก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกัด คุณสามารถดุด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติได้แต่ห้ามตี ห้ามใช้ความรุนแรงนะคะ และไม่ควรใช้วิธีร้องเลียนเสียงสุนัขบ่อยเกินไป เพราะน้องหมาจะไม่เกิดการเรียนรู้ 

ลูกสุนัข

ความสะอาด สุขภาพ และการรับวัคซีนให้ครบสำคัญ 

เพราะลูกสุนัขก็เหมือนเด็กอายุน้อย ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ของร่างกายยังไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น บวกกับความซนของเขาที่อาจจะแจ็คพอตแตกเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดเข้า เจ้าของอย่างเรามีหน้าที่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข 

 

ยิ่งซนยิ่งต้องสะอาด : การอาบน้ำ ทำความสะอาดเป็นการเสริมสุขลักษณะที่ดีให้น้องหมา โดยเฉพาะหากลูกสุนัขไปเล่นซนจะเลอะมาทั้งตัว ยิ่งต้องรีบทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ที่ใช้จำเป็นต้องมีค่า pH เหมาะกับผิวหนังลูกสุนัข ห้ามใช้แชมพูของคนเด็ดขาด และทุกครั้งที่อาบน้ำเสร็จต้องเป่าขนให้แห้ง เพื่อรักษาสภาพผิวหนังให้ดีอยู่เสมอ ไม่มีปัญหาเชื้อราหรือโรคอื่น ๆ ตามมา 

 

การรับวัคซีน ถ่ายพยาธิคือเรื่องขาดไม่ได้ : ถือเป็นเรื่องสำคัญของเจ้าของลูกสุนัขทุกตัวที่ต้องให้ความสำคัญกับการรับวัคซีนสุนัขให้ครบถ้วนทุกชนิด กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ เพราะค่าใช้จ่ายของโรคเหล่านี้มีสูงมาก 

เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรงด้วยอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ 

ด้วยร่างกายที่ต้องเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของลูกสุนัข จึงทำให้เขาจำเป็นต้องได้สารอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการที่ครบถ้วน เหมาะสมกับสุขภาพเพื่อช่วยในเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มความแข็งแรง และได้รับพลังงานอย่างเพียงพอในแต่ละวัน บวกกับข้อจำกัดบางอย่างภายในร่างกาย ขนาดกระเพาะที่ยังเล็กอยู่ รวมไปถึงวัตถุดิบบางอย่าง อาทิ นมวัว กระดูก อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร จึงทำให้เจ้าของควรเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะอย่าง Buzz Healthy Life สูตร Puppy Growth สูตรเนื้อแกะแท้ โปรตีนคุณภาพสูงนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ช่วยลดอาการแพ้อาหาร เสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีสารสกัดจากโรสแมรี่ช่วยลดอาการเครียดในสุนัข เม็ดอาหารมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เลือกให้เหมาะสมกับพันธุ์ของลูกสุนัขได้ 

 

เพราะการเลี้ยงดูลูกสุนัขด้วยความรัก ความเข้าใจ และอาหารที่ดีที่สุด ถือเป็นจุดเริ่มที่จะทำให้ลูกสุนัขตัวน้อยของคุณ เติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบมากที่สุดค่ะ 

ทำอย่างไรเมื่อ สุนัขท้องเสีย

สุนัขท้องเสีย อีกหนึ่งอาการที่พบได้ในสุนัขทุกสายพันธ์ุและทุกช่วงวัย โดยอุจจาระจะมีลักษณะ กลิ่น และสีที่ผิดปกติ นิ่มเป็นน้ำ หรืออาจมีมูกเลือดปนออกมาด้วย และมักมีความถี่ในการถ่ายมากกว่า 3 ครั้ง / วัน

 

สุนัขท้องเสีย เกิดจากอะไร ?

  สุนัขท้องเสียเป็นภาวะผิดปกติที่ลำไส้บีบตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้การดูดซึมอาหารและน้ำลดลง จึงทำให้อุจจาระที่ถ่ายออกมาเหลวเป็นน้ำ โดยทั่วไปอาการท้องเสียสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ

  • สุนัขท้องเสียแบบเรื้อรัง มักเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร เช่น น้ำย่อย ตับ ตับอ่อน เป็นต้น 
  • สุนัขท้องเสียแบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นเร็วและกินระยะเวลาไม่นาน มีสาเหตุมาจากอาหารหรือยาที่กินเข้าไป ได้รับสารพิษ และการติดเชื้อ  

โดยสุนัขท้องเสียจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อบิด หรือพยาธิ สีของอุจจาระที่ถ่ายออกมาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดเชื้อ หากติดเชื้อที่ลำไส้เล็ก อุจจาระจะมีสีเทา เหลวเป็นน้ำ และอาจมีเลือดปนทำให้อุจจาระมีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนในกรณีติดเชื้อที่ลำไส้ใหญ่ อุจจาระมักมีมูกปน มันวาว โดยอาจมีเลือดปนออกมาด้วย 

สุนัขท้องเสีย

จัดการกับปัญหาสุนัขท้องเสีย

    อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นในสุนัขมักมาพร้อมกับอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องอืด และอ่อนเพลีย หากสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ เจ้าของจะต้องงดการให้อาหาร 6 – 12 ชั่วโมง ให้เฉพาะน้ำเท่านั้น โดยเจ้าของจะต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากยังไม่ดีขึ้นยังถ่ายเหลวหรืออาเจียนอยู่ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้สุนัขท้องเสีย และรักษาได้อย่างถูกจุด

    สุนัขท้องเสียแม้จะไม่ร้ายแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น เจ้าของอย่างเราจึงต้องพาเจ้าตูบไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ พาไปฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด รวมทั้งพาเจ้าตูบเข้ารับการถ่ายพยาธิทุก ๆ 6 เดือน และอย่าลืมคอยสังเกตไม่ให้เจ้าตูบกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปด้วย นอกจากนี้ การเลือกอาหารสุนัขที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและสุขภาพที่แข็งแรงให้เจ้าตูบได้ อย่าง Buzz Netura High – quailty meat / Grain free อาหารสุนัขที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ย่อยง่าย ช่วยลดปริมาณและกลิ่นของอุจจาระ ไม่แต่งสี กลิ่น รส และสารกันบูด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเจ้าตูบจะมีสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงที่เกิดปัญหาท้องเสียได้

ก้อนขนอุดตัน ปัญหาของเจ้าเหมียวที่ต้องจัดการ

เพราะเจ้าเหมียวชอบเลียขน จึงไม่แปลกที่จะเกิดปัญหา ก้อนขนอุดตัน ทาสแมวจะต้องหาวิธีป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

 

ก้อนขนอุดตัน เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ก้อนขนอุดตัน ปัญหาที่มักพบในแมว โดยเฉพาะแมวขนยาว เพราะพฤติกรรมรักสะอาดโดยธรรมชาติของแมวที่มักจะจัดแต่งขน ทำความสะอาดร่างกายตัวเองด้วยการเลียขน ซึ่งลิ้นของเจ้าเหมียวที่มีลักษณะสากเหมือนหนามเล็ก ๆ  จะทำหน้าที่คล้ายกับแปรงช่วยเกี่ยวขนให้หลุดร่วงออกไป ซึ่งขนเหล่านี้ก็ไม่ได้ร่วงลงพื้นหรือหายไปไหน แต่เจ้าเหมียวจะกลืนมันเข้าไปด้วย โดยขนที่อยู่ในทางเดินอาหารจะรวมตัวกันเป็นก้อน หรือที่เรียกว่า ก้อนขน ( Hair Ball ) ซึ่งโดยปกติเจ้าเหมียวจะกำจัดก้อนขนออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระหรืออาเจียนออกมา แต่ในกรณีที่ยังมีก้อนขนตกค้างในทางเดินอาหาร เพราะกินขนเข้าไปมากกว่าปกติ หรือการทำงานของระบบย่อยอาหารผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันได้ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อร่างกายของเจ้าเหมียวได้ไม่ใช่น้อย

 

ก้อนขนอุดตัน ส่งผลอย่างไรต่อเจ้าเหมียว

  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้ท้องผูกและท้องเสีย เนื่องจากลำไส้จะบีบตัวเพื่อกำจัดก้อนขน ซึ่งการบีบตัวมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ส่วนกรณีท้องผูก ก็เป็นเพราะก้อนขนขนาดใหญ่อุดตันในลำไส้ทำให้ขับถ่ายลำบาก
  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้ไอและอาเจียน เพื่อขับก้อนขนที่ตกค้างออกมา
  • ก้อนขนอุดตัน ทำให้เบื่ออาหารและเซื่องซึม เพราะปัญหาการขับถ่าย รวมทั้งอาการอื่น ๆ ของปัญหาก้อนขนอุดตัน ทำให้เจ้าเหมียวอยากอาหารน้อยลง

เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวจากปัญหาก้อนขนอุดตัน ทาสจะต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องการทำความสะอาดร่างกาย และอาหารเป็นพิเศษ

ก้อนขนอุดตัน

 

ป้องกันปัญหาก้อนขนอุดตันด้วยวิธีง่าย ๆ 

วิธีป้องกันปัญหาก้อนขนอุดตัน เริ่มจากการกำจัดต้นต่อของปัญหา นั่นคือ การอาบน้ำให้เจ้าเหมียวอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยต้องเป่าขนให้แห้ง และแปรงขนเป็นประจำ ถึงแม้จะไม่อาบน้ำก็ตาม ทาสก็ต้องหมั่นแปรงขนให้น้อง เพื่อกำจัดขนที่หลุดร่วงออกไปให้ได้มากที่สุด

และท้ายที่สุด คือ การเลือกอาหารแมวที่มีกากใยอาหารสูง เพื่อช่วยขับก้อนขนไม่ให้อุดตันในทางเดินอาหาร อย่าง Buzz Advanced Nutrition อาหารแมวที่ตอบสนองความต้องการทางด้านสุขภาพ ด้วยสารอาหารครบถ้วนตามที่แมวต้องการ พร้อมทั้งมีเส้นใยเซลลูโลสพลัส ช่วยให้เส้นขนผ่านทางเดินอาหารได้ดีขึ้น จึงหมดกังวลว่าจะเกิดปัญหาก้อนขนอุดตันมากวนใจเจ้าเหมียวของคุณ