Cook With Heart, Feed With Love™

ไขข้อสงสัย: “แมวติดสัด ผอมลงจริงไหม?” พร้อมวิธีรับมือที่ทาสแมวควรรู้!

แมวติดสัด หรือ แมวฮีท (Estrus) คืออะไร?

“แมวติดสัด” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “แมวฮีท” คือช่วงเวลาที่ฮอร์โมนในร่างกายของน้องแมวมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ โดยปกติแล้ว อาการติดสัดจะเริ่มขึ้นในแมวเพศเมียที่มีอายุตั้งแต่ 4-10 เดือนขึ้นไป และสามารถเกิดขึ้นได้เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวที่ไม่ได้รับการทำหมัน เมื่อน้องแมวมีอายุมากขึ้น ฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการติดสัดจะลดลงไปเอง

สัญญาณที่บ่งบอกว่า “น้องแมวติดสัด”

หากน้องแมวของคุณกำลังอยู่ในช่วงติดสัด คุณอาจสังเกตเห็นอาการเหล่านี้:

  1. ก้าวร้าวและไม่เป็นมิตร: น้องแมวอาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น หงุดหงิดง่าย หรือไม่ยอมให้จับต้องตัวเหมือนปกติ
  2. กระวนกระวาย อยากจะหนีออกนอกบ้าน: น้องแมวจะแสดงความกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เดินวนไปมา ร้องเรียก หรือพยายามหาทางออกนอกบ้านเพื่อไปหาคู่
  3. ร้องหง่าวโหยหวนทั้งคืนทั้งวันไม่ยอมกินข้าว: นี่คืออาการที่พบได้บ่อยที่สุด น้องแมวจะส่งเสียงร้องหง่าวอย่างต่อเนื่องและดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเรียกร้องความสนใจจากแมวเพศผู้ อาการนี้อาจทำให้น้องกินอาหารน้อยลงหรือไม่กินเลย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักลดลง และเป็นที่มาของคำถามที่ว่า “แมวติดสัดผอมลงจริงไหม” นั่นเองค่ะ

สรุปคือ: แมวติดสัด “ผอมลงจริง”  สาเหตุหลักมาจากการที่น้องแมวเครียด กังวล และโฟกัสกับการหาคู่ ทำให้กินอาหารน้อยลง หรือไม่ยอมกินเลยในช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก

วิธีดูแลและรับมือน้องแมวช่วงติดสัด

เมื่อทราบแล้วว่าน้องแมวติดสัดผอมลงได้จริง แล้วเราจะดูแลน้องอย่างไรดี? นี่คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ทาสแมวสามารถนำไปปรับใช้ได้เลย

  1. หากันชนหูให้น้อง: การหากันชนหู (ear muffs) หรืออุปกรณ์ลดเสียงรบกวนให้น้องแมว อาจช่วยลดความเครียดและอาการก้าวร้าวที่เกิดจากความอยากออกไปหาคู่ได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  2. ใช้กัญชาแมว (Catnip): กัญชาแมวสามารถช่วยบรรเทาอาการเครียดและทำให้น้องแมวรู้สึกผ่อนคลายได้ชั่วคราวประมาณ 1-2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผลของกัญชาแมวขึ้นอยู่กับแต่ละตัว ควรทดลองใช้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน
  3. ใช้ปลั๊กอินฟีโรโมน (FELIWAY หรือ PHEROMONE) สังเคราะห์: ผลิตภัณฑ์ฟีโรโมนสังเคราะห์สำหรับแมว เช่น Feliway สามารถช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายให้กับน้องแมวได้ โดยจะปล่อยฟีโรโมนที่เลียนแบบฟีโรโมนตามธรรมชาติของแมว ซึ่งช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ดีเยี่ยม ควรเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  4. ดูแลกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอ: แมวที่กำลังติดสัดอาจจะมีการขับถ่ายที่ถี่ขึ้น หรืออาจจะปัสสาวะไม่เป็นที่ การรักษากระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอจะช่วยลดความเครียดและทำให้แมวรู้สึกสบายตัวมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำหมัน!

วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับอาการติดสัดของแมว และป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมา รวมถึงการตั้งท้องที่ไม่พึงประสงค์ และการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่าง ๆ ในระบบสืบพันธุ์ คือการ ทำหมัน การทำหมันจะช่วยปรับฮอร์โมนของน้องแมวให้กลับมาเป็นปกติ ทำให้พฤติกรรมก้าวร้าวหรืออาการร้องหง่าวลดลง น้องแมวจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทาสแมวทุกท่านที่กำลังประสบปัญหาน้องแมวติดสัดนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับน้องแมวของคุณได้เลย

5 เคล็ดลับคลายเครียดให้น้องหมาแมวเหมียวช่วงหน้าฝน

เข้าสู่หน้าฝนทีไร เจ้าตูบเจ้าเหมียวที่บ้านมีอาการเครียด กลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า หรือเสียงฝนตกหนัก ๆ กันบ้างไหมคะ? เสียงที่ดังและคาดเดาไม่ได้เหล่านี้อาจทำให้น้องหมาน้องแมวรู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวลได้ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ Buzz มี 5 เคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้น้อง ๆ รู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ตาม

1. จัดมุมสงบ ปลอดภัยให้น้อง ๆ

ลองหาพื้นที่ที่เงียบสงบและปลอดภัยสำหรับน้องหมาน้องแมวของคุณ เช่น ใต้โต๊ะ ใต้เตียง หรือมุมห้องที่มิดชิด จากนั้นปูผ้าหนานุ่ม หรือเบาะรองนอนให้น้อง ๆ ได้ซุกตัว ความรู้สึกที่ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวที่อบอุ่นจะช่วยให้น้องรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้นค่ะ

2. สวมเสื้อหรือห่มผ้าให้น้อง

การสวมเสื้อที่พอดีตัว หรือใช้ผ้าห่มผืนโปรดคลุมตัวน้องหมาน้องแมวไว้ จะช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นและกระชับ เหมือนมีคนกอดอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกปลอดภัยนี้จะช่วยลดความตื่นตระหนกจากเสียงภายนอกได้เป็นอย่างดี ลองสังเกตว่าน้องชอบผ้าแบบไหนเป็นพิเศษ แล้วจัดหาให้น้องนะคะ

3. ปิดหน้าต่างและม่านให้สนิท

เพื่อลดเสียงรบกวนจากฟ้าร้อง ฟ้าผ่า หรือเสียงฝนที่ตกกระทบหน้าต่าง ให้ปิดหน้าต่างและรูดม่านให้สนิท นอกจากจะช่วยลดเสียงแล้ว ยังช่วยให้น้องไม่เห็นแสงแฟลชจากฟ้าผ่า ซึ่งอาจทำให้น้องตกใจได้อีกด้วย

4. อยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ต้องพูดเยอะ

บางครั้งแค่การที่คุณอยู่ใกล้ ๆ น้องก็เพียงพอแล้วค่ะ การนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูบหัวเบา ๆ หรือแค่ให้น้องได้ซบตักโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก จะทำให้น้องรู้ว่า “เราอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนนะ” ความรู้สึกว่ามีเจ้าของอยู่ใกล้ ๆ จะช่วยให้น้องสงบลงได้มากเลยล่ะค่ะ

5. หาขนมหรืออาหารให้น้องเคี้ยวเพลิน ๆ

การให้น้องหมาน้องแมวได้เคี้ยวอะไรบางอย่าง เช่น ขนมขัดฟัน หรืออาหารที่ต้องใช้เวลาเคี้ยวนาน ๆ จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเสียงฝนที่ดังอยู่ภายนอก น้องจะโฟกัสกับการเคี้ยวอาหารแทน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดลงได้ค่ะ


จำไว้นะคะว่า ฝนตกหนักแค่ไหนก็ไม่เท่าใจเราที่เป็นห่วงน้อง การดูแลเอาใจใส่น้องหมาน้องแมวในช่วงเวลาที่พวกเขากลัว จะช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและลดความเครียดลงได้มากเลยค่ะ อย่าลืมนำเคล็ดลับเหล่านี้จาก Buzz ไปปรับใช้กันดูนะคะ!